รีวิว ฉบับใช้งานจริง กับ เครื่องปรับอากาศ แอร์ Samsung Wind-Free Premium Plus ที่มาพร้อมกับหลากหลายฟีเจอร์ที่ชาญฉลาด การทำงานด้วย AI ที่จัดการเรื่องความเย็นในบ้านให้อย่างเหมาะสม เชื่อมต่อทำงานแบบ IoT พร้อมยังเน้นเรื่องสุขภาพให้อากาศที่ดีภายในบ้าน จัดการเรื่องฝุ่น ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ ฯลฯ เพื่อให้สุขภาพที่ดี
จุดเริ่มต้นของรีวิวนี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทีมงานล้ำหน้าฯ เราเตรียมทำออฟฟิศและสตูดิโอสำหรับทำงานใหม่ และมองหาเครื่องปรับอากาศมาใช้สำหรับห้องนี้ ซึ่งรุ่นที่สะดุดตาและอยู่ในความสนใจของเราคือ แอร์ Samsung Wind-Free ที่เริ่มเปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว และตอนต้นปีก็มีงานเปิดตัว Wind-Free Premium Plus เป็นรุ่นที่อัพเกรดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย และน่าสนใจมาก เพราะว่าตอบโจทย์ความต้องการที่เราต้องการแทบทุกอย่าง นั่นคือ
- เชื่อมต่อแบบ IoT สั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นได้ เพราะยุคนี้แล้ว เราก็อยากได้อุปกรณ์ที่ทำงานในแพลตฟอร์มที่ให้ความสะดวกสบายและทันสมัย มากกว่าแค่เอาไว้ใช้ทำความเย็น
- ต้องเงียบ เพราะเครื่องนี้เราจะเอาไว้ใช้งานในห้องสตูดิโอ ที่เอาไว้ใช้สำหรับถ่ายวิดีโอและมีการบันทึกเสียง
- ประหยัดไฟ และจัดการด้านพลังงานได้ดี
- มีระบบจัดการฝุ่น กรองอากาศ เพื่อให้คุณภาพอากาศภายในห้องสะอาดและดียิ่งขึ้น
นั่นล่ะครับ เราจึงจิ้มเลือกว่า แอร์ใหม่ติดห้องสตูดิโอของเรา จะเลือกเป็นของซัมซุง ซีรี่ย์ Wind-Free นี่ล่ะ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ตรงดิ่งไปที่ HomePro สาขาจรัญสนิทวงศ์ (เนื่องจากใกล้บ้านทีมงานมากที่สุด) เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งเราก็ได้ข้อมูลของเจ้าแอร์ซีรี่ย์นี้ มีแบ่งออกเป็น 3 รุ่นด้วยกันคือ
- Wind-Free
- Wind-Free Premium
- Wind-Free Premium Plus
ตัวของ Wind-Free นั้น เป็นรุ่นที่ออกมาปี 2019 ที่มีฟีเจอร์การใช้งานหลักครบถ้วน เชื่อมต่อออนไลน์ควบคุมผ่าน SmartThing ได้ ส่วนรุ่น Wind-Free Premium คือรุ่นใหม่ของปี 2020 ที่มีเพิ่ม Motion Detect Sensor และปรับประสิทธิภาพด้าน AI ให้ดียิ่งขึ้น สุดท้ายกับรุ่นท็อป Wind-Free Premium Plus มีเพิ่มส่วนของระบบกรองอากาศจัดการฝุ่นได้ถึงระดับ PM1.0
พี่ๆ Samsung ที่โฮมโปร แนะนำเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการเลือกแอร์ นอกจากฟีเจอร์ต่างๆ ประสิทธิภาพ และการประหยัดไฟแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ ขนาดของ BTU ที่เหมาะกับขนาดของห้อง เพราะถ้าเลือกแอร์ขนาดที่ไม่เหมาะสม จะทำให้การใช้งานมีปัญหา ถ้าเลือก BTU น้อยไป ก็ใช้เวลานานกว่าห้องจะเย็น หรือถ้าเลือก BTU สูงเกินไป ก็สิ้นเปลืองเกินความจำเป็น โดยที่แอร์ Wind-Free นั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 4 ขนาดด้วยกันคือ
- ขนาด 10,000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 12-15 ตารางเมตร
- ขนาด 12,000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 16-20 ตารางเมตร
- ขนาด 18,000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 24-30 ตารางเมตร
