รีวิว OPPO Watch สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกจากออปโป้ ที่มีความน่าสนใจตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมทั้งประสิทธิภาพภายใน ใช้ Wear OS by Google พร้อมเชื่อมต่อและใช้งานฟังก์ชั่นของ Google ได้เต็มรูปแบบ และที่เด็ดมากคือเรื่องของ ราคา เพราะเปิดตัวมาเริ่มต้นเพียงแค่ 5,999 บาทเท่านั้น
นอกจากสมาร์ทโฟนที่ตอนนี้ OPPO ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระดับโลก ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ OPPO ยังได้ขยายจักรวาลสู่โลกของ AIoT อุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อและช่วยให้ชีวิตในแต่ละวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า OPPO มีส่งหูฟังไร้สายลงตลาดในบ้านเราหลายรุ่น ให้เลือกใช้ ที่คุณภาพเสียงดีและมีฟีเจอร์ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างชาญฉลาด
ล่าสุดได้เปิดตัว OPPO Watch ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยออกมาด้วยกัน 2 รุ่นขนาดหน้าปัดด้วยกันคือ 41mm และ 46mm สำหรับเลือกสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เรามาดูสเปคของทั้ง 2 รุ่นกันก่อนเลย
รุ่น 46mm
- มีให้เลือก 2 สี Black/Glossy Gold
- ขนาดตัวเรือน 46 × 39 × 11.35 mm
- วัสดุกรอบนาฬิกา Aluminum alloy
- สายนาฬิกา วัสดุ Fluororubber
- วัสดุตัวเรือน Ceramic + Poly Carbonate
- น้ำหนัก 39.3g (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอ AMOLED Flexible Dual-Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 px
- แบตเตอรี่ 430mAh ใช้งาน 36 ชั่วโมง (Smart Mode) และ 21 วัน (Power Save Mode)
- รองรับชาร์จเร็ว Watch VOOC Flash Charging
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon Wear™ 3100 & Ambiq Micro Apollo3 Wireless SoC
- ระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google™
- RAM 1GB หน่วยความจำภายใน 8GB
- Wi-Fi WLAN 2.4G
- Bluetooth 4.2 BLE
- รองรับ NFC
- Built-in GPS. Supports A-GPS and GLONASS
- กันน้ำมาตรฐาน 5ATM
- ราคา 7,999 บาท
รุ่น 41mm
- มีให้เลือก 2 สี Black/Pink Gold
- ขนาดตัวเรือน 41.45 × 36.37 × 11.4mm
- วัสดุกรอบนาฬิกา Aluminum alloy
- สายนาฬิกา วัสดุ Fluororubber
- วัสดุตัวเรือน Poly Carbonate
- น้ำหนัก 30.1g (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอ Rigid AMOLED Screen ขนาด 1.6 นิ้ว ความละเอียด 320 x 360 px
- แบตเตอรี่ 300mAh ใช้งาน 24 ชั่วโมง (Smart Mode) และ 16 วัน (Power Save Mode)
- รองรับชาร์จเร็ว Watch VOOC Flash Charging
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon Wear™ 3100 & Ambiq Micro Apollo3 Wireless SoC
- ระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google™
- RAM 1GB หน่วยความจำภายใน 8GB
- Wi-Fi WLAN 2.4G
- Bluetooth 4.2 BLE
