จากรายงานของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Counterpoint ช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 เผยว่า สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม (สมาร์ทโฟนที่มีราคาเกินกว่า 400 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 12,440 บาท) มียอดขายลดลงถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกซบเซาหลักๆ มาจากการระบาดของ COVID-19 แต่ที่น่าสนใจก็คือ Apple เป็นผู้นำและสามารถกวาดส่วนแบ่งตลาดกลุ่มนี้ไปได้ถึง 57% ตามมาด้วย Samsung และ Huawei
ที่น่าสนใจคือ หลายๆ แบรนด์ต่างๆ ยอดขายลดลง แต่ OPPO มียอดโตขึ้นถึง 67% ด้วยการมาของมือถือ Reno 3 และ Reno 3 Pro 5G ส่วน Xiaomi เองก็โตขึ้น 10% จาก Mi 10 5G และ Mi Note 10 และถือเป็นครั้งแรกของ Xiaomi ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2018 ที่เข้ามาติด top 5 ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมทั่วโลก แต่ถ้าดูเฉพาะส่วนของ top 3 เฉพาะของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม ก็กวาดส่วนแบ่งตลาดไปแล้วถึง 88% เลย
ถ้าดูเป็นแบบภูมิภาค Apple และ Samsung กวาด top 2 ทุกภูมิภาค ยกเว้นประเทศจีนที่ Huawei เป็นเจ้าถิ่นและเป็นผู้นำส่วนของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม โดย Huawei กวาดส่วนแบ่งเฉพาะของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในประเทศจีนถึง 90% ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้
OnePlus 7 ซีรี่ส์เองก็น่าจับตามอง ทำให้ OnePlus ขึ้นมาติด top 5 ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมทุกภูมิภาค ยกเว้นลาตินอเมริกาและจีน
และถ้าดูลึกไปถึงรุ่นของสมาร์ทโฟน iPhone 11 ของ Apple ยังคงทำยอดขายได้ดีและเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมรุ่นที่ขายดีที่สุดในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 แต่ที่น่าสนใจเลยคือ สมาร์ทโฟน 4 จาก 5 รุ่นของ top 5 สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมนั้นเป็นของ Apple
สมาร์ทโฟน 5G จากจีนได้ส่วนแบ่งตลาดของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่รองรับ 5G ถึง 42% ด้วยระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไปของสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G จากจีนทำให้เป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดขายโตขึ้น
- 39% ของสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G นั้นมีราคาอยู่ในช่วง 400 ถึง 600 ดอลล่าร์ (ประมาณ 12,440 ถึง 18,660 บาท)
- 63% ของสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ทั้งหมดในส่วนของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม เป็นของแบรนด์จากจีน
เชื่อว่าการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ของ Apple ในรุ่นต่อๆไป จะมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม ซึ่งสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้น่าจะมีความยืดหยุ่นและฟื้นตัวไวจากผลกระทบของ COVID-19
ที่มา : Counterpoint