Safer Internet Day หรือ วันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ต เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2547 ใน 2 ปีก่อนหน้าที่ทวิตเตอร์ได้ถือกำเนิดขึ้น ในเดือน ก.พ. 63 นี้ ครบรอบ 16 ปีของวันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา Twitter ได้จัดการแก้ปัญหาในเรื่องของเนื้อหาที่มีการละเมิดบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แม้ว่า จะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไปก็ตาม แต่ก็ได้ลงมือแก้ปัญหาในเรื่องสำคัญ อาทิ
- ทวิตเตอร์ ไม่รอแค่การรายงานเท่านั้น แต่ใช้เทคโนโลยีจัดการกับข้อความละเมิดบนทวิตเตอร์ ซึ่งปัจจุบัน สามารถจัดการข้อความมากกว่า 1 ใน 2 ข้อความได้แล้ว เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่สามารถจัดการได้ 1 ใน 5 ข้อความ
- ทวิตเตอร์ได้ดำเนินการล็อคหรือระงับแอคเคาท์ทวิตเตอร์เพิ่มขึ้น 105% เนื่องจากละเมิดกฎของทวิตเตอร์
- เดือนพฤศจิกายน 2562 ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ทั่วโลกสามารถเลือกซ่อนการตอบกลับ (hide replies) เพื่อให้สามารถควบคุมบทสนทนาบนไทม์ไลน์
- เดือนธันวาคม 2562 ทวิตเตอร์ได้เพิ่มจำนวนและความหลากหลายของคณะกรรมการเพื่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัย (Trust and Safety Council) ซึ่งจะมีทั้งผู้เชี่ยวชาญและองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโปรแกรมและผลิตภัณฑ์ รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ บนทวิตเตอร์
- ทั้งนี้ล่าสุดทวิตเตอร์ได้แถลงถึงกฎใหม่ที่เกี่ยวกับเรื่องคอนเทนท์ที่มีการตัดแต่งหรือดัดแปลง โดยตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ทวิตเตอร์จะเริ่มติดป้ายจำแนกข้อความต่างๆ หากพบว่าคอนเทนท์ที่นำมาแชร์มีการตัดแต่งหรือดัดแปลงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและตั้งใจหลอกลวง ข้อความที่ถูกติดป้ายนั้นๆ จะถูกลิงก์มาที่ทวิตเตอร์เพื่อตรวจสอบเนื้อหา ด้วยการหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถืออื่นๆ มาประกอบ
อย่างไรก็ดี ทวิตเตอร์กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนและเป็นเรื่องสำคัญในการใช้งานทวิตเตอร์ได้อย่างปลอดภัย ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชอบติดตามข่าวสารต่างๆ ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ติดตามดาราเซเลบที่ตนเองชื่นชอบ และเทรนด์ใหม่ๆ แฮชแท็กบนทวิตเตอร์สามารถบอกได้ว่าผู้คนกำลังพูดถึงเรื่องนั้นๆ อย่างไร เรียกได้ว่าพวกเขาคือผู้กำหนดหัวข้อที่เป็นประเด็นประจำวัน
สำหรับผู้ใช้งานทวิตเตอร์ทั้งผู้ที่เริ่มต้นใช้งานหรือใช้จนเชี่ยวชาญแล้วก็ตาม หากศึกษาวิธีการใช้งานทวิตเตอร์เพิ่มเติมไว้อีกนิดเพื่อความปลอดภัยก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ว่าคุณจะชอบอ่านฟีดข่าวบนหน้าไทม์ไลน์ หรือชอบทวีตข้อความเกี่ยวกับเรื่องการจราจร หรือการโชว์ความน่ารักของน้องแมว ทั้งนี้มีทิปส์ง่ายๆ 5 ข้อเพื่อให้การใช้งานบนทวิตเตอร์อย่างปลอดภัยและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นดังนี้
1. ปลอดภัยยิ่งขึ้น! ด้วยการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน
เปิดใช้การล็อกอินและการตั้งค่ารหัสพาสเวิร์ดด้วยการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน หรือ 2FA (2 Factor Authentification) เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการส่งรหัสยืนยันการเข้าระบบ (OTP) ไปที่มือถือของคุณ ซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนอีกขั้นในการรักษาความปลอดภัยให้กับแอคเคาท์ของคุณ โดยคนที่มีทั้งรหัสพาสเวิร์ดและรหัสที่ถูกส่งเข้าไปที่มือถือเท่านั้นจึงจะสามารถล็อกอินใช้งานแอคเคาท์ได้ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://help.twitter.com/en/managing-your-account/two-factor-authentication
2. ป้องกันแอคเคาท์ของคุณได้ด้วยปลายนิ้ว
หลังจากลงทะเบียนใช้งานทวิตเตอร์และทวีตข้อความแล้ว ข้อความของคุณจะปรากฎเป็นสาธารณะและทุกคนสามารถอ่านข้อความของคุณได้ ทั้งคนที่ติดตามคุณหรือไม่ได้ติดตามคุณก็ตาม และแม้แต่คนที่ไม่ได้มีแอคเคาท์ใช้งานทวิตเตอร์ แต่คุณมีตัวเลือกที่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการตั้งค่าให้ข้อความของคุณสามารถเห็นได้เฉพาะคนที่ติดตามคุณเท่านั้น (ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่จะกดติดตามคุณจะต้องได้รับการตรวจสอบจากคุณก่อน) และข้อความนั้นๆ จะไม่ไปปรากฎในหน้าการค้นหาของกูเกิลเพียงเข้าไปตั้งค่าแอคเคาท์ ตรง “ปกป้องทวีตของคุณ” (Protect your Tweets)
