HUAWEI

หัวเว่ยเผย 10 ปัจจัยสำคัญ เร่งกระตุ้นให้ธุรกิจเชิงพาณิชย์ทั่วโลกหันมาปรับใช้ 5G

10 ปัจจัยสำคัญของเทคโนโลยี 5G จากหัวเว่ย  รวมไปถึงนวัตกรรม Super Uplink แบบครบวงจรและโซลูชันการจัดแบ่งเครือข่าย ที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ

อันดับที่ 1 ประสบการณ์เครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุม จะเร่งการติดตั้ง 5G ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

จากข้อมูลล่าสุดของสมาคมผู้จำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (GSA) ในช่วงปลายปี 2562 ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม 62 แห่งใน 34 ประเทศได้ประกาศให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ โดยในจำนวนนี้มีผู้ให้บริการ 41 รายที่ได้รับการสนับสนุนจากหัวเว่ย นับเป็นจำนวนมากถึง 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ให้บริการดังกล่าว “แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภายนอก แต่หัวเว่ยจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป ผลิตภัณฑ์ 5G และโซลูชันของเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมส่วนใหญ่ทั่วโลก ในปัจจุบัน หัวเว่ยได้ลงนามเซ็นสัญญาร่วมกับผู้ให้บริการระบบการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหมด 91 แห่งและได้จัดส่งผลิตภัณฑ์ 5G ไปแล้วมากกว่า 600,000 ชิ้น โดยประสบการณ์ในการติดตั้งเครือข่ายโทรคมนาคมที่ผ่านมาทั้งหมดจะถูกนำไปใช้พัฒนาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถติดตั้งเครือข่าย 5G ได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพที่สุด” นายหยาง เชาปิน กล่าว

อันดับที่ 2 พอร์ตโฟลิโอที่รอบด้าน พร้อมมอบประสบการณ์ 5G อันเหนือชั้นอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่การริเริ่มโครงสร้าง 5Gทั้งในด้านประสิทธิภาพและความครอบคลุม ได้มีการวางแผนการดำเนินการเป็นอย่างดีเพื่อส่งมอบประสบการณ์อันเหนือชั้นให้แก่ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมเหมาะสมในทุกสถานการณ์ โดยสถาปัตยกรรมเครือข่ายสามชั้นประกอบด้วย สถานีฐานขนาดใหญ่หลายแห่งเพื่อประสิทธิภาพและความครอบคลุมขั้นพื้นฐาน การติดตั้งระบบ Easy Macro ที่ไซต์เสาเครือข่ายสัญญาณเพื่อส่งเสริมความครอบคลุม และโซลูชัน LampSite สำหรับระบบดิจิทัลภายในอาคาร ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความครอบคลุมของเครือข่ายที่ราบรื่นและมอบประสบการณ์ที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Massive MIMO AAU เสาสัญญาณที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 25กิโลกรัม สามารถเคลื่อนย้ายและติดตั้งได้ด้วยคนเพียงคนเดียว แต่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่รับรองได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างเครือข่ายของผู้ให้บริการโทรคมนาคมได้เป็นอย่างดี

อันดับที่ 3 โซลูชันอัลตร้าบรอดแบนด์หนึ่งเดียวของอุตสาหกรรม เพื่อการติดตั้งเครือข่ายที่ง่ายยิ่งขึ้น

ในยุค 5Gคลื่นความถี่แบบ TDDแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสร้างประสบการณ์ 5Gอย่างเหนือชั้น อย่างไรก็ตาม มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมจำนวนไม่น้อยที่ได้รับเซ็กเมนท์ของคลื่นความถี่ที่ไม่ต่อเนื่อง เพราะปัจจัยเรื่องกรรมสิทธิ์ของดาวเทียมหรือการแบ่งสรรปันส่วนที่อาจไม่เท่าเทียมกัน หัวเว่ยจึงได้เปิดตัวโซลูชันอัลตร้าบรอดแบนด์หนึ่งเดียวของวงการอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนคลื่นความถี่แบนด์วิดท์สูงสุดที่ 400เมกะเฮิรตซ์ เพียงหนึ่งโมดูลจะทำให้คลื่นความถี่ที่ไม่ต่อเนื่องภายใน 400 เมกะเฮิรตซ์สามารถใช้งานได้ โซลูชันดังกล่าวจะช่วยรักษาโมดูลและทำให้การติดตั้งไซต์เครือข่ายสัญญาณซับซ้อนน้อยลง และยังช่วยลดค่าเช่าไซต์เครือข่ายสัญญาณและฮาร์ดแวร์ของผู้ให้บริการอีกด้วย

