ทีมงานล้ำหน้าฯ เรามาแกะกล่อง ลองสัมผัส พรีวิว OPPO Reno3 Pro ที่ใหม่หมดจดตั้งแต่หน้าจอแบบ Dual Punch Hole จัดเต็มที่มาให้กับครั้งแรก กล้องหน้าคู่ 44 ล้านพิกเซล เซลฟี่สวยชัดกว่าที่เคย และกล้องหลัง 4 เลนส์ถ่ายสวยทุกระยะ ความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล
ซีรีย์ Reno ของออปโป้ยังคงเดินหน้าพัฒนาด้านนวัตกรรมใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง และนี่เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว มีการอัพเกรดประสิทธิภาพรอบด้านเพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟนดีขึ้นกว่าที่เคย ไม่ใช่แค่อัพสเปค แต่ยังทำสิ่งต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือเรื่องของกล้องที่จัดเต็มยิ่งกว่าเดิม
Unbox แกะกล่อง
เริ่มต้น พรีวิว OPPO Reno3 Pro กันด้วยการแกะกล่องกันเลย แพ็กเกจครั้งนี้มีหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากปีที่แล้ว ที่ตัว OPPO Reno รุ่นแรก และ OPPO Reno2 จะเป็นกล้องแบบยาว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นขนาดคอมแพคสั้นลงโดยที่มีแจ็คเกตหุ้มด้านนอกอีกชั้น ที่มุมกล่องมีบอกไว้เรียบร้อยว่า สเปคจะเป็น RAM 8GB และ ROM 256GB ซึ่งถือว่าเยอะเพียงพอสำหรับการใช้งานทุกอย่างได้แบบลื่นไหลๆ
ในกล่องอุปกรณ์เสริมมีมาให้ครบครัน ตั้งแต่เคสใสแบบ TPU, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เข็มจิ้มถาดซิม แล้วยังมีหูฟังแบบ Earpod พร้อมใช้งานเป็นสมอลทอล์คเพื่อสนทนาได้ หัวแจ็คเป็นแบบ 3.5 มิลลิเมตร (ใช่แล้วครับ OPPO Reno3 Pro มีรูเสียบหูฟังให้)
ส่วนอุปกรณ์ชาร์จ สายจะเป็น USB-A หัวต่อกับเครื่องเป็น USB Type-C พร้อมหัวอแดปเตอร์ชาร์จ ขนาด 30W ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวรุ่นใหม่ 30W VOOC Flash Charge 4.0
ดีไซน์ ตัวเครื่อง
รูปลักษณ์ของ OPPO Reno3 Pro กลับมาเป็นดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่คงความสวยงามและลงตัว เริ่มด้วยด้านหน้าจอที่เป็นครั้งแรกของออปโป้ ที่เลือกใช้หน้าจอในลักษณะ Dual punch Hole Display ที่เว้นช่องสำหรับกล้องหน้าแบบคู่ ไว้ที่มุมซ้ายบน ทำให้ตัวจอสามารถใหญ่เต็มพื้นที่ด้านหน้า ด้วยขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 คิดเป็นสัดส่วนด้านหน้าถึง 91.5% ตัวลำโพงสนทนาถูกซ่อนไว้บริเวณขอบเครื่องด้านบน และซ่อนเซนเซอร์ไว้ที่ใต้จอ ทำให้หน้าจอใหญ่ได้เต็มพื้นที่
ตัวกล้องหน้าถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้ ที่เป็นกล้องคู่ ที่มีกล้องหลัก Ultra-clear Camera ความละเอียดมากถึง 44 ล้านพิกเซล ตัวเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2.8″ รูรับแสงกว้าง F/2.4 ทำงานคู่กับกล้องวัดระยะ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/5″ รูรับแสง F/2.4 ที่จะทำงานประสานกัน ช่วยให้การถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยเป็นธรรมชาติ และยังมีเพิ่ม Utra Night Selfie Mode ถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนและแสงน้อยได้ดีขึ้น และมีระบบ ประมวลผลใบหน้าที่จะปรับความสว่างของสกินโทน, ความสว่าง ของใบหน้าให้อย่างเหมาะสม
ตัวหน้าจอใช้เป็นแบบ Super AMOLED ที่ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงผลที่ให้สีสันสดใส ให้ค่าความสว่างถึง 800 nit และเร่งในเวลาออกแดดได้ถึง 1200 nit ทำให้มองเห็นได้คมชัด พร้อมทั้งยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland บริษัทชั้นนาของโลกในการตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณท์ ในเรื่องเทคโนโลยีถนอมสายตาจากแสงสีฟ้า และมี strobe flash-free ช่วยให้ใช้งานได้สบายตายิ่งขึ้น