- รองรับ NFC
- Built-in GPS. Supports A-GPS and GLONASS
- กันน้ำมาตรฐาน 3ATM
- ราคา 5,999 บาท
ถ้าดูเทียบกับระหว่าง 2 รุ่นนี้แล้ว นอกจากเรื่องของขนาดและน้ำหนักแล้ว รุ่น 41mm ตัวหน้าปัดเรือนจะเป็นแบบ Regid AMOLED แบบจอเรียบตัดขอบ ขนาดแบตเตอรี่ที่เล็กกว่า และการกันน้ำในมาตรฐาน 3ATM นอกนั้นสเปคอื่นๆ ทั้งชิปเซ็ต, ROM RAM, GPS, ระบบชาร์จเร็ว อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้น ถ้าเลือกก็ตามแต่ความชอบทั้งเรื่องขนาด และดีไซน์ได้เลย
สำหรับ รีวิว OPPO Watch ที่ทางทีมงานล้ำหน้าฯ เราได้ตัวสินค้ามาทดสอบ จะเป็นรุ่น 46mm มีจุดเด่นที่หน้าจอ AMOLED Flexible Dual-Curved Display ขอบโค้งสวยงาม แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสุดถึง 21 วัน เริ่มกันตั้งแต่ Unbox แกะกล่องดูดีไซน์กันก่อนเลย
แกะกล่อง รีวิว OPPO Watch 46mm
แพ็กเกจของ OPPO Watch ตัวกล่องจะเป็นสีขาวสะอาดตา รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว เพื่อที่จะได้บรรจุตัวนาฬิกาและสายแบบยืดยาวไม่ต้องม้วนเป็นวง โดยที่หน้ากล่องมีรูปตัวเรือนของนาฬิกาพิมพ์แบบเงาเหลือบดูพรีเมียม ส่วนที่ด้านหลังจะมีระบุข้อมูลของตัวนาฬิกาเป็นรุ่นขนาด 46mm (Wi-Fi) รุ่นที่เรานำมารีวิวจะเป็นสีดำ
ในกล่องเปิดออกมา ตัวนาฬิกาจะวางอยู่บนสุดมีพลาสติกห่อปิดไว้เรียบร้อย ยกออกมาด่านล่างจะเป็นบรรดาอุปกรณ์เสริมต่างๆ วางเรียงกันอยู่
อย่างแรกเลยคือตัวแท่นชาร์จที่ดีไซน์เป็นสีขาวเงา ด้านล่างมีแผ่นยางเพื่อวางแล้วไม่ลื่น การชาร์จจะมีขั้วสำหรับชาร์จโดยมีแม่เหล็กช่วยดูดให้นาฬิกาติดกับแท่น ตัวสายมีความยาวประมาณ 1 เมตร เป็นหัวเสียบแบบ USB-A ในกล่องจะมีไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จแถมมาให้ เราสามารถนำไปชาร์จกับ USB Port อะไรก็ได้ โดยจะรองรับกำลังที่ 5V 1.5A
มีเอกสารมาให้ในกล่องด้วย เป็นคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และคำแนะนำด้านความปลอดภัย
ตัวเรือนของ OPPO Watch 46mm ตัวเรือนดีไซน์แบบรูปทรง 4 เหลี่ยม แต่มีความโค้งมนทั้งที่ตัวกรอบเครื่องไปจนบริเวณกระจกด้านหน้าและฝาด้านหลัง จึงให้ความรู้สึกสวยงามแบบไม่แข็งกระด้าง พร้อมด้วยตัวสายนาฬิกาจะมาเป็นสีเดียวกับตัวเรือน วัสดุเป็น Fluororubber ลักษณะเหมือนยาง มีความแข็งแต่ยืดหยุ่นได้ สวมใส่กระชับ การใส่จะมีหมุดล็อคกับช่องและมีสายข้อรัดเพื่อเก็บปลายสาย
ในกล่องมีสายข้อรัดแบบซิลิโคนมาให้ด้วยอีกอัน เอาไว้สำหรับเป็นเส้นสำรองเผื่อหลุดหล่นหาย หรือจะใส่ 2 อันเลยก็ได้ สำหรับคนที่รัดสายวงในๆ แล้วสายเหลือเยอะ ก็ช่วยให้ใส่ได้กระชับขึ้น
หน้าปัดเป็น หน้าจอ AMOLED Flexible Dual-Curved Display ขนาด 1.91 นิ้ว ความละเอียด 402 x 476 px จะเห็นได้ว่าตัวกระจกและหน้าจอด้านใน จะเป็นขอบโค้งลงด้านข้าง ทำให้ดูสวยงามรับกับตัวเรือน เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่ออกแบบหน้าปัดในรูปแบบนี้
