รีวิว Fitbit Charge 4 สายรัดข้อมืออัจฉริยะ รุ่นยอดนิยมสุดของฟิตบิท ที่คราวนี้เพิ่มความสามารถดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งด้านข้อมูลสุขภาพและการออกกำลังกาย
ฟิตบิท ถือว่าเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดของอุปกรณ์ Fitness Tracker ตั้งแต่ยุคแรกๆ พัฒนาทั้งตัวอุปกรณ์และระบบซอฟท์แวร์ประมวลผลที่ละเอียด แม่นยำ และมีประโยชน์สำหรับคนที่รักสุขภาพ และอยากได้เครื่องมือสำหรับช่วยตรวจวัดการเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อให้รู้ว่าเราออกกำลังกายบ้างมั้ย พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า ฯลฯ
ตัวของ Fitbit Charge 4 (ฟิตบิท ชาร์จ 4) นั้น ถือว่าเป็นซีรี่ย์ที่คนนิยมกันมากที่สุด ส่วนตัวผมก็ใช้ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ไล่มาจนถึงรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 4 เรียกว่าเห็นการพัฒนาปรับปรุง ให้การใช้งานลงตัวขึ้นเรื่อยๆ ก่อนอื่นมาดูในกล่องกันก่อนว่ามีอะไรมาให้กันบ้าง
Unbox แกะกล่อง รีวิว Fitbit Charge 4
ตัวแพ็คเกจยังเป็นดีไซน์เดิมทุกประการ โดยตัว Fitbit Charge 4 ที่ทางทีมงานได้มา รีวิว จะเป็นรุ่น Special Edition ที่มีความพิเศษตรงที่มีสายแบบผ้ามาให้ด้วย โดยจะมีสายซิลิโคนสีดำแถมแยกมาให้ด้วย โดยข้อดีของตัวสายที่ให้มา คือมีให้ 2 ขนาดทั้งไซส์ S สำหรับคนข้อมือเล็ก และไซส์ L สำหรับคนข้อมือใหญ่ เลือกปรับได้ตามต้องการ และมีตัวสายชาร์จที่หัวเป็นแบบ USB
ดีไซน์และการออกแบบของ Fitbit Charge 4 นั้น ต้องบอกว่ามันเหมือนกับ Fitbit Charge 3 แบบเป๊ะๆ เลยก็ว่าได้ ที่เรียกว่าไม่ต่างกันเลย เริ่มต้นด้วยหน้าจอจะเป็นสีเดียว Monochrome ขาวดำ แบบ OLED ที่มีข้อดีคือดูในที่แจ้ง กลางแดดก็เห็นได้ชัด โดยตัวจอจะปิดทับด้วยกระจก Gorilla Glass เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดขวน ส่วนการควบคุมจะใช้เป็น Touchscreen แตะสั่งงานและปัดเพื่อเปลี่ยนหน้าจอเมนูได้ ส่วนด้านข้างจะมีปุ่มกดแบบสัมผัส
ตัวสายนาฬิกา สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายมาก โดยจะมีสลักให้กดลงก็ดึงออกได้เลย อย่างที่บอกคือรุ่น Special Edition จะมีสายมาให้ 2 แบบคือ สายผ้า และสายซิลิโคน ตัวสายผ้าข้อดีที่ชอบมากคือ ใส่สบายและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับสวมใส่ตลอดวัน แต่อาจจะไม่เหมาะกับการออกกำลังกายเพราะว่ามันจะอมเหงื่อ แนะนำเปลี่ยนใช้เป็นสายแบบซิลิโคนแทน หรือถ้าใครอยากได้สายแบบอื่นๆ Fitbit ก็มีให้เลือกซื้อเลือกเปลี่ยนได้อีกหลายแบบ ให้เหมาะกับลุคแฟชั่นการแต่งตัว ตามสไตล์ที่ชื่นชอบ
ด้านหลังจะมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ PurePulse ที่ใช้เทคโนโลยีแสง เก็บข้อมูลการเต้นของหัวใจ (Heartrate) ได้ตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง และจะมีจุดสำหรับต่อสัมผัสกับชุดชาร์จเพื่อเสียบชาร์จแบตเตอรี่