3. ร่วมกันจัดการกับพวกชอบเกรียนและบูลลี่
การใช้งานทวิตเตอร์ก็เหมือนกับการใช้ชีวิตประจำวันที่คุณอาจพบเจอกับคนที่เกรียน หรือคนที่เข้ามาข่มเหงรังแกได้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการรับมือกับคนพวกนี้ในทวิตเตอร์เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าในชีวิตจริงเนื่องจากมีทางออกง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพคือ คุณสามารถจำกัดบางแอคเคาท์ให้ไม่สามารถติดต่อคุณ ไม่ได้เห็นข้อความที่คุณทวีต และไม่ให้ติดตามคุณด้วยการบล็อกแอคเคาท์เหล่านั้น อีกทั้งคุณยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Mute ซ่อนการแสดงข้อความหน้าไทม์ไลน์ของคุณได้โดยไม่ต้องเลิกกดติดตามหรือบล็อกแอคเคาท์นั้น นอกจากนี้ฟีเจอร์ Mute ยังสามารถใช้ซ่อนคำ ข้อความ บทสนทนา ชื่อผู้ใช้งานอีโมจิ และแฮชแท็กที่ไม่ต้องการเห็นได้ด้วย
หากคุณพบเห็นพฤติกรรมที่มีการข่มขู่รังแกและคิดว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้ ให้รีบรายงานมายังทวิตเตอร์ ซึ่งไม่เฉพาะข้อความเท่านั้น หากพบว่ามแอคเคาท์ ลิสต์ หรือแม้แต่การส่งข้อความโดยตรง (direct messages) ที่มีแนวโน้มจะเป็นการข่มขู่ก็สามารถกดรายงานได้เช่นกัน ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยทุกคนที่อยู่ในชุมชนของทวิตเตอร์ได้
4. คิดให้ดีทุกครั้งก่อนทวีต
เนื่องจากข้อความของคุณปรากฎเป็นสาธารณะอยู่บนอินเทอร์เน็ต ถ้อยคำที่คุณใช้ในการทวีตข้อความจะคงอยู่ไปตลอดและสามารถย้อนกลับมาสืบค้นได้ในภายหลัง ปัจจุบันนี้ข้อความในเชิงลบหรือข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงสามารถก่อให้เกิดการข่มขู่ รังแก และการเกรียนใส่กันได้อยู่ตลอด ขอให้คุณอ่านทวนข้อความที่อยากจะสื่อสารออกไปอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนที่จะทวีต หรือวิธีที่ง่ายที่สุดก็คืออย่าบูลลี่คนอื่น หากคุณเองก็ไม่อยากโดนบูลลี่เช่นเดียวกัน
5. ระมัดระวังการแชร์ข้อมูลส่วนตัว
เราอยู่ในยุคที่ทุกคนต่างแชร์ข้อมูลของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจงระมัดระวังในสิ่งที่คุณกำลังจะแชร์ออกไปให้มากๆ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัว โปรดจำไว้ให้ดีว่าเมื่อคุณทวีตไปแล้ว ข้อความนั้นจะมีคนเห็น มีการรีทวีต มีการแชร์ต่อ คุณแน่ใจหรือว่าคุณอยากจะแชร์ให้กับคนอื่นรู้ว่าคุณกำลังอาศัยอยู่ที่ไหน ครอบครัวของคุณมีใครบ้าง และพวกเขาทำงานอยู่ที่ไหน แม้แต่การแชร์โลเคชั่นเองก็มีความเสี่ยง ทวิตเตอร์จึงมีตัวเลือกว่าคุณอยากจะระบุสถานที่บนโพรไฟล์และข้อความที่กำลังจะทวีตหรือไม่ ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะปิดฟังก์ชั่นนี้ได้ หรือหากคุณเลือกที่จะระบุสถานที่ ขอให้คิดให้ดีก่อนทุกครั้งก่อนทวีตข้อความว่าคุณอาจจะกำลังเปิดเผยข้อมูลถึงสถานที่ที่คุณกำลังอยู่หรือกำลังบอกที่อยู่โรงเรียนของลูก คุณสามารถจัดการได้ว่าจะแชร์ข้อมูลใดบ้าง แค่คลิกฟีเจอร์ Location sharing ของทวิตเตอร์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Twitter ไม่สามารถทำให้ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยลำพัง นอกเหนือจากฟีเจอร์และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้คนได้รับประสบการณ์การใช้งานบนทวิตเตอร์ได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น โดยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ทวิตเตอร์จึงมีการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรด้านความปลอดภัยจากทั่วโลกเพื่อขยายแนวทางในการเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งมีการจัดทำโฆษณา Ad for Good Grant เพื่อช่วยเหลือแคมเปญต่างๆ รวมถึงการร่วมมือทำงานในสิ่งที่ทุกคนสามารถทำเพื่อให้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้นได้ โดยขณะนี้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยและนำเสนอผลงานของทวิตเตอร์ไปทั่วทั้ง 4 ทวีป อีกทั้งได้เข้าร่วมงานอีเวนท์ที่จัดขึ้นทั่วโลกเพื่อรำลึกถึงวันแห่งการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ จึงอยากชวนให้ทุกคนร่วมกันติดแฮชแท็ก #วันการใช้อินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยขึ้น #SaferInternetDay และ #SID2020 บนทวิตเตอร์ซึ่งสามารถใช้งานได้ใน 18 ภาษาทั่วโลกและยังมีอีโมจิที่ออกแบบพิเศษสำหรับโอกาสนี้อีกด้วย เพื่อส่งเสริมให้มีการสนทนาบนโลกอินเทอร์เน็ตด้วยความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น