พลิกดูด้านหลังของตัวเรือน วัสดุจะเป็นเซรามิคที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และไม่ระคายเคืองกับผิวหนังเมื่อสวมใส่เป็นเวลานานๆ ตรงกลางจะเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heartrate Monitor) นูนขึ้นมาจากตัวเรือนเล็กน้อย เพื่อให้เวลาสวมแล้วสัมผัสกับผิวหนังได้แนบสนิท และมีขั้วชาร์จแบตเตอรี่
ตัวสายนาฬิกาสามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยด้านหลังของตัวเรือนจะมีปุ่มให้กดแล้วดึงออกได้ ตัวล็อคจะเป็นเขี้ยวโลหะ 2 จุด
เฟรมของนาฬิกาใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา ทำสีเคลือบแบบดำเงา ด้านทางขวาของเรือน จะมีปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม ปุ่มบนจะเป็นการเรียกหน้ารวมแอพ ถ้ากดค้างไว้จะเรียกใช้งาน Google Assitant ปุ่มล่างจะเป็นปุ่ม Shortcut เพื่อเรียกแอพด่วนที่ตั้งค่าไว้ (เบื้องต้นจะเป็นคำสั่ง Workout) ถ้ากดค้างจะเป็นการเปิดปิดเครื่อง และถ้าสังเกตดีๆ ตรงกลางระหว่าง 2 ปุ่มนี้จะมีช่องรูของไมโครโฟนอยู่ด้วย ส่วนด้านซ้ายของตัวเรือน จะมีช่องของลำโพงอยู่
เรื่องของการออกแบบนั้น ทำได้ดี ในรูปแบบที่เป็นนาฬิกาแฟชั่นแบบทรงเรือนสี่เหลี่ยม แต่ก็ทำดีไซน์ให้โค้งมนจนไร้เหลี่ยมได้อย่างสวยงาม ความหนาก็ถือว่าค่อนข้างบางและน้ำหนักที่เบา ใส่ได้สบายไม่รู้สึกรำคาญหรือหนักข้อมือ งานประกอบปราณีต พร้อมทั้งยังป้องกันน้ำได้ระดับความลึกมาตรฐาน 5ATM หรือ 50 เมตร ใช้ใส่ว่ายน้ำได้
Setup การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน
คราวนี้เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการใช้งานกัน OPPO Watch นั้น ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google ที่รองรับการใช้งานได้กับสมาร์ทโฟน Android ได้เต็มรูปแบบครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน เริ่มต้นจะต้องทำการดาวน์โหลดแอพ Wear OS by Google มาติดตั้งในสมาร์ทโฟนให้เรียบร้อยเสียก่อน
กดปุ่ม Power เพื่อเปิดนาฬิกา OPPO Watch ขึ้นมา เลือกภาษาสำหรับการใช้งาน (มีภาษาไทยให้เลือกด้วย) จนถึงหน้าที่บอกให้เราเข้าไปเปิดแอพ Wear OS by Google บนสมาร์ทโฟน อย่าลืมเปิด Bluetooth เพื่อเตรียมเชื่อมต่อ ในแอพจะทำการค้นหาตัวนาฬิกา เมื่อเจอ OPPO Watch แล้วก็กดเพื่อทำการเชื่อมต่อและลงทะเบียนเพื่อผูกการใช้งานร่วมกับบัญชี Google ของเรา และให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ก็เป็นอันเรียบร้อย
หลังจากเซ็ตอัพเรียบร้อย แนะนำให้ติดตั้งแอพ HeyTap Health ที่จะเป็นแอพเสริมการทำงานร่วมกับ OPPO Watch ในส่วนของลูกเล่นเพิ่มเติม, การออกกำลังกาย และสุขภาพ สามารถโหลดได้ผ่านทาง Google Play Store ได้เลย
ถือว่าขั้นตอนการเริ่มใช้งานและ Setup นั้นไม่ยุ่งยากเลย ทำแค่ไม่กี่ขั้นตอนก็เรียบร้อย และอย่าลืมเชื่อมต่อครั้งแรกจะมีให้อัปเดทเฟิร์มแวร์ของตัวนาฬิกาด้วย แนะนำให้ติดตั้งให้เรียบร้อย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด
ประสบการณ์ใช้งานจริงในด้านต่างๆ
คราวนี้เรามาทดสอบใช้งานกันจริงๆ ละ ต้องบอกว่าเราจะต้องเปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth ในสมาร์ทโฟนเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อให้ตัว OPPO Watch เชื่อมต่อและทำงานร่วมกันได้ตลอดเวลา โดยการทดสอบ เราลองใช้งานจริงแบบสวมใส่ตลอดทั้งวันเพื่อลองทุกอย่างทั้งด้านประสิทธิภาพและฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ และนี่คือสิ่งที่เราสรุปมาให้ครับ
ด้านการใช้งานเป็น Smart Watch
นาฬิกาที่เป็น Wear OS by Google นั้น ออกแบบการใช้งานมาให้ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก และทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Google ได้เต็มประสิทธิภาพ พื้นฐานแล้วทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้น่าพอใจ
- การแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน จะขึ้นมาแสดงที่หน้าจอของ OPPO Watch ไม่ว่าจะเป็นสายโทรเข้า, SMS, ตารางนัดหมาย, อีเมล, ข้อความแชทจากแอพต่างๆ, การแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย, เกม ฯลฯ รองรับแสดงผลฟอนท์ภาษาไทยได้ไม่มีเพี้ยน และตัวหนังสือใหญ่มองเห็นได้ชัดมาก
- ข้อความหรือการแชท นอกจากดูข้อความแล้ว เราสามารถตอบกลับได้ด้วย ได้ทั้งวิธีการตั้งค่าข้อความด่วนให้เลือกใช้ หรือจะพิมพ์ตอบด้วยคีย์บอร์ดพิมพ์บนจอ (มีเฉพาะภาษาอังกฤษ), พิมพ์ Emoji หรือพูดเป็นข้อความแล้วเปลี่ยนเป็นตัวอักษร ที่รองรับทั้งภาษาอังกฤษและไทย จากที่ลองใช้ทำงานได้แม่นยำดีมาก
- สายโทรเข้าจากสมาร์ทโฟน เราสามารถกดรับสายหรือตัดสายจาก OPPO Watch และเวลาที่รับสายก็สามารถสนทนาผ่านไมโครโฟนบน OPPO Watch ได้เลย
- ติดตั้งแอพเพิ่มเติมได้ โดยเข้า Play Store จากในตัว OPPO Watch ได้เลย เราสามารถใช้งานอย่างเป็นแผนที่นำทางแบบ Turn-by-Turn ด้วย Google Maps, เล่นควบคุมเพลงในสมาร์ทโฟนผ่าน Music Player หรือจะเล่นผ่าน Sportify เพื่อสั่งเล่นและเปลี่ยนเพลงบนอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านได้
- แอพที่ติดตั้งมาให้ใน OPPO Watch ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีเครื่องบันทึกเสียง เก็บเอาไว้ได้ในนาฬิกา, จับเวลา, ตั้งปลุก, นับเวลาถอยหลัง, ดูเวลาเมืองต่างๆ ทั่วโลก, translate แปลภาษาต่างๆ ได้ทั่วโลก ฯลฯ
- Google Assistant การใช้คำสั่งเสียงเพื่อใช้งานผู้ช่วย ทำได้ทั้งการค้นหาข้อมูล, หาเส้นทาง หรือสั่งงานอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อไว้ในบ้าน
เปลี่ยน OPPO Watch ให้เป็นสไตล์แบบเราได้ทุกรูปแบบ
คราวนี้มาดูฟีเจอร์อื่นๆ กันบ้าง ให้เข้าในแอพ HeyTap Health จะมีหลายๆ อย่างให้เราเลือกปรับแต่ง Watch Face ของ OPPO Watch ให้ได้ในสไตล์ของเรา โดยจะมีหน้าปัดมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านต่างๆ อย่างเช่นเน้นดูเวลา, ดูการออกกำลังกาย หรือดีไซน์ที่ต่างกันไป