- ขนาด 21,500 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 28-32 ตารางเมตร
ตัวห้องสตูดิโอที่เราจะใช้ทำงาน มีขนาด 5 x 6 เมตร ก็คือ 30 ตารางเมตร แต่เป็นห้องที่เน้นใช้งานช่วงกลางวันซึ่งมีอากาศร้อน ดังนั้นขนาดที่เหมาะสมก็คือ 21,500 BTU นั่นเอง
ฟีเจอร์เด่นของ แอร์ Samsung Wind-Free Premium Plus
เอาล่ะ ทีนี้จะมาแนะนำถึงคุณสมบัติต่างๆ ของแอร์รุ่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่นที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของซัมซุงใส่มาให้อย่างครบครัน ถ้าเทียบเป็นสมาร์ทโฟนก็ต้องบอกว่านี่คือรุ่นเรือธงระดับ Galaxy S20 ของปีนี้กันเลย
เทคโนโลยี Wind-Free เย็นได้แบบไม่โดนลมเป่า
แอร์ที่เราคุ้นเคยกัน การปล่อยอากาศเย็นออกมา ก็จะมีบานเปิดให้ลมพัดออกมา แล้วควบคุมทิศทางขึ้นลงซ้ายขวา ซึ่งต้องใช้แรงพัดลมเป่าออกมาเพื่อทำให้อากาศภายในห้องเย็น แต่ปัญหาของระบบนี้ก็คือ ลมที่พัดมากระทบตัว มันมีความหนาวสะท้านมากๆ สำหรับคนขี้หนาว ถ้าโดนลมแอร์เป่านานๆ ก็อาจจะป่วยเอาได้ ยิ่งถ้าใช้ในห้องนอนนี่ เจอแอร์ตกใส่ก็ต้องนอนคลุมโปงกันเลย
แต่ซัมซุง ได้ออกแบบ เทคโนโลยี Wind-Free ให้บริเวณหน้ากากของเครื่อง และตัวบานพับ มีการเจาะรูเล็กๆ ที่เรียกว่า Micro Hole เพื่อให้สามารถกระจายสายลมเย็นออกมาได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น สำหรับรุ่นปี 2019 จะมี 21,000 รู มาในรุ่นใหม่ปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 23,000 ซึ่งระบบนี้ทำให้ห้องมีอากาศเย็น โดยที่ไม่มีลมแอร์เป่าออกมา
ประหยัดไฟมากขึ้น และเสียงทำงานที่เบาลงกว่าเดิม
การทำงานในโหมด Wind-Free นั้น ยังช่วยเรื่องของการลดการใช้พลังงานอีกด้วย โดยเมื่อเทียบกับโหมด Fast Cooling แล้ว จะประหยัดไฟไปได้ถึง 77% เลยทีเดียว สำหรับ Wind-Free Premium Plus ได้ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ห้า 2 ดาว และได้ค่าระดับประสิทธภาพพลังงานสูงสุดจากการทดสอบแบบ SEER และ SCOP ในยุโรป
ส่วนตัวคอมเพรสเซอร์นั้น เป็นระบบ Digital Inverter Boost ที่ช่วยลดเวลาในการทำงานของตัวเครื่อง ให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นได้เร็วขึ้นถึง 43% และยังมี Twin Tube Muffler กับ Neodymium Magnets ที่มีความแข็งแรงทนทาน มีเทคโนโลยี Triple Protector Plus ป้องกันความเสียหายจากไฟกระชากและความผันผวนของกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องควบคุมแรงดันไฟฟ้าแยก นอกจากนี้ ชั้นเคลือบต้านการกัดกร่อนยังช่วยปกป้องเครื่องควบแน่นและตัวเครื่องปรับอากาศในสภาพการใช้งานที่หนักหน่วงอีกด้วย ส่วนตัวสารทำความเย็นเป็นมาตรฐาน R32 ดีต่อสภาพแวดล้อม
Motion Detect Sensor จับความเคลื่อนไหว ช่วยให้ทำงานได้ฉลาดขึ้น
เป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น Wind-Free Premium และ Premium Plus โดยจะเป็นเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวภายในห้อง เพื่อที่เราจะเลือกสั่งงานได้ว่าจะให้แอร์พัดไปเฉพาะบริเวณที่มีคนอยู่ เพื่อไม่ต้องเป่าแอร์ไปทั่วห้อง หรือเลือกพัดไปที่ๆ ไม่มีคน เพื่อที่จะได้ไม่โดนแอร์ตก รวมไปถึงเวลาที่ในห้องไม่มีการเคลื่อนไหว หรือไม่มีใครอยู่ในห้อง ประมาณ 20 นาที มันก็จะเปลี่ยนการทำงานเข้าสู่โหมด Stand by เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานให้ทันที
