AIS แนะ 8 ข้อน่ารู้ ให้อยู่บนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย แนะเร่งพัฒนาทักษะ DQ ของเด็กไทย

อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ฉลาดใช้ดิจิทัล AIS ห่วงใยยุคโควิด-19 เด็กไทยเสี่ยงภัยบนโลกออนไลน์พัฒนาทักษะ DQ ชุดการเรียนรู้ DQ สุดสนุกให้ครอบครัวได้ทำร่วมกัน

จากวิกฤตแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดมาตรการ Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส วิถีชีวิตของทุกคนเปลี่ยนแปลง ทุกคนจะต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้าน โลกดิจิทัลออนไลน์จึงเข้ามามีบทบาท การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) การเรียนจากที่บ้าน (Learn From Home) หรือการเลื่อนเปิดเทอม ซึ่งทำให้ทุกคนผูกติดอยู่กับสื่อดิจิทัลออนไลน์มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นการตระหนักถึงภัยคุกคามจากสื่อออนไลน์

โครงการ AIS อุ่นใจไซเบอร์ เป็นหนึ่งในตัวอย่างโครงการของภาคเอกชน ที่มีเป้าประสงค์ในการสร้างภูมิคุ้มกัน รณรงค์ ปลูกจิตสำนึก ให้คนไทยเกิดการตระหนักรู้ ควบคู่ไปทักษะเพื่อให้ใช้ดิจิทัลอย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย สอดรับกับสถานการณ์ที่สังคมไทยกำลังเผชิญ ประกอบกับบรรยากาศในช่วงวันครอบครัว 14 เมษายน เอไอเอส จึงขอใช้โอกาสนี้ชวนเชิญทุกครอบครัวมาร่วมรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการใช้งาน ด้วยชุดการเรียนรู้ 8 ทักษะการเอาตัวรอดและรับมือภัยบนโลกออนไลน์ สนับสนุนมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ฉลาดใช้ดิจิทัล”

Learn From Home AIS Work from home Learn From Home

พบเด็กไทยเสี่ยงภัยบนโลกออนไลน์มากขึ้น

จากรายงานของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ระบุว่า ในปี 2562 เด็ก Generation Z มีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตในวันหยุดเฉลี่ยอยู่ที่ 12 ชั่วโมง 1 นาทีต่อวัน โดยผลสำรวจดัชนีชี้วัดความปลอดภัยบนสื่อออนไลน์สำหรับเด็ก (COSI ; Child Online Safety Index) ซึ่งจัดทำโดยสถาบัน DQ (DQ Institution) ที่เอไอเอสได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ นำชุดการเรียนรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล DQ มาให้คนไทยได้ใช้งานฟรีนั้น โดยจากผลสำรวจในประเทศไทย พบว่า เด็กไทยมีความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ที่น่าเป็นห่วง 3 ประการ ได้แก่