แต่จะมี Watch Face เก๋ๆ ให้เล่นด้วย อย่างเช่น Photo ที่ให้เราเลือกรูปภาพที่ชอบมาเป็น Gallery ภาพที่จะเปลี่ยนเป็นรูปบนหน้าปัด สลับเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เปิดดู ใครที่มีรูปสวยๆ, รูปแฟน, สัตว์เลี้ยง หรือออกแบบลวดลายหน้าปัดก็เอามาใช้เป็น Watchface เปลี่ยนสลับได้แบบไม่มีเบื่อ
และอีกลูกเล่นที่เด็ดมากๆ คือ AI Outfit เป็นการสร้าง Watchface เป็นลวดลายกราฟฟิก โดยเอามาช่วย Mix&Match กับการแต่งกาย ที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนกันในแต่ละวัน ทำง่ายๆ เพียงแค่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วถ่ายรูปชุดของคุณ ตัวระบบจะประมวลผลจากสีแล้วสร้างลวดลายที่เข้ากับการแต่งตัวคุณได้ทันที เป็นไอเดียที่เก๋ไก๋มากๆ
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ
มาต่อกันที่ฟีเจอร์สำหรับคนรักสุขภาพกันบ้าง OPPO Watch นั้นนอกจากตัวเรือนจะดีไซน์สวยแล้ว ยังใส่ความสามารถที่ช่วยเรื่องการออกกำลังกายมาให้ด้วยเช่นกัน จากการทดสอบถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว เพราะว่ามีใส่เซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับด้านออกกำลังกายถึง 5 ตัวด้วยกัน คือ acceleration sensor แบบ 3 แกน, Gyroscope, Geomagnetic sensor, Barometric sensor และ เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
เริ่มด้วยการเป็น Fitness Tracker ที่คอยจับพฤติกรรมในแต่ละวันของเรา โดยเราต้องตั้งเป้าหมายความแอคทีฟของเราไว้ด้วย OPPO Watch จะช่วยเก็บข้อมูลตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง และนำมาประมวลเป็นสถิติ ให้เราดูย้อนหลังเพื่อใช้ปรับพฤติกรรมได้
- นับจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน ถ้าต้องการให้ร่างกายมีความแข็งแรง เราควรเดินอย่างน้อย 10,000 ก้าวต่อวัน
- Workout จับเวลาที่ออกกำลังกาย ซึ่งในแต่ละวัน ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที
- Calories ประเมินการเผาผลาญพลังแคลลอรี่ในแต่ละวัน เพื่อให้คุณประเมินได้ว่าในแต่ละวันควรกินมาหรือน้อยแค่ไหน ให้สมดุลกับการออกกำลังกายในแต่ละวัน
- Activity Session ช่วงเวลาที่ขยับเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้เรานั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ใน 1 วัน ควรจะต้องลุกขยับเคลื่อนไหวบ้างอย่างน้อย 12 ครั้ง หรือถ้าคุณนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ OPPO จะมีเตือนให้ลุกขึ้นพร้อมท่าบริหารยืดเหยียดเพื่อช่วยคลายเมื่อยให้ด้วย
- เก็บประเมินระยะทางการเดินในแต่ละวัน และนับจำนวนชั้นของการขึ้นบันไดให้ด้วย
วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 24 ชม. ให้รู้ว่าหัวใจของคุณทำงานปกติดีหรือไม่ และเก็บประเมินดูค่า Rest Heartrate ในเวลาพักผ่อนได้ด้วย