ทำงานรวมกับ SmartThing สั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นได้สะดวกและฉลาดมากขึ้น
SmartThing เป็นแพลตฟอร์ม IoT ของ Samsung ที่ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านยุคใหม่ ให้ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมและสั่งงานได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ การเช็คสถานะการใช้งาน, ตรวจสอบค่าพลังงานที่ใช้ไป ฯลฯ รวมไปถึงการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Bixby และสั่งการทำงานแบบอัตโนมัติผ่าน Bixby Routine ได้อีกด้วย
ปรับอากาศแบบ AI จัดให้แบบที่เราชอบ
ฟีเจอร์ใหม่ใน Wind-Free Premium และ Wind-Free Premium Plus คือระบบ AI Auto Cooling ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ โดยระบบจะวิเคราะห์จากอุณหภูมิปัจจุบันภายในห้อง เพื่อปรับความเย็นให้ได้ในระดับที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด โดยเอาสภาพอากาศภายนอกมาประมวลผลร่วมด้วย
กรองอากาศ จัดการอนุภาคฝุ่นละอองได้เล็กถึง PM 1.0
ยุคนี้ต้องยอมรับแล้วว่า สภาพอากาศบ้านเรามีฝุ่นละออง, มลพิษ และยังรวมไปถึงเชื้อโรค ไวรัส สารก่อให้เกิดภูมิแพ้อีกมากมาย การเลือกเครื่องปรับอากาศใหม่ตอนนี้ ฟีเจอร์ที่จะมาจัดการเรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง
แอร์ Samsung Wind-Free Premium Plus นั้นมีระบบการกรองอากาศขั้นสูง ติดตั้งที่ฟิลเตอร์ด้านบน ที่สามารถดึงเอาอากาศจากทั่วทั้งห้อง มากรองเพื่อดักจับอานุภาคขนาดเล็ก ซึ่งจัดการฝุ่นได้ถึงระดับ PM1.0 ที่เล็กกว่า PM2.5 เพื่อเปลี่ยนเป็นอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วขึ้นเป็น 2 เท่า และระบบกรองนี้ สามารถถอดล้างได้เอง เพื่อคงประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้ตลอดอายุการใช้งาน
และในแอร์ Wind-Free และ Wind-Free Premium ยังมีเพิ่มตัวกรองพิเศษ Tri-Care Filter ที่เน้นปกป้องสุขภาพผู้บริโภคเพิ่มจากเดิมด้วยการตรวจจับฝุ่นขนาดเล็กพร้อมยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศด้วยสารเคลือบพิเศษ “ซีโอไลท์” ส่วนตัวแผ่นกรองชั้นแรก Easy Filter Plus ก็ถูกออกแบบมาให้ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ต้องเปิดตัวเครื่อง
แถมยังมีระบบ 3 Step Auto Clean ที่เวลาเราสั่งปิดเครื่อง ระบบจะทำการเป่าลมเพื่อไล่เศษฝุ่นและความชื้นออกจากคอยล์เย็น ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราช่วยให้อากาศสะอาด เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานครั้งถัดไป
การรับประกันที่ยาวนานยิ่งขึ้น
เพื่อความมั่นใจ ซัมซุง รับประกัน 10 ปี สำหรับคอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ และการรับประกัน 3 ปีสำหรับคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น ในทุกรุ่นของเครื่องปรับอากาศซัมซุง นอกจากนี้ สำหรับเครื่องปรับอากาศ Wind-Free ทุกรุ่นรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ด้วยการขยายการรับประกันค่าแรง อะไหล่ แผงวงจร และ มอเตอร์พัดลมนานถึง 3 ปีทันที เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศซัมซุงรุ่นวินด์ฟรีทุกรุ่น และลงทะเบียนรับสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 63 นี้ รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.sswarranty.com/windfreewarranty