เรื่องของดีไซน์และวัสดุนั้น ถือว่ามีการศึกษาและพัฒนามาเพื่อให้สวมใส่ได้สบาย ตัวเรือนที่เป็นพลาสติกข้อดีก็คือสวมใส่ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกระคายเคืองผิวหนัง ล้างทำความสะอาดได้ง่าย ตัวสาย
การใช้งาน เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่านแอพ Fitbit
แน่นอนว่าการใช้งาน จะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านแอพพลิเคชั่น Fitbit ที่มีให้ใช้ทั้งใน iOS และ Android จัดการติดตั้ง สร้างบัญชีผู้ใช้ ซึ่งต้องใส่ข้อมูลเบื้องต้นอย่างเช่น น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ เพื่อที่ระบบจะได้สามารถประเมินการบันทึกข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ในตัวแอพจะใช้เป็น Setting สำหรับปรับแต่งการใช้งานตัวนาฬิกาได้ด้วย ตั้งแต่การเลือกเปลี่ยนหน้าปัด, การแจ้งเตือนปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ, การตั้งค่า, ปรับแต่งค่าการนอน, ตื่น ฯลฯ
เซ็ตอัพเสร็จเรียบร้อย คุณก็สามารถสวม Fitbit Charge 4 เอาไว้ตลอดเวลา ทั้งวัน รวมถึงตอนนอน เพื่อที่ตัวนาฬิกาและแอพจะบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวของคุณตลอดเวลา จริงๆ ตอนอาบน้ำก็ใส่ได้เพราะตัวเรือนออกแบบมาให้สามารถกันน้ำระดับที่ใส่ว่ายน้ำได้เลย แต่ถ้าตอนนี้จะถอดเพื่อเสียบชาร์จแบตเตอรี่ไว้ก็ยังได้อยู่
แล้วในช่วงนี้ในแอพของ Fitbit มีเพิ่มแถบ COVID-19 ที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เป็นทั้งข่าวสารและคำแนะนำในการรักษาสุขภาพให้ปลอดภัยอีกด้วย
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
มาดูเรื่องฟีเจอร์การใช้งานกันบ้าง เบื้องต้นมันก็คือสามารถใช้งานเป็นนาฬิกาที่บอกท้งเรื่องของเวลา และข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำ โดยที่หน้าปัดเราเอานิ้วแตะแล้วปัดเลื่อนเพื่อเปลี่ยนดูได้
- ปัดในแนวตั้ง จะเลือกเปลี่ยนดูหน้าปัดข้อมูลเวลา, การเดิน, การเคลื่อนไหว, การดื่มน้ำ, การออกกำลังกาย การนอน
- การแจ้งเตือนในสมาร์ทโฟน สามารถขึ้นมาแสดงบนหน้าปัดนาฬิกาได้ด้วย โดยเลื่อนปัดขึ้นเพื่อดูย้อนหลังได้
- ปัดในแนวนอน จะเข้าเมนูการใช้งานต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย, เล่นเพลงผ่าน Spotify, ตั้งเวลาปลุก, จับเวลา, ตั้งค่า, ปฎิทินนัดหมาย, ข้อมูลอากาศ
มี GPS สำหรับการออกกำลังกาย สิ่งใหม่ที่ใส่มาให้ใน Fitbit Charge 4 คือระบบระบุพิกัดดาวเทียม GPS ข้อดีก็คือ กิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้ง อย่างเช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยาน คุณไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย เพราะตัวเรือนจะจัดการเก็บเส้นทาง, ระยะทาง จากระบบดาวเทียม วิ่งเสร็จกลับมาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ข้อมูลก็จะจัดเก็บเข้าในแอพให้ทันที
Active Zone Minutes อันนี้น่าจะถูกใจสายออกกำลังกาย เพราะจะมีการการจับข้อมูลแบ่งโซนของหัวใจเต้น เพื่อให้เราออกกำลังกายแบบคุมโซน ให้ได้ในระดับที่ต้องการได้