ระบบสแกนลายนิ้วมือ ก็จะเป็นแบบเซนเซอร์ใต้จอ Hidden Fingerprint Unlock 3.0 ที่ตอบสนองการสแกนได้อย่างรวดเร็ว สามารถปลดล็อคหน้าจอได้ภายใน 0.334 วินาที
ดีไซน์ของตัวเครื่อง รู้สึกได้ว่ามีความบางเบาง และพอดีมือกว่ารุ่นก่อน ด้วยตัวเครื่องขนาด 158.8 × 73.4 มิลลิเมตร หนา 8.1 มิลลิเมตร และหนัก 175 กรัม พร้อมทั้งตัวเครื่องออกแบบให้มีความโค้งมนที่ของเครื่อง และฝาหลังที่ curve เข้าหากันอย่างลงตัว ถือใช้งานมือเดียวได้สบายๆ
มาดูเรื่องสีของตัวเครื่องกันบ้าง OPPO Reno3 Pro มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแสงสีในท้องฟ้า โดยจะมีด้วยกัน 3 สี ด้วยกันคือ
- Auroral Blue การไล่เฉดสีอย่างสวยงาม ของสีน้ำเงิน, เขียว และม่วง พร้อมริ้วความพริ้วไหว เสมือนท้องฟ้าแสงเหนือในยุโรป
- MidNight Black สีดำที่ดูลึกลับ เงียบสงบ แฝงไว้ด้วยเสน่ห์อันน่าค้นหา เหมือนท้องฟ้าในยามค่ำคืน
- Sky White สีพิเศษ Limited Edition ที่จะเข้าไทยด้วยเช่นกัน แรงบันดาลใจจากท้องฟ้ายามเช้าที่สดใส การไล่เฉดสีขาวที่เหมือนมีแสงอาทิตย์จางๆ ที่ให้ความรู้สึกเบิกบาน ซึ่งจะวางขายในเร็วๆ นี้
สำหรับเครื่องที่ทีมงานได้มา พรีวิว เป็น OPPO Reno3 Pro สีดำ MidNight Black ที่เป็นสีดำขลับดูขรึมๆ แต่มีความเงาสะท้อนดูพรีเมียม ไม่ได้เป็นดำแบบเรียบๆ โดยที่ดีไซน์ของฝาหลัง จะเห็นได้ถึงความเรียบสวยแบบลงตัว ตัวโลโก้ OPPO จะวางอยู่ในตำแหน่งมุมขวาล่าง เยื้องตรงกันข้ามกับชุดโมดูลกล้องหลังที่อยู่ทางซ้ายบน
ตัวกล้องหลังของ OPPO Reno3 Pro ถือว่าใส่ของดีมีมาให้ใช้งานได้ครบเช่นกัน ประกอบด้วย
- กล้องหลัก Ultra-clear Camera ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/1.72″ รูรับแสง F/1.8
- กล้องซูม Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″ รูรับแสง F/2.4
- กล้องมุมกว้าง Ultra Wide-Angle เก็บระยะมุมกว้าง 119.9 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/4″
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/5 นิ้ว ขนาดพิกเซล 1.75um
ตัวกล้องหลังสามารถถ่ายภาพคมชัดได้สูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล เก็บระยะภาพได้ตั้งแต่มุมกว้าง 0.6x และซูมแบบ Hybrid Zoom ที่ 5x และซูมแบบดิจิตอลได้ไกลสุดถึง 20x
ด้านข้างของตัวเครื่อง ปุ่ม power จะอยู่ที่ด้านขวาตำแหน่งวางไว้พอดีกับนิ้วโป้ง มีแถบสีเขียวเล็กเป็นสัญลักษณ์คาดอยู่ ส่วนปุ่มปรับระดับเพิ่มลดเสียงจะอยู่ทางซ้าย ซึ่งตำแหน่งพอดีกับนิ้วชี้ กดได้ถนัดมือ
ถาดซิมจะอยู่ตำแหน่งทางซ้ายของตัวเครื่อง ด้านบนของปุ่มปรับระดับเสียง ตัวถาดเป็นแบบ triple tray รองรับ 2 ซิมขนาด Nano SIM พร้อมใส่ microSD Card เพื่อเพิ่มหน่วยความจำในเครื่อง รองรับได้สูงสุดถึง 256GB
ด้านล่างตัวเครื่องมี แจ็คสำหรับเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมค์สนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จไฟแบบ USB Type-C และลำโพง
ข้อมูลสเปคเบื้องต้น OPPO Reno3 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 158.8mm × 73.4mm × 8.1mm
- น้ำหนัก 175 กรัม
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Dual Punch-hole อัตราส่วน 20:9 screen ratio 91.5%
- ชิปเซต MediaTek P95
- RAM 8GB
- หน่วยควาจำภายใน 256GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4025 mAh รองรับ 30W VOOC Flash Charge 4.0
- เซนเซอร์ สแกนลายนิ้วมือซ่อนใต้จอ Hidden Fingerprint Unlock 3.0
- กล้องหน้าแบบคู่
- 4MP Ultra-clear Main Camera, 1/2.8”Sensor, F/2.4
- 2MP Depth of Field Lens, 1/5”Sensor, F/2.4
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- 64MP Ultra-clear Main Camera, 1/1.72” Sensor, F/1.8
- 13MP Telephoto Lens, 1/3.4” Sensor, F/2.4
- 8MP Ultra Wide-angle Lens, 1/4” Sensor, 119.9°