รีวิว ประสบการณ์ใช้จริง กับ Samsung Wind-Free Premium
หลังจากคุยกับพี่ๆ Samsung ที่โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์ ก็ยิ่งตัดสินใจได้เลยว่า เราเลือกเจ้า Samsung Wind-Free Premium ไปใช้สำหรับห้องสตูดิโอของเราแน่นอน แต่ว่าเราแอบเสียดายนิดนึงว่า ไม่ได้เลือกเป็น Wind-Free Premium Plus ที่เป็นรุ่นท็อปพร้อมระบบฟอกอากาศ เนื่องจากว่ามีรุ่นความจุให้เลือกสูงสุดแค่ 12,000 BTU แต่ห้องทำงานของเราใหญ่ 30 ตรม. จึงต้องเลือกที่ 21,500 BTU แทน (แอบเสียดายนะนี่)
เราจัดการติดตั้งเครื่องปรับอากาศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ การรีวิวครั้งนี้ จึงเป็นประสบการณ์แบบใช้งานจริงตลอด 2 เดือนกว่า ภายใต้ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูที่อากาศร้อนตับแตกที่สุดในรอบปี แถมอยู่ใช้งานกันแบบเต็มวัน เพราะมีภาวะการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เรียกได้ว่า แอร์ซัมซุงมาช่วยชีวิตทีมงานล้ำหน้าฯ ให้ Work from Home ได้อย่างราบรื่นเย็นชื่นใจ
Wind-Free เย็นจริงๆ เหรอ?
เป็นคำถามตั้งแต่ได้เห็นข่าวเปิดตัว และก่อนตัดสินใจเลือกว่า การออกแบบให้หน้ากากมีรูให้อากาศเย็นออกมาแบบเอื่อยๆ มันจะทำให้ห้องเย็นได้จริงๆ เหรอ? เมื่อลองใช้งานจริงแล้วก็บอกได้ว่า มันทำได้จริงๆ แต่ว่ามันมีหลักการที่ต้องเข้าใจก่อน
Wind-Free นั้นเป็นโหมดที่ให้ความเย็นในลักษณะของการ “รักษาอุณหภูมิ” ของห้องให้เย็นโดยไม่ต้องมีลมพัด และใช้พลังงานที่น้อยลง ดังนั้นการใช้งาน ตอนแรกเปิดแอร์มาให้ใช้เป็น Fast Cooling เพื่อเร่งปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นลงในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งลองแล้วโดยทั่วๆ ไปใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เย็นฉ่ำแล้ว
ถ้าเราใช้โหมด AI เมื่อได้อุณหภูมิที่เหมาะสม มันก็จะเปลี่ยนเป็น Wind-Free Mode ให้เลย แล้วพออุณหภูมิห้องเริ่มสูงขึ้น มันก็จะยกเลิก Wind-Free แล้วเปิดบานพับปล่อยลมออกมา หรือถ้าใช้โหมด Cool ก็กดเลือกเป็น Wind-Free เองก็ได้ ถ้ารู้สึกว่าห้องเย็นพอดีแล้ว
ตอนที่เป็น Wind-Free ความเย็นมันก็จะไหลย้อยออกมาตามรู Micro Hole เพื่อคงอุณหภูมิในห้องไว้ ตรงนี้มีข้อเสียนิดนึงคือ ใครที่นั่งใต้แอร์จะกลายเป็นคนที่หนาวเหน็บที่สุด เพราะมันไม่พัดไปไหน และถ้าเป็นช่วงที่อากาศแดดร้อนเปรี้ยงๆ นั้น Wind-Free จะคุมความเย็นไว้ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืนหรืออากาศภายนอกไม่เกินประมาณ 30 องศา เปิด Wind-Free ที่ 25-26 องศาไว้ได้สบายๆ
ตามคอนเซปต์นี้ เชื่อเลยว่า มันเหมาะเพื่อใช้ในห้องนอนมากๆ ด้วยขนาดห้องที่ไม่ใหญ่มาก และเป็นเวลากลางคืน อากาศที่เย็นแบบฉ่ำๆ ลมไม่พัดโบกมาหล่นใส่ตัวให้หนาวเหน็บ ก็ช่วยให้หลับสบายได้แน่นอน เพราะอีกฟีเจอร์ที่ดีของ Wind-Free คือ Good Sleep ที่ปรับอุณหภูมิแบ่งเป็นสเตจให้แตกต่างกันระหว่าที่เริ่มนอน ตอนที่หลับลึก และตอนที่ใกล้ตื่น เพื่อให้เราหลับสนิทและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
เสียงเงียบแค่ไหน?
