กสทช. จับมือ รพ.ศิริราช หัวเว่ย ดําเนินโครงการนําร่องรถอัจฉริยะไร้คนขับเพื่อยกระดับการแพทย์ของประเทศไทยสู่ยุค 5G เพื่อพัฒนาสู่การเป็นต้นแบบ โรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital)
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (25 มิ.ย. 2563) สํานักงาน กสทช. ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด จัดทํา “โครงการนําร่องรถอัจฉริยะไร้คนขับ ยกระดับการแพทย์ไทยสู่ยุค 5G” โดยนําร่องใช้ในโรงพยาบาลศิริราชเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งทางโรงพยาบาลนํามาใช้ในการขนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ลดการสัมผัส และช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจากบริษัท หัวเว่ยฯ ซึ่งหากโครงการนี้ประสบความสําเร็จจะนําไปต่อยอดในการใช้งานด้านอื่น และโรงพยาบาลอื่นๆ ในประเทศต่อไป
โครงการนําร่องทดลองใช้รถอัจฉริยะไร้คนขับยกระดับการแพทย์ไทยสู่ยุค 5G นี้ เป็นการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลกมาใช้ในการขับเคลื่อนด้านการแพทย์ การสาธารณสุข โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้ามาแทนมนุษย์ในการส่งของถึงมือผู้รับได้ โดยสามารถวิ่งในเส้นทางที่ซับซ้อนภายในบริเวณโรงพยาบาล มีความปลอดภัยในการใช้งาน อํานวยความสะดวกให้กับผู้รับและผู้ส่ง ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เป็นการแบ่งเบาภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ สามารถบริหารจัดสรรบุคลากรและเวลาเพื่อตรวจรักษาดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น และต่อไปจะมีการนําเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับใช้ในการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะ หรือ Smart Hospital
นายฐากร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สํานักงาน กสทช. ได้มีการให้บริการแพทย์ทางไกลใช้ 5G เชื่อมโยงการให้บริการรักษาจาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน (รพ.สต.) กับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในจังหวัดเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยนําร่อง 4 โรค ได้แก่ โรคตา โรคผิวหนัง โรคความดัน และโรคเบาหวาน พร้อมขยายระบบการให้บริการแพทย์ทางไกลไปให้บริการผู้ต้องขังในเรือนจําโดยความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ เริ่มต้นที่เรือนจํากลางเขาบิน และเรือนจํากลางราชบุรี จังหวัดราชบุรี เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลให้กับประชาชนที่อยู่ในชนบท นักโทษในเรือนจํา ที่เข้าถึงการรักษาได้ลําบากต้องใช้เวลาในการเดินทางมาพบแพทย์หากเป็นการรักษาแบบปกติ ซึ่งโครงการที่สํานักงาน กสทช. ดําเนินการก่อนหน้านี้ ในวันนี้และในวันข้างหน้า เป็นการต่อยอดผลักดันใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ให้เกิดกับประเทศชาติและประชาชน
“ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเพราะเราจัดให้มีการประมูล 5G สําเร็จ และเป็นผู้นําในการนํา 5G มาให้บริการเป็นลําดับต้นๆ ในอาเซียน สํานักงานฯ เล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบนี้ รวมถึงความสําคัญในการนําเทคโนโลยี 5G มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ในทุกภาค ส่วนให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ ให้กับประชาชนในประเทศ เพื่อทําให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการแข่งขันกับนานาประเทศ เพื่อความพร้อมในการเข้าสู่สังคมยุคใหม่ที่มีการนําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในชีวิตประจําวัน การทํางาน และกระบวนการผลิตต่างๆ มากขึ้น” เลขาธิการ กสทช. กล่าว
ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างสมเหตุสมผล และมีระบบบริหารจัดการที่เหมาะสม ซึ่งโรงพยาบาลศิริราชให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาส่งเสริมให้เกิดการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและนำมาพัฒนางานทางการแพทย์ได้อย่างเป็นองค์รวม รถอัจฉริยะไร้คนขับโดยเทคโนโลยี 5G จากโครงการนำร่องในครั้งนี้จะนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในระบบโลจิสติกส์กลางของโรงพยาบาล โดยช่วงเริ่มต้นจะใช้ในการขนส่งยา เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ในงานด้านการขนส่ง ซึ่งลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับบริการทางการแพทย์ไทยได้ในระยะยาว”
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก หัวเว่ยรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ของไทยอย่างต่อเนื่อง รถอัจฉริยะไร้คนขับดังกล่าว สามารถช่วยรับส่งเวชภัณฑ์ภายในโรงพยาบาลศิริราช ด้วยเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย จะช่วยเร่งบริการทางการแพทย์ให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นและไปสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยี 5G ในแวดวงสาธารณสุขยังสามารถจุดประกายธุรกิจภาคอื่นๆ ให้หันมาสนใจในประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G และสำรวจการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ของเทคโนโลยีนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ เทคโนโลยี 5G จะเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย ในด้านต่างๆ ต่อไป”