อันดับที่ 4 เบลด AAU สุดพิเศษ ครบจบในหนึ่งเดียว ลดความซับซ้อนในการติดตั้ง

การพัฒนาระบบการสื่อสารแบบไร้สาย ผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมเลือกใช้ยูนิตเสาอากาศไร้สายจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนไซต์เครือข่ายสัญญาณและเสาสัญญาณ แต่ตอนนี้ ผู้ให้บริการกลับต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนพื้นที่ติดตั้งเสาอากาศไร้สาย ดังนั้นเสาสัญญาณเบลด AAU ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของหัวเว่ย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของเราในฐานะที่เป็นอุปกรณ์ “เรียบง่ายอย่างเหนือชั้น” ด้วยเป้าหมายที่ช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO)และการลงทุนในฮาร์ดแวร์และไซต์เครือข่ายสัญญาณ”

Huawei 5G Super Uplink

อันดับที่ 5 โซลูชันเครือข่ายโทรคมนาคม DSS เชิงพาณิชย์เจ้าแรกของอุตสาหกรรม เพื่อการติดตั้ง FDD NR 

อย่างรวดเร็วปี 2563 จะเป็นปีแห่งการติดตั้งเครือข่าย 5G เป็นจำนวนมหาศาลทั่วโลก นอกจากการติดตั้งเครือข่าย 5G หลักในย่านคลื่นความถี่ 1-6 เมกะเฮิรตซ์แล้ว ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมยังสามารถติดตั้งเครือข่าย 5G ในช่วงคลื่นความถี่ต่ำกว่า 3 เมกะเฮิรตซ์ FDD เพื่อครอบคลุมเครือข่าย 5G อย่างรวดเร็วได้ โดยสำหรับคลื่นความถี่ FDD ใหม่ในขณะนี้ ข้อแนะนำของหัวเว่ยคือการติดตั้งสัญญาณเครือข่าย 5G โดยตรงจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ FDD สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจเทคโนโลยี LTE สำหรับคลื่นความถี่ FDD ที่มีอยู่ก่อนหน้าสามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยการใช้การบริการโซลูชันโครงข่ายร่วมกัน (DSS) ภายในหนึ่งมิลลิวินาทีของหัวเว่ย เทคโนโลยีนี้สามารถจัดสรรแหล่งที่มาของคลื่นความถี่ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงหนึ่งมิลลิวินาทีเท่านั้น โดยมีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยี LTE การบริการ 5G และความต้องการของการส่งข้อมูลสัญญาณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคลื่นความถี่ได้อย่างดีที่สุด 

อันดับที่ 6 อัลกอริทึมอัจฉริยะ เสริมศักยภาพเครือข่ายชั้นนำ

หัวเว่ยได้พัฒนาเทคโนโลยีการส่งสัญญาณแบบ Massive MIMO อย่างรอบด้าน ทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และการประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยได้จัดทำพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์และอัลกอริทึมที่เหนือชั้นเพื่อเสริมศักยภาพระบบ Massive MIMO ของเราให้ล้ำหน้าอยู่เสมอ ด้านซอฟต์แวร์อัลกอริทึม หัวเว่ยพร้อมด้วยเทคโนโลยีการส่งสัญญาณแบบ MU-MIMO การระบุข้อกำหนดซอฟต์แวร์ หรือ SRS เทคนิคการประมวลผลสัญญาณแบบ full-channel beamforming และอื่นๆ อีกมากมาย ที่พร้อมเสริมความสามารถในการกระจายสัญญาณ ขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุม และพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าถึงขีดสุด โดยหัวเว่ยได้ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง LG U+ ในประเทศเกาหลีใต้ , EE ในประเทศอังกฤษ และ Sunrise ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ติดตั้งเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ในปี 2562 การทดสอบสมรรถนะเครือข่ายจากบุคคลภายนอกซึ่งจัดทำโดย RootMetrics and Connect ระบุว่าหัวเว่ยได้ช่วยพัฒนาประสบการณ์ใช้งานของผู้ให้บริการเครือข่ายให้ทะยานขึ้นสู่อับหนึ่ง โดยมีอัตราดาวน์ลิงก์เฉลี่ยมากกว่าเครือข่ายคู่แข่ง 1.5 ถึง 2 เท่า จึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือชั้นของเทคโนโลยี Massive MIMO ในการให้บริการเชิงพาณิชย์ในสถานการณ์จริงได้เป็นอย่างดี” นายหยาง เชาปิน กล่าว