Smart Tracking โดยปกติการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เราก็จะเลือกได้ว่า จะวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, เล่นฟิตเนส ฯลฯ ได้ แต่ด้วยระบบนี้ มันจะคอยจับการเคลื่อนไหวของเรา ถ้าหากดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นการออกกำลังกาย มันจะถามเราว่าตอนนี้กำลังออกกำลังกายหรือไม่ จะให้บันทึกเลยมั้ย ถือว่าสะดวกมาก
สำหรับการติดตามกิจกรรมออกกำลังกาย ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ตอนนี้มีระบบ Multi-Sport Tracking , Cardio Fitness Level และยังติดตามบันทึกการว่ายน้ำได้ด้วย
Sleep Tracker สำหรับ Fitbit แล้ว ผมให้เรื่องความแม่นยำในการติดตามพฤติกรรมนอน ที่แม่นยำที่สุดเท่าที่ใช้กับ Wearable device มาหลายๆ ตัว ด้วยการประเมินผลการเคลื่อนไหวที่ฉลาด รู้ได้ว่าเราหลับในสเตจไหน มีตื่นตอนไหน หลับลึก หลับตื่น หรือหลับฝัน จากนั้นก็จะมาพล็อตเป็นกราฟให้ พร้อมทั้งมีการให้คะแนนการนอน พร้อมคำแนะนำว่า การนอนหรือการพักผ่อนของเราดีเพียงพอ หรือมีปัญหาต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขบ้าง
คราวนี้การนอนมีเพิ่ม Smart Wake (ฟีเจอร์ใหม่ในอนาคต) ที่จะเป็นระบบแจ้งปลุกให้เราตื่นในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งปกติถ้าเราตื่นในช่วง Light หรือ REM ไม่ใช่ช่วงที่หลับลึก จะตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ระบบจะดูช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด แล้วปลุกให้เราตื่น
และจะมีอีกฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมา คือการแจ้งวัดระดับค่าออกซิเจนในเลือดของเราได้ ซึ่งเป็นอีกสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของเราว่ามีความแข็งแรงและสุขภาพดีหรือไม่
Fitbit Premium อันนี้เป็นโปรแกรมด้านสุขภาพและออกกำลังกาย ที่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเทรนเนอร์ส่วนตัว ให้เราจัดโปรแกรมการออกกำลังกายได้หลากหลาย โดยที่มีคลิปนำการออกกำลังกาย พร้อมเนื้อหาที่ช่วยให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ส่วนนี้เป็นบริการแบบสมัครสมาชิก มีค่าใช้จ่าย ราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี)
Fitbit Pay เป็นบริการชำระเงินแบบ Contactless ที่ใช้จริงได้แล้วในประเทศไทย เราสามารถเอาบัตรเครดิตธนาคาร มาผูกเข้ากับระบบของ Fitbit ได้ (ปัจจุบันรองรับของ กสิกรไทย, KTC, ธ.กรุงเทพ และ SCB การใช้งนคือการสแกนผ่าน NFC ที่ตัว Fitbit กับเครื่องรูดบัตรในร้านค้าที่รองรับ ซึ่งตอนนี้เริ่มที่เป็นรองรับในห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารต่างๆ ถือว่าเป็นอีกความสะดวกสบาย
ควบคุมเพลงใน Spotify สำหรับคนชอบฟังเพลง เวลาที่เราเปิดแอพ Spotify เพื่อเล่นเพลงแล้ว เราสามารถเลือกเมนูควบคุม เปลี่ยนเพลงจากตัวหน้าจอ Fitbit ได้ สะดวกเวลาที่ออกกำลังกายแล้วเปิดเพลงฟังไปด้วย ก็แค่วางสมาร์ทโฟนเอาไว้ข้างๆ แล้วกดควบคุมที่ข้อมือ
สรุป รีวิว ความน่าสนใจของ Fitbit Charge 4 น่าใช้แค่ไหน และเหมาะสำหรับใคร?
