ธุรกิจในเอเชียหันมาใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบ Cloud ของ Oracle และ ระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิล มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เป็นการลดต้นทุนการดำเนินงาน ความมั่นคงปลอดภัย รวมถีงช่วยยกระดับกำลังการผลิต ปัจจุบันจึงมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายเลือกใช้ระบบนี้ เช่น NRI, Nissan, Hansol PNS และ 7 Eleven ในฟิลิปปินส์
แกเร็ตต์ อิลจ์ รองประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการ ออราเคิล ประจำประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เราต่างเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่าลูกค้ามีความพึงพอใจที่จะให้ออราเคิลเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านระบบคลาวด์ เพราะเราสร้างมูลค่ารูปแบบใหม่ให้แก่ลูกค้า และตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากร ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมไปด้านประสิทธิภาพในการทำงาน จากสถานการณ์ปัจจุบันและรูปแบบการทำงานทั่วโลกนั้น ลูกค้าต่างๆกำลังยอมรับในเทคโนโลยี ออราเคิล คลาวด์ ที่เป็นตัวช่วยในการสนับสนุนของการสร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจ”
โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Cloud Infrastructure)
บริษัทต่าง ๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิกยังสามารถใช้งานศูนย์เก็บข้อมูลคลาวด์ของออราเคิลแห่งใหม่ทั้ง 8 แห่ง ซึ่งทั้งหมดเปิดดำเนินการในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีทั้งศูนย์ในโตเกียวและโอซากะในญี่ปุ่น ซิดนีย์และเมลเบิร์นในออสเตรเลีย โซลและชุนชอนในเกาหลีใต้ รวมถึงที่มุมไบและไฮเดอราบัดในอินเดีย ระบบคลาวด์รุ่นที่ 2 ของออราเคิลเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติที่ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงานโดยคนได้อย่างมาก อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมนำเสนอบริการที่มีความยืดหยุ่นโดยไม่จำเป็นต้องมีเซิร์ฟเวอร์ แต่ยังคงรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี และคุ้มค่าต่อการลงทุน
“ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ร้านค้าสะดวกซื้อรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีร้านสาขามากกว่า 2,900 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้เราต้องการโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระบบของเราจะประสบปัญหาได้” เจรู แอนเดร็ด หัวหน้าทีมสนับสนุนงานระบบ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ แห่งฟิลิปินส์เซเว่น กล่าวว่า “เมื่อใช้ระบบคลาวด์ของออราเคิล วันนี้เราจึงสามารถใช้ซอฟต์แวร์เดิมบนระบบคลาวด์ได้โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนรหัสแม้จะเป็นส่วนที่ตั้งค่าระบบใหม่ก็ตาม ซึ่งทำให้เรามีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นและมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของเราบนระบบคลาวด์ที่ดีขึ้น เรายังสามารถยปรับระบบและตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งทำหเป็นการยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ”
ธุรกิจที่ใช้บริการของศูนย์เก็บข้อมูลแห่งใหม่ของออราเคิล ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นบริษัทชั้นนำที่หันมาใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิล เช่น NRI, Nissan, มหาวิทยาลัย Riken และมหาวิทยาลัยการค้า Otaru ในญี่ปุ่น, สมาคม Law Society ในออสเตรเลีย, Medicom ในเกาหลีใต้, Hindalco, Indian Oil Corporation, และ Star Health Insurance ในอินเดีย รวมถึง City Bank ในบังกลาเทศ และ Shaukat Khanum Memorial Hospital ในปากีสถาน
โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิลยังมีฐานข้อมูลลูกค้าที่มั่นคงซึ่งแบ่งปันกับชุมชนผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระที่มีกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ใช้งานออราเคิลในเอเชียแปซิฟิกยังรวมถึง Creansmaerd, Itochu Cable Systems, TIS Hokkaido ในญี่ปุ่น, Emersion, iliveit, รวมถึง Applied Precision Medicine ในออสเตรเลีย, Dain Leaders, Astems และ CIP Systems ในเกาหลีใต้ และ Comviva ในอินเดีย
นอกจากนี้ ออราเคิลยังเปิดศูนย์เชื่อมต่อข้อมูลระบบคลาวด์ Microsoft Azure แห่งใหม่ของเอเชียแปซิฟิกที่กรุงโตเกียวในปี 2020 เพื่อการแบ่งปันข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ทำงานบน Microsoft Azure และ Oracle Cloud รวมถึงการเปิดตัวซอฟต์แวร์ Oracle Cloud VMware Solution ซึ่งเป็นระบบการทำงานพื้นฐานด้วยโปรแกรม VMware ผ่านระบบคลาวด์ขั้นสูง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถถ่ายโอนงานบนโปรแกรม VMware เข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของออราเคิลได้อย่างง่ายดาย
ระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิล (Oracle Autonomous Database)
ระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิลมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยประสิทธิภาพการทำงานของระบบฐานข้อมูลคลาวด์ที่ทำงานร่วมกับระบบเลียนแบบเครื่องกล (Machine Learning-Based) ซึ่งเป็นการบริหารจัดการระบบแบบครบวงจรนั้น สามารถช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดต้นทุนการดำเนินงานได้สูงถึง 90% ในปัจจุบันนี้ระบบคลาวด์ยังช่วยในขั้นตอนการทำธุรกรรมและงานคลังข้อมูล ซึ่งนอกจากจะสามารถดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆผ่านระบบคลาวด์ได้แล้ว ยังสามารถติดตั้งระบบไว้ใช้งานในศูนย์ข้อมูลบริษัทของลูกค้าได้ อีกทั้งยังสามารถติดตั้งระบบเหล่านี้ไว้ภายในโปรแกรมไฟร์วอลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกรองข้อมูลของบริษัทลูกค้า โดยทำงานผ่าน Oracle Cloud@Customer ได้อีกด้วย องค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ในปัจจุบันมีทั้ง AS ONE และ Propre Japan, Hansol PNS และ DB Hitek ในเกาหลี, AU Small Finance Bank และ Sharda University ในอินเดีย, Regional Development Bank ในศรีลังกา, Kerry Logistics, Hehegu และ Pagoda ในจีน, AsiaPay ในฮ่องกง รวมถึง Johor Ports และ JNE ในอาเซียน
“เมื่อเราประเมินการทำงานของ Oracle Autonomous Transaction Processing รู้สึกเหลือเชื่อมากๆครับ เพราะได้เห็นถึงประสิทธิภาพขั้นสูงของระบบโดยที่เราไม่จำเป็นต้องลงมือปรับเปลี่ยนระบบเลย เราแค่ทำการโอนถ่ายข้อมูลมาใส่ไว้คลาวด์เท่านั้น โดยเมื่อระบบเริ่มต้นทำงานตามกระบวนการต่างๆแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิลไม่ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนระบบข้อมูลใด ๆ ก่อนหน้านี้เราต้องเสียเวลาหลายเดือนในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อใช้ระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิลในวันนี้ เราก็สามารถพัฒนาบริการพิเศษต่าง ๆ ขึ้นได้ เช่น propPITCH, propTREE และ propCHART ซึ่งให้ข้อมูลรายวันได้แบบเรียลไทม์ และเมื่อนำระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติของออราเคิลมาทำงานในส่วนบริหารการปฏิบัติงาน ทำให้เรามีเวลามากขึ้นในการพัฒนาการบริการ และการวิเคราะห์เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการขยายขอบเขตบริการใหม่ ๆ จากข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้” มร.เรียวตะ เนงิชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Propre Japan กล่าว