Microsoft ประกาศปิดร้านค้าปลีก (retail store) อย่าง Microsoft Store เกือบทุกสาขาทั่วโลกถาวร เป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากค้าปลีกออฟไลน์ไปเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์แทน
Microsoft Store จะถูกปิดเกือบทุกสาขาทั่วโลก ยกเว้น 4 สาขา คือ ลอนดอน นิวยอร์ก ซิดนีย์ และเรดมอนด์ (ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่) โดยจะทำการปรับรูปแบบ 4 สาขานี้ให้เป็น Microsoft Experience Centers เน้นไปที่การแสดงและการให้บริการซัพพอร์ตต่างๆ กับลูกค้าแทนที่การขายของ
สาเหตุหลักของการตัดสินใจปิดร้านค้าปลีกเกือบทุกสาขาทั่วโลกในครั้งนี้มาจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลีกต่างๆ ทำการปิดตัวแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่เมื่อการล็อคดาวน์ที่ลากยาวมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ทำให้บริษัทต้องรีบปรับตัว และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยจะย้ายไปใช้ช่องทางการขายแบบทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพราะตัวเลขรายได้ของช่องทางการขายออนไลน์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าการขายออนไลน์นั้นประสบความสำเร็จมากกว่าขายออฟไลน์ในหลายสาขาทั่วโลก และถึงแม้สาขาจะถูกปิดตัวลงไป แต่พนักงานขายที่ประจำสาขาต่างๆ ที่ถูกปิดจะไม่ถูกปลดหรือโดยเลิกจ้าง แต่บริษัทจะทำการโยกย้ายพนักงานในร้านค้าปลีกมาเป็นพนักงานด้านเทรนนิ่งที่เอาไว้ซัพพอร์ตลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงลูกค้าภาคการศึกษา และเปิดให้มีการซัพพอร์ตลูกค้าผ่านทางออนไลน์ เพราะมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ยังต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home และเรียนทางออนไลน์ ทั้งนี้ Microsoft เองยังจะจัดให้มีการเวิร์คช็อปทางออนไลน์กว่า 14,000 ครั้งด้วย
การตัดสินใจปิดร้านค้าปลีกในครั้งนี้ถือเป็นลดการขาดทุนของบริษัท โดยที่ Microsoft มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการปิดร้านสูงถึงประมาณ 450 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่รวมค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่จัดการกับสินทรัพย์ต่างๆ ด้วย ไม่ว่าการจะเป็นการด้อยค่าของสินทรัพย์ และการจัดจำหน่ายสินทรัพย์ออกจากบัญชี เป็นต้น