การเพิ่ม GPS เข้ามาถือว่าทำให้มันทำหน้าที่เป็นนาฬิกาวิ่งได้เลย ก็ทำให้สะดวกเวลาที่ไปวิ่งจ้อกกิ้งแล้วไม่อยากพกมือถือไป ก็ไปแต่ตัวกดบันทึกเส้นทางได้เลย ก็ทำให้สะดวกมากขึ้น ส่วนเรื่องของดีไซน์ ถือว่าลงตัวและเรียบง่าย ใส่สบาย และปรับเปลี่ยนได้ตามแฟชั่นของผู้สวมใส่ มีความ Unisex ที่ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
แบตเตอรี่ถือว่าน่าประทับใจ ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องรวมๆ เกือบ 7 วัน ซึ่งถ้ามีการใช้เก็บข้อมูลออกกำลังกาย หรือเปิด GPS ก็จะหมดเร็วขึ้น แต่ก็ถือว่าทำงานได้ดี การชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำได้รวดเร็ว ถ้าชาร์จแบบจาก 0% จนเต็มก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ส่วนตัวผมจะใช้วิธี ถอดชาร์จทุกวันช่วงที่อาบน้ำ เป็นการพักข้อมือให้บริเวณที่สวมใส่ให้ผ่อนคลาย แล้วก็ได้ล้างทำความสะอาดตัว Fitbit ให้สะอาดเพราะถ้าไม่ค่อยล้างจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้ ซึ่งผลที่ตามมาจะเกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ชาร์จแบบนี้เรียกว่าแบตเต็มทุกวันแน่นอน
แต่มีจุดที่ต้องบอกกันคือ เรื่องการแสดงผลภาษาไทย ที่ตอนนี้ Fitbit ยังไม่รองรับ ก็คือถ้าใช้งานเป็นการแจ้งเตือนแล้วมีข้อความเป็นภาษาไทยมา จะขึ้นเป็นตัวสี่เหลี่ยมๆ ไม่สามารถอ่านได้ ก็ได้แต่รอกันต่อไปว่าจะมีการอัพเดทให้รองรับภาษาไทยเมื่อใด
สำหรับใครที่อยากได้ Fitness Tracker ประสิทธิภาพดี มีระบบการประมวลผลค่าต่างๆ ที่แม่นยำ ฉลาด ทั้งเรื่องกิจกรรมตลอดทั้งวัน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการนอน ถือว่า Fitbit Charge 4 ทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์มากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ตัวแอพ Fitbit มีระบบตั้งคำนวนแจ้งเตือนเรื่องรอบเดือนให้ด้วยนะ
Fitbit Charge 4 เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ สนใจเรื่องของสุขภาพ การออกกำลังกายที่เป็นแบบการเล่นฟิตเนส วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ ไม่ได้เน้นเข้มข้นระดับฝึกฝนเป็นนักกีฬา ถือว่าตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลย
Fitbit Charge 4 ราคา และรุ่นต่างๆ
ตอนนี้เริ่มวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่าย อาทิ B2S, Dotlife, Jaymart, King Power, Lazada, Power Buy, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันคือ
- Fitbit Charge 4 มาในสีดำ สี Rosewood และสี Storm Blue/black ราคา จำหน่ายอยู่ที่ 6,490 บาท
- Fitbit Charge 4 Special Edition มาพร้อมกับสายข้อมือสีดำแกรนิต และสายสีดำแบบธรรมดา เหมาะสำหรับเปลี่ยนใช้งานหลากหลายโอกาส ในราคา 6,990 บาท
สำหรับสายนาฬิกาก็มีอุปกรณ์เสริมขายเพิ่มเติมด้วย อาทิ สายผ้าแบบ REPREVE ซึ่งทอขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลในสี midnight และ rosewood, สายข้อมือซิลิโคนเหมาะสำหรับการออกกำลังกายในสี Evergreen และ Frost White, และสายหนังทำมือสุดพรีเมียมจาก Horween และตัวสายสามารถใช้ร่วมกับ รุ่น Charge 3 ได้ด้วย
