สำหรับคนที่ติดตามบัญชี Twitter ของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น นาย Barack Obama อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ , นาย Elon Musk ซีอีโอของ Tesla , นาย Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft , นาย Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon และ นาย Joe Biden อดีตรองประธานาธิบดีสมัย Obama อาจมีความรู้สึกแปลกเมื่อได้เห็นข้อความที่บัญชีดังกล่าวทวีต รวมถึงการแชร์ลิงก์สแปมที่เชิญชวนให้คนมาบริจาคเงินในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ ข้อความเหล่านี้นั้น เจ้าของบัญชีไม่ได้เป็นผู้ทวีต แต่นี่เป็นมหกรรมการการจู่โจมและมุ่งเน้นไปที่การแฮ็กบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะ
รูปแบบข้อความจะคล้ายกัน เช่น ถามทุกคนว่าจะคืนและตอบแทนอะไรให้กับสังคมได้บ้าง และเชิญชวนให้โอนเงินมาให้ คุณโอนมา 1,000 ดอลล่าร์ แล้วจะโอนกลับคืนให้ 2,000 ดอลล่าร์ภายใน 30 นาทีนี้เท่านั้น
We are aware of a security incident impacting accounts on Twitter. We are investigating and taking steps to fix it. We will update everyone shortly.
— Twitter Support (@TwitterSupport) July 15, 2020
ไม่เพียงแต่บัญชี Twitter ของบุคคลที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่บัญชีของบริษัทใหญ่ เช่น Apple Uber เองก็ถูกแฮ็กและมีการทวีตข้อความประหลาดดังกล่าวที่เชิญชวนให้คนมาบริจาคเงินในรูปแบบบิทคอยน์เช่นกัน ในที่สุด Twitter ออกมายอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมดำเนินการตรวจสอบและระงับบัญชีที่ถูกแฮ็กไปก่อนชั่วคราวเพื่อไม่ให้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมใดๆ ออกมาอีกแล้ว
หากพิจารณาดูเรื่องของการแฮ็กบัญชีในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการจงใจและเล็งเป้าไปที่บุคคลที่มีชื่อเสียงและบริษัทใหญ่ๆ เป็นหลัก นอกจากนี้มันยังเป็นการค้นพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Twitter อีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระบบพูดถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าแฮกเกอร์นั้นอาจสามารถเข้าถึงได้มากกว่าบัญชีรายบุคคล และอาจสามารถเข้าถึงได้แม้กระทั่งระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในของ Twitter ได้ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่าการแฮ็กครั้งนี้ใครเป็นผู้ลงมือทำ โดยทาง Twitter เองก็อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ Dmitri Alperovitch ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท CrowdStrike ที่ทำเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการแฮ็กครั้งใหญ่และร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนการแจ้งเตือนให้กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียร์อื่นๆ ให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ที่มา : The Verge