อย่างที่บอกไปตอนแรก เหตุผลที่ทีมงานเราเลือก แอร์ Wind-Free Premium มาใช้เพราะว่าติดตั้งในห้องทำงาน และใช้งานเป็นสตูดิโอ ซึ่งต้องให้ความสำคัญเรื่องของเสียงที่ต้องเงียบ และ Wind-Free นั้น บอกเลยว่า เงียบมากๆๆๆ ตามสเปคคือที่ 23 เดซิเบล ถ้าเทียบแล้วมันก็คือเบากว่าเสียงกระซิบเสียอีก แล้วพอใช้งานจริงมันเงียบขนาดหรือเปล่า
ต้องบอกว่า เรื่องเสียงการทำงานของแอร์ที่เบา คือสิ่งที่ประทับใจมากกับ แอร์ Wind-Free Premium คือเสียงมันเบากว่าเสียงแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และยังเบาน้อยกว่าพัดลมเครื่อง MacBook Pro ที่เราใช้ทำงานเสียอีก (ฮา) นั่งห่างจากแอร์ประมาณ 2-3 เมตร ก็เงียบจนแทบไม่ได้ยิน ชนิดที่ว่าเบาจนบางทีลืมไปว่าเปิดแอร์เอาไว้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเวลาถ่ายคลิปหรืออัดเสียง จึงไม่มีเสียงลมหึ่งๆ อะไรมารบกวนเลยแม้แต่น้อย ตอบโจทย์อย่างที่เราต้องการเลย
AI Auto Cooling ฉลาดแค่ไหน?
มันคือโหมดออโต้ที่มีทำงานอย่างมีตรรกะ ก่อนหน้านี้ผมเคยรีวิวอุปกรณ์ที่ชื่อว่า Ambi Climate เป็นรีโมทแอร์อัตโนมัติ ทำการปรับแอร์ตามสภาพอากาศเรียนรู้รูปแบบที่เราชอบให้เอง โดยอิงจากสภาพแวดล้อม หลักการของ แอร์ Wind-Free Premium ก็เหมือนกัน คือมันจะเอาทั้งอุณหภูมิภายในห้อง, อุณหภูมิภายนอก, สภาพอากาศ, กลางวัน กลางคืน มาจัดเป็นระบบทำงานเพื่อปรับให้อุณหภูมิห้องตามพฤติกรรมที่เราเลือก
เริ่มโหมดมามันจะอัด Fast Cooling ให้ทันที เพื่อปรับลดอุณหภูมิห้องลงให้เร็วที่สุด จากนั้นจะเริ่มเข้าโหมดปรับความชื้นในห้องให้เหมาะสม เมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่เราชอบที่สุด (ซึ่งมันจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการปรับของเรา) ก็จะเริ่มปรับเป็นโหมด Wind-Free ให้ทันที พอปัจจัยโดยรอบเปลี่ยนจนอุณหภูมิเปลี่ยนไป มันก็จะเริ่มเปลี่ยนโหมดอีกครั้งให้เอง
ข้อดีของโหมดนี้คือ มันไม่ได้พยายามปรับแอร์ไปให้ได้อุณหภูมิตัวเลขที่เราต้องการ แต่มันเรียนรู้ที่จะปรับให้ได้ในระดับที่เราพอใจ จากค่าประเมินการสั่งงานของเรา เลยกลายเป็นโหมดที่ผมใช้ประจำ เพราะยิ่งใช้มันยิ่งเรียนรู้และปรับอัตโนมัติได้ถูกใจเรามากที่สุด
Motion Detect Sensor ตาวิเศษแสนรู้
เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ซัมซุงใส่มาให้ ทำให้มันฉลาดขึ้นไปอีก เมื่อเลือกใช้งานเซนเซอร์ โดยเลือกในโหมด Cool แล้วเปิด Option เป็น Direct หรือ Indirect เพื่อสั่งว่าจะให้เน้นพัดทิศทางลมหาคนในห้อง หรือพัดหลบไปในตำแหน่งที่ไม่มีคน