- 2MP Mono Lens, 1/5” Sensor, 1.75um large pixels
- รองรับเครือข่าย 2G/3G/4G GSM, WCDMA, FDD-LTE, TD-LTE
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 7 บนพื้นฐาน Android 10
- มี 3 สี Auroral Blue, Midnight Black, Sky White Limited Edition
- ราคา (เปิดตัว 29 เมษายน 2563) 18,990 บาท
คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจใน OPPO Reno3 Pro
เราจะสรุปในจุดฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับรุ่นนี้กันก่อน สำหรับรีวิวตัวเต็มเราของทดสอบแล้วจะมาขยายผลในแต่ละจุดกันอีกทีนะ
- กล้องหน้าคู่ กล้องหลักความละเอียดถึง 44 ล้านพิกเซล ที่มีกล้อง Depth มาช่วยเรื่องการทำหน้าชัดหลังเบลอ และโบเก้ได้ดียิ่งขึ้น
- กล้องหน้ามีระบบถ่ายแบบหลายเฟรมพร้อมๆ กันแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียว เพื่อปรับ HDR ให้ได้ภาพที่คมชัดและแสงสีที่ดีที่สุด
- มี AI-based Noise Reduction ที่มาช่วยจัดการปรับลดจุดรบกวนในภาพ
- ระบบ Human Face Protection ที่แยกประมวลผลส่วนของใบหน้าให้ได้สกินโทนและความสว่างที่เหมาะสม แยกจากฉากหลัง ทำให้ภาพเซลฟี่ใบหน้าสวยคมชัด
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล เก็บระยะได้ทั้งมุมกว้าง Ultra Wide-angle 0.6x และซูมไปได้ไกลสุดแบบดิจิตอลที่ 20x
- มี Ultra Dark Mode สำหรับถ่ายในที่มืดระดับไฟสว่างแค่ 1 Lux ที่เก็บภาพในที่มืดได้ดียิ่งกว่าเดิม
- ถ่ายวิดีโอมี Ultra Steady Video 2.0 ระบบช่วยลดการสั่นไหวให้นิ่งเหมือนใช้กิมบอล เลือกได้ 2 ระดับ
- ถ่ายวิดีโอปรับฉากหลังเบลอโบเก้ได้ เลือกซูมในการถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 20 เท่า และใช้โหมด AI Beauty ในการถ่ายวิดีโอได้แบบเรียลไทม์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- แอพพลิเคชั่น Soloop สำหรับตัดต่อวิดีโอแบบอัจฉริยะ ที่เลือกไฟล์และภาพที่ต้องการเข้ามา เลือกธีม เลือกเพลง ใส่ฟิลเตอร์ ระบบก็จะตัดคลิปสั้น ให้แบบอัตโนมัติ ออกมาสวยสนุกง่ายๆ แค่เพียงคลิกเดียว
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4025 mAh ที่รองรับการชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 ใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็สามารถชาร์จไฟได้ถึง 50%
- ระบบเสียงมี Dolby Atmos, รองรับการเล่นเสียงเพลงระดับ Hi-Res และดู Netflix ได้ความละเอียด HD 1080p
- ในการเล่นเกม มี HyperBoost เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยเพิ่มอัตราเฟรมเรตระหว่างเล่น จัดสรรทรัพยากรในเครื่องเพื่อให้การเล่นเกมไหลลื่น
- ระบบปฏิบัติการมากับ ColorOS 7 เวอร์ชั่นล่าสุด บน Android 10 หน้าตาใช้ง่ายดีไซน์ดูสบายตา ปรับแต่งไอคอนได้หลายแบบ, เลือกใช้วอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว, มี Dark Mode, เพิ่มหมดรองรับผู้ใช้งานได้หลายคน
เปิดราคา และ สั่งจอง OPPO Reno3 Pro
OPPO Reno3 Pro เปิดตัว ด้วยราคา 18,990 บาท โดยจะเริ่มให้สั่งจองล่วงหน้า Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 1-7 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยผู้ที่สั่งจอง จะได้รับของสมนาคุณพิเศษ
- กระเป๋า OPPO Backpack มูลค่า 1,490 บาท
- รับประกันหน้าจอแตก E-VIP ระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 6,000 บาท (สิทธิ์มีมาให้พร้อมกับตัวเครื่อง)
- ส่วนลดพิเศษ 500 บาท ในวันรับเครื่อง รวมมูลค่าของแถมทั้งหมด 7,990 บาท
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่สั่งจองจากผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้ง AIS Truemove H และ Dtac รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุดถึง 10,000 บาท ในราคาเริ่มต้นเพียง 8,990 บาท เมื่อสมัครพร้อมแพ็คเกจที่กำหนด