  1. การถูกรังแกบนออนไลน์ (Cyberbullying) เช่น การโพสต์ดูหมิ่นกลั่นแกล้ง การร่วมกันเพิกเฉยและชักชวนให้คนอื่นไม่คบหาพูดคุยด้วยในออนไลน์ 2. การกระทำที่จะทำให้เสียชื่อเสียง (Reputation Risks) เช่น การโพสต์ประจานล้อเลียน การโพสต์รูปหรือคลิปที่แอบถ่ายหรือไม่เหมาะสมเพื่อสร้างความขบขัน ให้ผู้อื่นอับอาย และ 3. ความเสี่ยงในการติดต่อออนไลน์ (Risky Contacts) เช่น การถูกล่อลวงเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือข้อมูล และการล่อลวงเพื่อทำไปสู่การคุกคามในชีวิตจริง
  2. ทั้งนี้ยังพบอีกว่าเด็กไทยควรได้รับการพัฒนาความสามารถในการใช้สื่อและอุปกรณ์ดิจิทัล ใน 4 ประการ ได้แก่ 1. การสร้างอัตลักษณ์ออนไลน์ (Digital Citizen Identity) ใช้ตัวตนจริงบนโลกออนไลน์ไม่ปลอมแปลงโปรไฟล์, 2. การรับมือเมื่อถูกรังแกออนไลน์ (Cyberbullying Management) สามารถรับมือและจัดการกับการถูกรังแกบนโลกออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม, 3. การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) สามารถคิดวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลที่ปรากฏในโลกออนไลน์ได้ และ 4. การจัดการกับข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management) สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
  3. ขณะเดียวกัน รายงานชุดนี้ระบุว่า ประเทศไทยมีได้คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานใน 2 เรื่องคือ 1. Access คือ มีความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน Digital Infrastructure ที่ดีและเสถียร ผู้คนในประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ดี  และ 2. Cyber Security Infrastructure นโยบายของรัฐบาล รวมถึงจริยธรรมของผู้ประกอบธุรกิจด้านโทรคมนาคม มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างป้องกันเด็กจากภัยในโลกออนไลน์
  4. แม้ว่าการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันจะยังไม่มีวัคซีนในการรักษา แต่เราสามารถช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดของภัยในไซเบอร์ที่แฝงมาในรูปแบบต่างๆ และกำลังคุกคามชีวิตประจำวันของเยาวชนโดยเฉพาะในยุคที่กิจวัตรประจำวันกำลังผูกติดกับโลกดิจิทัลอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยวัคซีนที่ชื่อว่า DQ
  5. ถึงเวลาทุกภาคส่วนในสังคม ควรมีบทบาทสำคัญที่จะต้องช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดของภัยในโลกไซเบอร์โดยร่วมมือกัน กำหนดให้ความปลอดภัยสำหรับเด็กบนออนไลน์เป็นนโยบายสำคัญ ส่งเสริมให้มีหลักสูตรบทเรียนที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับเด็กๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้ปกครองเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในการลดอันตรายในโลกออนไลน์  วิธีที่ใช้แล้วเห็นผลมากที่สุด คือพ่อแม่อบรมลูกให้มีระเบียบวินัยในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลตั้งแต่ลูกยังเล็ก และโรงเรียนมีหน้าที่สำคัญในการสอนเรื่องการเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital citizenship)
Learn From Home AIS Work from home Learn From Home

แนะเร่งพัฒนาทักษะความฉลาดทางดิจิทัล DQ ให้เด็กไทยด้วยเหตุนี้ “โครงการอุ่นใจไซเบอร์” จึงขอร่วมรณรงค์ให้ทุกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน เพื่อชี้แนะ ดูแล และส่งเสริมให้บุตรหลาน มีความตระหนักรู้ถึงภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง หากใช้ดิจิทัลอย่างไม่ระมัดระวัง รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ใน 8 ด้านหลัก ได้แก่

  1. Digital Identity (อัตลักษณ์ออนไลน์) ตัวตนในโลกออนไลน์ให้เหมือนตัวจริง คิด พูด ทำ อย่างถูกต้อง
  2. Digital Use (ยับยั้งชั่งใจ) สามารถควบคุมเวลาตัวเอง ในการใช้งานหน้าจอต่างๆ ได้
  3. Digital Safety (เมื่อถูกรังแกออนไลน์) รู้ตัวเมื่อถูกกลั่นแกล้งคุกคาม และสามารถรับมือพร้อมวางตัวได้เหมาะสม
  4. Digital Security (ท่องเน็ตอย่างปลอดภัย) สามารถปกป้องตัวเองโดยใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งสามารถแยกแยะโปรแกรมหลอกลวง Spam, Scam และ Phishing ได้
  5. Digital Emotional Intelligence (ใจเขา – ใจเรา) คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ไม่ด่วนตัดสินใครบนโลกออนไลน์
  6. Digital Communication (รู้ถึงผลที่จะตามมา) สิ่งที่เคยโพสต์ในออนไลน์ ถึงลบแล้วก็จะยังคงอยู่เสมอ และทำให้เราเดือดร้อนในวันข้างหน้าได้
  7. Digital Literacy (คิดเป็น) แยกแยะข่าวสารได้ ว่าข่าวไหนเป็นข้อมูลเท็จ ข่าวไหนเป็นจริง
  8. Digital Right (รู้สิทธิและความเป็นส่วนตัว) รู้จักสิทธิมนุษยชนและสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวได้
  9. โดย เอไอเอสได้ร่วมกับสถาบัน DQ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล ที่ศึกษาและวิจัยพัฒนาชุดการเรียนรู้ DQ สำหรับเด็กทั่วโลก โดยเปิดให้ทุกครอบครัว ทุกเครือข่าย (ไม่เฉพาะระบบเอไอเอส) สามารถเข้าไปเรียนรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล DQ ที่จำเป็นทั้ง 8 ด้าน ในรูปแบบของอินเตอร์แอคทีฟมัลติมีเดีย และแอนิเมชันสนุกๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.ais.co.th/dq โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