ข้อดีคือ เวลาที่เป็นห้องใหญ่ อย่างห้องทำงาน บางทีนั่งทำงานอยู่คนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องให้แอร์เย็นทั้งห้องก็ได้ ให้มันพัดมาทางเราอย่างเดียวก็พอ และระบบ Motion Detect Sensor ยังจับได้ว่าถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องนานๆ ก็จะปรับเข้า Stand By เพื่อประหยัดพลังงานให้เลย ฟีเจอร์นี้ก็ชอบอีกเช่นกัน
SmartThing สนุกกับการใช้แอร์ สั่งงานตั้งโปรแกรมอัตโนมัติได้อย่างต้องการ
ตัว SmartThing ของ ซัมซุง เป็นแพลตฟอร์ม IoT ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ใส่ความสามารถฉลาดๆ ให้เราสั่งงานจากสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการใช้งานที่เข้าใจได้ง่ายไม่วุ่นวาย การ Set Up ก็ง่ายหลังติดตั้งแอร์เสร็จ ลงแอพในสมาร์ทโฟน แล้วก็เชื่อมต่ออุปกรณ์กับ Wi-Fi ในบ้านแล้วผู้เข้า Samsung Account ก็เป็นอันเรียบร้อย ฟีเจอร์เด่นๆ ที่ใช้แล้วมีประโยชน์มีเยอะมาก
- เบสิคเลยคือใช้งานแทนรีโมท สั่งปรับอุณหภูมิ หรือเปลี่ยนโหมดต่างๆ ผ่านจากในแอพได้ทันที
- My Schedule จัดตารางเวลาการเปิดปิดแอร์ได้ เลือกทั้งเวลา วันที่ เลือกเปิดเป็นโหมดอะไร อุณหภูมิ และแรงพัดลมเท่าไหร่
- Energy Monitor มีเก็บสถิติการใช้งานแอร์ของเราว่า ในแต่ละวันว่าใช้ไฟไปกี่ kWh ทำให้รู้ได้เลยว่าถึงเวลาค่าไฟมา เราใช้แอร์ไปเท่าไร
- Accessories มีแจ้งเตือนเวลาให้เราถอดฟิลเตอร์ไปล้างได้ เลือกตั้งให้เตือนได้ว่า ถึงระยะเวลาการใช้งานกี่ชั่วโมงให้เตือน โดยจะขึ้นเป็นทั้ง Notification ที่มือถือ และที่หน้าปัดของแอร์ โดยเมื่อถอดล้างแล้วก็กดรีเซ็ตเพื่อเตือนในรอบต่อๆ ไป
- HomeCare Wizard สั่งทำรีพอร์ตการใช้งานของเรา เลือกแบบเป็นสัปดาห์หรือเดือนก้ได้ จะบอกเราว่าช่วงที่ผ่านมาพฤติกรรมใช้แอร์เป็นอย่างไร ทั้งด้านพลังงาน, การทำความสะอาดฟิลเตอร์ และค่าอุณหภูมิเฉลี่ยที่ใช้
- Welcome Cooling ฟีเจอร์ฉลาดๆ สำหรับตั้งให้แอร์เตรียมเปิดที่บ้าน เวลาที่เราใกล้จะกลับถึงบ้าน หลักการคือมันจะดูจาก GPS บนสมาร์ทโฟนของเราว่าเข้ามาใกล้รัศมีบ้านหรือยัง ถ้าอุณหภูมิในบ้านสูงกว่าที่เซ็ตไว้ แอร์ก็จะเปิดทำงานรอไว้ให้เลย รวมถึงถ้าเราออกจากบ้านไป แอร์ก็จะทำการปิดให้อัตโนมัติด้วยเช่นกัน
- มีตั้งรายการอัตโนมัติ แบบหลายเงื่อนไข รวมกับอุปกรณ์อื่นๆ แบบ IIFTT ในลักษณะคำสั่ง หาก xxx จากนั้นจะ xxx อย่างเช่น เวลา 10 โมงเช้า เมื่อเราอยู่บ้าน ให้เปิดแอร์ ที่โหมดและอุณหภูมิ โดยสั่งให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานด้วยก็ได้ อันนี้เป็นความสะดวกที่เราดีไซน์เองได้