เก็บข้อมูลการนอน ที่จะจับการนอนให้อัตโนมัติ สามารถวัดได้ในแต่ละวันเรานอนหลับพักผ่อนเป็นเวลากี่ชั่วโมง แบ่งรายละเอียดได้ถึงว่า มีตื่นระหว่างที่หลับหรือไม่ และการหลับเป็นการหลับลึก หรือหลับตื้นมากน้อยเพียงใด ให้คุณรู้ได้ว่าเราได้พักผ่อนเพียงพอแล้วหรือไม่
ฟีเจอร์ด้านกีฬาและออกกำลังกาย
มาต่อกันที่เรื่องการออกกำลังกาย OPPO Watch ก็มีมาให้ โดยใน HeyTap Health จะมีตัวบันทึกกีฬาออกกำลังกายมาให้ด้วยกัน 5 อย่างคือ
- Fitness Run
- Fat burn Run
- Outdoor Walk
- Outdoor Cycling
- Swimming
ผมได้ลองทดสอบออกกำลังกายด้วย Outdoor Cycling ปั่นจักรยานในเมือง ระยะทางรวมประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ผลที่ OPPO Watch เก็บได้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อัตราการเต้นของหัวใจไม่มีหลุด ตรวจจับได้ตลอด Session ตัว GPS จับระยะทางไม่มีเพี้ยนหลุดจากถนนที่ใช้ปั่น พอจบกิจกรรมกดบันทึก ข้อมูลก็จะถูกเก็บเข้ามาในแอพเพื่อใช้ดูย้อนหลังและแชร์กิจกรรมได้ด้วย
คราวนี้สำหรับใครที่อยากออกกำลังกายอื่นๆ นอกเหนือจาก 5 โหมดก็ทำได้ เพราะสามารถเลือกใช้จาก Google Fit ที่มีกิจกรรมกีฬาและออกกำลังกายมากกว่า 90 ชนิดให้เลือกบันทึก หรือถ้าใครจะใช้แอพอื่นๆ ก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Strava, Nike Running Club, Adidas Running, ฯลฯ
การใช้งานแบตเตอรี่
อีกเรื่องสำคัญในการใช้งาน OPPO Watch 46mm มีความจุแบตเตอรี่ 430mAh ใช้งานได้ 36 ชั่วโมง (Smart Mode) และ 21 วัน (Power Saver Mode)
การทดสอบผมใช้งานแบบปกติแบบ Smart Mode คือเปิดใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบ รับการแจ้งเตือนจากทุกแอพ ปรับความสว่างจอระดับกลาง และใส่นอนเพื่อเก็บข้อมูลการนอน
แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม 100% ใส่นอนตอนเที่ยงคืน ตื่นเช้ามาตอน 7 โมง แบตเตอรี่ลดไปประมาณ 12% และใส่ใช้งานปกติจนถึงตอนเย็นเวลา 18.00 น. แบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 50% จากนั้นก็ใช้ใส่ต่อและนอนตื่นเช้าอีกวัน แบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ราวๆ 15% ถือว่าอยู่ในระดับที่แจ้งไว้ในสเปค
OPPO Watch นั้นมีฟีเจอร์การชาร์จเร็ว Watch VOOC Flash Charging ที่ลองแล้วรู้สึกเลยว่ามันเร็วมากๆ จากการทดสอบแบตเตอรี่ที่เหลือประมาณ 10% เสียบชาร์จไป 5 นาที แบตเพิ่มมาเป็น 25% และเมื่อชาร์จไป 10 นาที ก็ได้แบตเพิ่มมาเป็น 38% และชาร์จจนเต็ม 100% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 46 นาทีเท่านั้น
ตัวระบบชาร์จไวนี้มาช่วยลดข้อจำกัดของแบตเตอรี่ที่ใช้งานเต็มที่ได้ประมาณ 1.5 วัน ให้ใช้ต่อเนื่องได้แบบไม่ขาดตอน ผมลองปรับพฤติกรรมให้ทุกวันตอนตื่นเช้าขึ้นมา ถอดนาฬิกาชาร์จไว้ ไปอาบน้ำ แต่งตัว ทำธุระต่างๆ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที เท่านี้ก็พอสำหรับการชาร์จแบตฯ ให้เต็มเปี่ยมก่อนออกจากบ้านได้แล้ว
สรุป รีวิว OPPO Watch 46mm น่าประทับใจแค่ไหน และเหมาะสำหรับใคร?
