โนแลน บอก สนใจฉายหนัง Tenet ผ่านทางออนไลน์และสตรีมมิ่ง

แฟนภาพยนตร์เรื่อง Tenet ของผู้กำกับมากความสามารถอย่างคริสโตเฟอร์ โนแลน ยังคงเจอกับโรคเลื่อน เมื่อหนังทุนสร้าง 205 ล้านดอลล่าร์ถูกเลื่อนกำหนดฉายออกไปอีก เนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศเป็นผลมาจากการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19

รายละเอียดของภาพยนตร์นั้นยังไม่ถูกเผย และภาพยนตร์ยังไม่สามารถฉายรอบปฐมทัศน์ได้จนกว่าโรงภาพยนตร์จะเปิดให้บริการอีกครั้ง การระบาดของไวรัสโคโรน่ารอบใหม่นี้ส่งผลกระทบต่อทุกวงการ ก่อนหน้านี้ที่ภาพยนตร์เรื่อง Tenet ได้กำหนดวันฉายที่แน่นอนแล้ว แต่ดันเกิดการระบาดรอบสองในสหรัฐอเมริกาโดยมียอดการติดเชื้อรายวันทำลายสถิติเดือนเมษายน เป็นผลให้การฉายรอบปฐมทัศน์ถูกเลื่อนออกไปอีก ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด Tenet จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 12 สิงหาคม 2020 (ล่าสุดคือทาง Warner Bros. ประกาศเลื่อนฉายแบบไม่มีกำหนด)

โนแลนเองก็คาดหวังว่าภาพยนตร์ของเขาจะสามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้ตามรอบปกติ แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่นั้นมันจึงเป็นไปได้ยากที่โรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงภาพยนตร์เป็นสถานที่แบบปิด ผู้ชมใช้เวลาในการรับชมร่วมกันนาน และที่นั่งที่ค่อนข้างจะติดกัน รวมไปถึงปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อีก เช่น ผู้ชมอาจมีการถอดหน้ากากออกเพื่อทานป็อปคอร์น หากกลับมาเปิดได้ในช่วงนี้ที่มีการระบาดอีกครั้งอาจมีความเสี่ยงที่สูงที่จะมีผู้ติดเชื้อจากการนั่งดูหนังในโรงร่วมกัน

แน่นอนว่า Tenet นั้นมีความสำคัญทั้งกับค่ายหนังอย่าง Warner Bros. กับผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน และกับกลุ่มโรงภาพยนตร์ รวมถึงแฟนหนังที่รอติดตามชมเช่นกัน คงต้องอดใจรอจนกว่าสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาจะดีขึ้น

Christopher Nolan Tenet

ถ้าหาก Tenet ไม่ได้เข้าฉายภายในวันที่ 12 สิงหาคมจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง?

ข้อมูลจากโนแลนเองเลยคือ ทางค่าย Warner Bros และโนแลนจะพลาดส่วนแบ่ง 20% ของรายได้จากการเข้าฉายครั้งแรก ซึ่งเขาอาจจะชวดเงินหลายล้านดอลล่าร์ไป แต่มีอีกทางเลือกหนึ่งที่โนแลนสามารถทำได้ถ้าอยากให้หนังฉายในช่วงนี้จริงๆ นั่นคือ ให้ Tenet ฉายทางออนไลน์ ด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การระบาดนั้น บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ผู้ชมทั้งเรื่องความสุขในการได้รับชมภาพยนตร์ดีๆ รวมถึงปลอดภัยจากความเสี่ยงต่อโรคระบาดที่ผู้ชมสามารถรับชมภาพยนตร์ได้จากภายในบ้านด้วย

และถ้าโนแลนเลือกที่จะฉาย Tenet ทางออนไลน์ คำถามที่ตามมาคือ การปล่อยฉายบนบริการสตรีมมิ่งออนไลน์นั้นจะสามารถทำเงินให้กับ Warner Bros. ได้มากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น หาก Warner Bros. ต้องการกำไรจากหนังเรื่องนี้ 400 ล้านดอลล่าร์ การนำหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ทางค่ายจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 50% ดังนั้น Tenet จะต้องทำรายได้จากการเข้าฉายในโรงให้ได้ 800 ล้านดอลล่าร์ ถึงจะเข้าเป้าของ Warner Bros.