ตัว SmartThing นั้นใช้งานได้กับทั้งระบบ Android และ iOS มือถือค่ายไหนก็ใช้ได้ แต่ถ้าคุณใช้ Samsung รุ่นอย่าง Galaxy S หรือ Note มีใช้พวกคำสั่งเสียง Bixby เพื่อสั่งงานได้ด้วย สะดวกขึ้นไปอีก นอกจากนี้ SmartThing ยังเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้ด้วย อย่าง Google Assitant ก็สามารถเชื่อมต่อได้
สรุป รีวิว แอร์ Samsung Wind-Free Premium ชอบ / ไม่ชอบ อะไรบ้าง?
อย่างที่บอกไปว่า รีวิว เราใช้งานจริงมากกว่า 2 เดือนในสถานการณ์ช่วงที่อากาศโหดร้ายที่สุดในรอบปี เรื่องการทำงานให้ความเย็น ถือว่าตอบโจทย์ ไม่มีงอแง อากาศที่ร้อนแทบตาย ถูกปรับให้เย็นสบายแบบทันใจ การใช้งานโหมด AI ก็ฉลาดดี ไม่ต้องมานั่งปรับไปปรับมา
ตัวเครื่องดีไซน์ดูเรียบๆ ทันสมัย เข้ากับห้องได้ทุกสไตล์ รวมถึงขนาดถือว่าไม่ใหญ่มาก ความหนาตัวเครื่องอยู่ที่กำลังดี ตัวโครงพลาสติกหน้ากากเครื่องก็สามารถแกะออกเพื่อทำความสะอาดเองได้ไม่ยาก
Wind-Free ช่วยให้แอร์ทำงานได้ประหยัดไฟมากขึ้น พร้อมทั้งเสียงการทำงานที่เงียบสงัด เชื่อว่าเหมาะมากกับห้องนอนและห้องทำงานที่ไม่ต้องการให้มีเสียงมารบกวน และความเย็นแบบ Wind-Free ที่อาจจะไม่คุ้นตอนแรก ที่ห้องจะเย็นแบบฉ่ำๆ โดยไม่มีลม แต่ก็ช่วยให้รู้สึกสบายดี
ฟีเจอร์ด้าน IoT ร่วมกับ SmartThing ทำให้แอร์บ้านฉลาดและควบคุมได้หลากหลายและยืดหยุ่นดี และใช้ควบคุมร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอื่นได้ด้วย เรียกว่าอยากสัมผัสประสบการณ์บ้านอัจฉริยะได้แบบง่ายๆ เซ็ตอัพไม่ยุ่งยากเลย
ตัวระบบฟอกอากาศในตัวของรุ่น Wind-Free Premium Plus ก็ถือว่าน่าสนใจ การออกแบบเป็นโมดูลด้านบนของแอร์ จัดการดักเรื่องฝุ่นได้ถึง PM1.0 ทำให้คุณภาพอากาศในห้องดีขึ้น การดูแลรักษาก็ไม่ยาก ไม่ต้องเปลี่ยนใส้กรองแค่ถอดออกมาล้างทำความสะอาด ตัวนี้สำหรับใครอยากมีระบบฟอกอากาศไว้ใช้ด้วยพร้อมกับแอร์ ถือว่าตอบโจทย์คุ้มมากๆ รวมอยู่ในตัวเดียวกัน หรือจะใช้งานคู่กับเครื่องฟอกอากาศ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ได้อากาศบริสุทธิ์สดชื่นได้อย่างเต็มที่