อันดับที่ 7 เทคโนโลยี 5G สีเขียว ใช้พลังงานน้อยลง

ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารของอุปกรณ์มือถือให้สมบูรณ์และยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทคโนโลยี 5G ซึ่งหัวเว่ยพร้อมมอบโซลูชันการประหยัดพลังงานแบบครบวงจร ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ไซต์เครือข่ายรูปแบบใหม่ และระบบการประสานงานทั่วเครือข่ายด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้งาน เพื่อลดการใช้พลังงานในการกระจายสัญญาณ 5G ต่อบิต พร้อมด้วยนวัตกรรมการออกแบบชิปและอัลกอริทึม วัสดุฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง และเทคโนโลยีกระจายความร้อนล้ำสมัย ซึ่งสามารถส่งมอบเซลล์สัญญาณได้ใหญ่กว่าถึง 50 เท่า ให้กับเสากระจายสัญญาณ (AAUs) ในระบบ 5G แต่กลับใช้พลังงานเทียบเท่าแค่เพียงหน่วยแปลงสัญญาณวิทยุระยะไกล (RRUs) ในระบบ 4G เท่านั้น นอกจากนี้โซลูชันการประหยัดพลังงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังสามารถรักษาดัชนีชี้วัดผลงานที่น่าพึงพอใจได้ในหลากหลายสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จาก symbol, channel, และ carrier shutdown ทั่วทุกโหมดการทำงานบนเครือข่าย รวมถึงย่านความถี่ต่างๆ ตามความต้องการของการให้บริการ เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานที่ละเอียดแม่นยำมากขึ้นในระดับเครือข่าย

อันดับที่ 8 โซลูชันแบบคอนเวิร์จ NSA/SA แบบครบวงจร เพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลของอุตสาหกรรมในอนาคต

เทคโนโลยี 5G ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งานโดยตรง แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้เทคโนโลยี 5G แตกต่างจากเทคโนโลยีกระจายสัญญาณรุ่นก่อนหน้า โดยมาตรฐาน Release 16 จาก 3GPP จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เทคโนโลยี 5G จะสามารถรับส่งข้อมูลที่มีเสถียรภาพสูงและความหน่วงต่ำ (ultra-reliable low-latency communication – URLLC) ได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นที่เข้าใจกันดีในอุตสาหกรรมว่าระบบ Standalone (SA) คือที่สุดของสถาปัตยกรรมเครือข่าย 5G โดยหัวเว่ยได้สนับสนุนและพัฒนาทั้งระบบ NSA และ SA อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายการเข้าถึงผ่านการรับส่งทางคลื่นวิทยุ (Radio Access Network ) core network ชิปเซ็ต และเครื่องปลายทาง ซึ่งจะช่วยให้โอเปอเรเตอร์เครือข่ายโทรคมนาคมสามารถส่งมอบบริการให้กับผู้บริโภค ผู้ใช้งานตามบ้าน และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างครบครัน” นายหยาง เชาปิน กล่าว

อันดับที่ 9 โซลูชัน SUL E2E (Super Uplink) แบบครบวงจรที่มีเอกลักษณ์ เติมเต็มประสบการณ์และศักยภาพการเชื่อมโยงในอุตสาหกรรม

ระบบ TDD แบบดั้งเดิมจะเน้นที่ความต้องการของเทคโนโลยี enhanced Mobile Broadband (eMBB) ซึ่งทำให้ความสามารถในการดาวน์ลิงก์สูงกว่าอัปลิงก์เป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถส่งข้อมูลอัปลิงก์ขนาดใหญ่และมีความหน่วงต่ำ ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งานบางอย่างในภาคอุตสาหกรรม เช่น การถ่ายทอดสดแบบ 4K และ 8K เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หัวเว่ยจึงได้เปิดตัวโซลูชันนวัตกรรม Super Uplink ขึ้น เพื่อประสานการส่งสัญญาณแบบ TDD และสเปคตรัม FDD ปลดล็อคความสามารถในการอัปลิงก์และลดความหน่วงของสัญญาณได้อย่างมีนัยสำคัญ ระบบ TDD ยังสามารถทำงานร่วมกับแถบความถี่แบบ Full SUL ซึ่งส่งผลให้ความสามารถอัปลิงก์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยผลการทดสอบของผู้ให้บริการโทรคมนาคมระบุว่า สามารถลดความหน่วงของสัญญาณได้ถึง 30 เปอร์เซนต์ และเพิ่มอัตราการอัปลิงก์ได้สูงสุดถึง 4 เท่า โดยกลุ่มมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรคมนาคม 3GPP ได้ยอมรับนวัตกรรมดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว

อันดับที่ 10 โซลูชันการจัดแบ่งเครือข่าย ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลในอุตสาหกรรม

เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลในอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ยได้เปิดตัวโซลูชันการจัดแบ่งเครือข่ายที่ครอบคลุมตั้งแต่เครือข่ายการรับส่งทางคลื่นวิทยุ core network เครือข่ายคมนาคม ไปจนถึงเครื่องปลายทาง เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมและลูกค้าอุตสาหกรรมสามารถส่งมอบบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมกับการันตีแบนด์วิดท์สูงและความหน่วงสัญญาณต่ำ ส่งผลให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไร้กังวล โดยโซลูชันดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้กับหลากหลายสถานการณ์ในแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พอร์ตอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ หรือเทคโนโลยีคลาวด์ AR/AR จึงทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ ในขณะเดียวกัน ยังสร้างโอกาสให้ผู้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมสามารถแสวงหาตลาดใหม่ๆ ได้อีกด้วย