ซึ่งช่องทางออนไลน์ เช่น การปล่อยผ่าน HBO Max หรือการขายบน iTunes ก็น่าจะพอทำได้ ยิ่งส่วนแบ่งของช่องทางออนไลน์ ก็ไม่เหมือนกับการนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรง โดยการปล่อยหนังบน iTunes, Vudu หรือ Amazon นั้น ทางค่ายหนังจะได้ส่วนแบ่งที่ 80% และถ้าปล่อยบนบริการสตรีมมิ่งของ Warner Bros. เองอย่าง HBO Max ทางค่ายหนังก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งส่วนแบ่งให้ใครอีก เพราะเป็นบริการของตัวเอง ดังนั้นการปล่อย Tenet ทางออนไลน์ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

จากตัวเลขสถิติรายได้ Troll World Tour ภาพยนตร์แอนิเมชั่นทำรายได้จาก 100 ล้านดอลล่าร์ภายใน 3 สัปดาห์จากช่องทางการขายดิจิทัล ทางต้นสังกัดอย่าง Universal กำลังคิดว่าถ้าพ้นช่วงระบาดของ COVID-19 จะนำภาพยนตร์ดังกล่าวเข้าฉายทั้งในโรงภาพยนตร์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งผลให้ทาง AMC ขู่ว่าจะขึ้นบัญชีดำภาพยนตร์ในอนาคตของ Universal ทั้งหมดจากโรงภาพยนตร์ หากดูเฉพาะส่วนของรายได้ คิดว่าหนังอย่าง Tenet น่าจะสามารถทำรายได้จากช่องทางดิจิทัลได้มากกว่านั้น

หากเรามองย้อนกลับไปก่อนช่วง COVID-19 ระบาด รายได้ของโรงภาพยนตร์ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก แม้ภาพยนตร์อย่าง Avengers: Endgame, Lion King และ Star Wars จะกวาดรายได้ไปได้เยอะมากก็จริง แต่รายได้จากการขายตั๋วโดยรวมกลับลดลง ส่วนแบ่งรายได้ส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงมาจากบริการสตรีมมิ่ง ไม่ใช่รายได้จากโรงภาพยนตร์ โดยปี 2019 รายได้จากช่องทางดิจิทัลและออนไลน์นั้นทำได้ถึง 5.88 หมื่นล้านดอลล่าร์ทั่วโลก เติบโตขึ้น 14% จากปี 2018

เป็นไปได้ว่าโนแลนอาจจะยึดติดกับการที่ภาพยนตร์ต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ รวมถึงผู้กำกับชื่อดังคนอื่นๆ เช่น สตีเว่น สปีลเบิร์ก ที่ยืนยันว่าโรงภาพยนตร์คือส่วนประกอบหลักของประสบการณ์ระดับฮอลลีวูด แต่ถ้ามองด้วยสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว โลกของภาพยนตร์อาจต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นช่องทางออนไลน์และดิจิทัลจึงเป็นตัวเลือกที่น่าจะรับไว้พิจารณา

ความเห็นจากทีมงาน ล้ำหน้าฯ

เชื่อว่าเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทางค่ายหนัง เพราะถ้าเอาหนังใหญ่ที่ทุนสร้างมหาศาล ไปฉายพรีเมียร์บนสตรีมมิ่ง ยังมีความเสี่ยงที่ว่าอาจจะไม่คุ้มทุน แถมอาจจะต้องผิดใจกับบรรดาโรงภาพยนตร์ต่างๆ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน การแพร่ระบาดของไวรัส (โดยเฉพาะในอเมริกา) ที่ยังไม่เห็นแสงสว่างในปลายอุโมงค์ว่าจะสามารถควบคุมหรือลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้เลย ค่ายหนังที่ลงทุนผลิตภาพยนตร์ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงต้องหาทางออกด้วยเช่นกัน

ในปีนี้ หนังฟอร์มใหญ่อย่าง Greyhound ของทอม แฮงค์ ทาง Sony ก็ได้ยอมขายหนังแล้วเปลี่ยนไปฉายทาง Apple TV+ แทน

ที่มา : The Verge
รูปจาก : The Hindu | D1 Softball News

นักเขียนหน้าใหม่ ผู้หลงไหลในเรื่อง แมว หมี เทคโนโลยี และ โลกของไอที :)