หลังจากทดสอบลองใช้งานประมาณ 4-5 วันแบบเต็มๆ แล้ว จะขอสรุปกับ OPPO Watch นาฬิกาอัจฉริยะเรือนแรกจากออปโป้ ถือว่าทำได้เกินกว่าที่คาดไว้พอสมควรเลย
OPPO ทำการบ้านกับการพัฒนาสมาร์ทวอทช์ และผลิตรุ่นแรกออกมาได้น่าสนใจ เรื่องของการออกแบบที่เน้นไปทางสายแฟชั่น+ความเป็นแก็ดเจ็ตได้ค่อนข้างลงตัว หน้าตาบวกกับวัสดุดีไซน์แล้วใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่แมนจ๋าและไม่สาวเกิน ความโค้งของหน้าจอพอมันเป็นหน้าปัดนาฬิกาแล้วให้ความรู้สึกไร้รอยต่อของทั้งตัวเรือนได้อย่างเหมาะเจาะ
ในเรื่องของรูปลักษณ์แล้ว ส่วนตัวแล้วค่อนข้างถูกใจ กับรุ่น 46mm ผู้ชายข้อมือใหญ่ๆ ใส่ได้สบาย ส่วนสาวๆ คิดว่า 41mm จะเหมาะกว่า จะมีติดบ้างเล็กน้อยคือเรื่องของสายนาฬิกาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ แต่เป็นเขี้ยวเฉพาะของ OPPO Watch เอง ถ้าจะเปลี่ยนสายตอนนี้อาจจะต้องรอให้มีร้านนำเข้ามาจำหน่าย หรือไม่ก็ต้องสั่งซื้อออนไลน์จากต่างประเทศ
ประสิทธิภาพนั้น อันนี้ปรบมือให้เลย สเปคทั้งตัวชิปเซตและ RAM ที่ให้มาถือว่าอยู่ในระดับดีมาก ก่อนหน้านี้มีสมาร์ทวอทช์หลายรุ่นที่เป็น Wear OS แต่ดันใส่สเปคมาน้อยเกิน ผลคือความหน่วงในการสั่งงาน เลื่อนปัดเปลี่ยนหน้าที่หนืดจนรู้สึกรำคาญใจ (แถมยังแพงกว่า OPPO Watch เกือบ 2 เท่า) ดังนั้นประสบการณ์ใช้งานของ OPPO Watch ทำได้ดีจริงๆ เข้ากับสมาร์ทโฟน Android แบบลงตัว ส่วนฟีเจอร์ลูกเล่นการเปลี่ยน Watchface ถือว่าเก๋ดีครับ AI Outfit ปรับลายให้เข้ากับการแต่งตัว
การใช้งานด้านสุขภาพและออกกำลังกาย ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้หลากหลาย อาจจะไม่ได้ฮาร์ดคอร์ระดับนักวิ่งนักกีฬาที่จริงจัง แต่สำหรับคนทั่วไปที่อยากได้อุปกรณ์ที่คอยบอกสถิติการเดินแต่ละวัน บันทึกการวิ่งการออกกำลังกาย รวมถึงการนอนได้ OPPO Watch ทำได้ดีเพียงพอกับความต้องการทั้งหมด
แบตเตอรี่นั้น ที่มีข้อจำกัดของปริมาณใช้งานแบบเต็มพิกัดอยู่ได้ประมาณเกือบๆ 2 วัน หลายคนก็อาจจะบ่นว่ามันน้อยไป แต่ก็ยอมรับว่า นาฬิกาสมาร์ทวอชท์รุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด ที่เป็นทรงแบบนี้ และใช้ OS ระดับนี้ ส่วนใหญ่อายุแบตเตอรี่ก็ใช้ได้เต็มที่แค่ 1-3 วันเท่านั้น แต่ OPPO Watch มีสิ่งมาช่วยลดข้อจำกัดนี้ลงด้วยระบบชาร์จเร็ว ที่เร็วมากๆ เราใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีในการจะเติมแบตเตอรี่ให้เต็มได้อย่างรวดเร็ว
และสิ่งที่ทำให้ต้องจับตามอง OPPO Watch ก็คือเรื่องของราคา เรากล้าพูดเลยว่า “นี่คือสมาร์ทวอชท์ระบบ Wear OS ที่ราคาถูกที่สุด และดีในท้องตลาดตอนนี้” แบรนด์อื่นๆ ที่เทียบเคียงกันเรื่องของสเปคแล้ว จะสูงกว่าไปในระดับหมื่นกว่าบาทกันหมด แถมเรื่องดีไซน์ของ OPPO Watch นั้นมีความ Unisex ที่สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง มีความเป็นแฟชั่น ไม่ได้สปอร์ตจ๋า นักกีฬาสุดขีด จึงสวมใส่ได้กับทุกไลฟ์สไตล์และการแต่งตัว จึงเป็นอีกจุดเด่นที่จะเป็นเหตุผลให้คุณเลือก OPPO Watch มาใช้สักเรือน
OPPO Watch วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นคือ ขนาด 46mm (รุ่นที่เรารีวิว) ราคา 7,999 บาท และ ขนาด 41mm ราคา 5,999 บาท หาซื้อได้แล้วที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมผ่อนชำระ 0% ได้นานสูงสุด 6 เดือน
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ดูได้ที่ https://www.oppo.com/th/accessory-oppo-watch/