พูดข้อดีซะเยอะ ข้อติล่ะมีมั้ย ก็มีอยู่ครับ เริ่มด้วยเรื่องของราคา ที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง อย่างที่บอกว่านี่คือแอร์รุ่นเรือธงของซัมซุงในตอนนี้ มีของดี+เทคโนโลยีใหม่มาให้แบบจัดเต็ม และเรื่องประหยัดพลังงานที่ทำได้ดี บวกกับการรับประกันยาวๆ ให้ใช้ไปได้นานแบบอุ่นใจ ถือว่าคุ้มที่จะลงทุนอยู่ และก็ตัวระบบฟอกอากาศที่มีเฉพาะในรุ่น Premium Plus ซึ่งมีความจุ BTU สูงสุดที่ 12000 BTU จึงใช้ได้กับห้องขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เหมาะกับห้องนอน ไม่ก็คอนโดสตูดิโอขนาดกลาง
โดยรวมแล้ว กับราคาและประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่าคุ้มครับ การทำงานที่ฉลาด ลมแรงพัดเย็นได้ทั่วห้อง แล้ว Wind-Free ก็ให้อากาศเย็นแบบเสียงเบาเงียบสุดๆ โดยตัว Wind-Free Premium Plus ผมว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากสำหรับห้องนอน หรือห้องทำงาน, ห้องรับแขก ที่ต้องการความเย็นสบาย เงียบๆ และมีระบบกรองอากาศที่ดีมาให้ในตัว
สรุปสุดท้าย ขอขอบคุณพี่ๆ Samsung สาขา โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์ สำหรับคำแนะนำและอธิบายเทคโนโลยีของ แอร์อัจฉริยะ Samsung Wind-Free Premium ให้อย่างละเอียด ตอนนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย สามารถไปซื้อถึงที่กันได้แล้ว และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโปรโมชั่นราคาพิเศษได้ที่ https://www.samsung.com/th/air-conditioners
ราคา Samsung Wind-Free Series (Wind-Free, Wind-Free Premium, Wind-Free Premium Plus) อัพเดตเดือน พ.ค. 2563 (ราคาโปรโมชัน)
- Wind-Free AR10TYECBWKNST 10,000 BTU ราคา 19,990 บาท
- Wind-Free AR13TYECBWKNST 12,000 BTU ราคา 21,990 บาท
- Wind-Free AR18TYECBWKNST 18,000 BTU ราคา 30,990 บาท
- Wind-Free AR24TYECBWKNST 21,500 BTU ราคา 40,490 บาท
- Wind-Free Premium AR10TYCABWKNST 10,000 BTU ราคา 24,990 บาท
- Wind-Free Premium AR13TYCABWKNST 12,000 BTU ราคา 26,990 บาท
- Wind-Free Premium AR18TYCABWKNST 18,000 BTU ราคา 34,490 บาท
- Wind-Free Premium AR24TYCABWKNST 21,500 BTU ราคา 44,490 บาท
- Wind-Free Premium Plus AR10TYAAAWKNST 10,000 BTU ราคา 28,490 บาท
- Wind-Free Premium Plus AR13TYAAAWKNST 12,000 BTU ราคา 30,490 บาท
พิเศษ โปรโมชั่นซัมเมอร์นี้กับซัมซุง ถึง 30 มิถุนายน 2563 เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ล่าสุด รับส่วนลดสูงสุด 30% (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) และผ่อน 0% นาน 15 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมบริการติดตั้งฟรี บอกเลยว่าคุ้มมาก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2SP6DaO