เปิดตัวแล้วกับหูฟังเกมมิ่งรุ่นใหม่ Razer BlackShark V2 มาพร้อมไดรเวอร์ TriForce ขนาด 50 มม. ใหม่ล่าสุด, ไมโครโฟนแบบ HyperClear Cardioid,และระบบตัดเสียงรบกวน Advanced Passive Noise Cancellationมอบมาตรฐานใหม่เพื่อชาวอี-สปอร์ตตัวจริงด้วยเทคโนโลยี THX Spatial Audio Game Profilesที่ปรับแต่งให้เสียงเคลียร์ใสดังกระหึ่มอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับกีฬาอีสปอร์ต ความคมชัดของเสียงและการสื่อสารมีความสำคัญเหนือทุกสิ่ง การได้ยินเสียงที่ชัด ใส ไม่มีเสียงรบกวน สามารถสื่อสารบอกเพื่อนร่วมทีมได้อย่างถูกต้องชัดเจน ไดรเวอร์ในหูฟังรุ่นล่าสุดจะ ทำงานร่วมกับไมโครโฟนที่ปรับแต่งมาอย่างแม่นยำและแป้นครอบหูฟังตัดเสียงรบกวนขั้นสูงเพื่อมอบ 3 สุดยอดประสิทธิภาพสู่วงการอีสปอร์ต นั่นคือ เสียงที่ชัดใส การสื่อสารที่ชัดเจน และการปิดกั้นเสียงรบกวนจากภายนอกให้เหลือน้อยที่สุด
Razer BlackShark V2 มาพร้อม ไดรเวอร์ที่ปรับแต่งเพื่อนำความเป็นเลิศสู่วงการอี-สปอร์ต
หูฟังเรเซอร์ BlackShark V2 ติดตั้งไดรเวอร์ 50 มม. แบบ Razer TriForce Titanium รุ่นใหม่ล่าสุดที่จดสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งใช้แผ่นไดอะแฟรมเคลือบไทเทเนียม ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัยอันโดดเด่น ทำให้ไดรเวอร์ TriForce Titanium สามารถแยกคลื่นเสียงและช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับระดับเสียงทั้งสูง กลาง ต่ำ ได้ตามใจ มอบเสียงแหลมที่ชัดใส เสียงกลางที่อิ่ม และเสียงเบสที่กระหึ่มทรงพลัง
พร้อมทั้งเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ THX Spatial Audio โซลูชั่นเสียงเพื่อการระบุตำแหน่งขั้นสูง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการบอกตำแหน่งและเสียงในเกมที่ให้ความรู้สึกราวกับมีชีวิต โดยสามารถรองรับการทำงานของเครื่องเสียงทั้งระบบสเตอริโอ 5.1 และ 7.1 ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงของ THX Spatial และเทคโนโลยีการจำลองแบบระดับโลก ผสานกับออปชั่นการปรับแต่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ชุดหูฟังนี้จึงมอบซาวนด์สเคปแบบ 360 องศาที่ปรับให้เข้ากับหูของผู้เล่นแต่ละคน ระบบ THX Spatial Audio ยังช่วยในการระบุตำแหน่งของศัตรู ขจัดเสียงหวีดของกระสุน และตรวจจับการคุกคามบริเวณใกล้เคียงได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ
สนทนาด้วยเสียงที่คมชัด
เรเซอร์พัฒนา BlackShark V2 ให้มีระบบไมโครโฟนแบบ HyperClear Cardioid Microphone พร้อม USB Sound Card ซึ่งระบบนี้ถูกปรับแต่งให้มุ่งเน้นที่เสียงของจุดรับส่ง ช่วยขจัดเสียงจากด้านหลังและด้านข้างเพื่อการรับฟังถ้อยคำที่ชัดเจน การออกแบบตัวเรือนไมโครโฟนแบบถอดได้ช่วยลดเสียงแทรกให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อการตัดสินใจในเกมที่แม่นยำขึ้นและการจำลองเสียงของคุณที่ดียิ่งขึ้น
การเพิ่ม USB Sound Card ช่วยเพิ่มการควบคุมไมโครโฟนขั้นสูงสำหรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ด้วยฟีเจอร์การทำงานอย่าง Mic Boost, Voice Gate, Volume Normalization, Microphone Equalizer และ Ambient Noise Reduction จะทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งเสียงเอาต์พุตของตนเองเพื่อลดเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้างที่อาจรบกวนการสื่อสารที่สำคัญของทีม
ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง สู่โลกแห่งเกมที่สมบูรณ์แบบ
สำหรับการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ ไม่ว่าจะเล่นอยู่ที่บ้าน อยู่ในวงแลนเดียวกัน หรือบนเวทีแข่งขันหลักของทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้าย เสียงรบกวนจากภายนอกอาจเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ที่คอยทำลายสมาธิ เบาะแสเสียงอันละเอียดอ่อนจากผู้เล่นคนอื่นและจากสภาพแวดล้อมในเกมอาจสูญหายไปเมื่อมีเสียงรบกวนในชีวิตจริงลอดเข้ามาในหูฟัง ด้วยคุณสมบัติการตัดเสียงรวบกวนขั้นสูงของ BlackShark V2 จากการออกแบบครอบหูทรงไข่แบบเต็มตัวทับด้วยแป้นโฟมหุ้มหนังเทียมคุณภาพสูง ทำให้สามารถปิดช่องว่างระหว่าง BlackShark V2 และศีรษะของผู้เล่นได้อย่างแนบสนิท ลดการเล็ดลอดของเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม
การใช้วัสดุโฟมนุ่มพิเศษที่ระบายอากาศได้ดี ทำให้เบาะครอบหูสะสมความร้อนและก่อให้เกิดเหงื่อน้อยมากเพื่อให้รู้สึกสบายในยามที่สวมใส่เป็นเวลานานจากการเล่นเกมอันดุเดือด สายคาดศีรษะทำจากวัสดุสแตนเลสน้ำหนักเบาหุ้มเบาะหนานุ่มเพื่อให้มีความยืดหยุ่นและความทนทานสูงสุด โดยแป้นหนีบมีน้ำหนักเพียง 262 กรัม
เทคโนโลยีเสียง THX Game Profiles เพื่อชัยชนะ
เทคโนโลยี THX Game Profiles ได้เปิดตัวในวันที่ 6 สิงหาคม จะทำให้ผู้เล่นดื่มด่ำกับประสบการณ์การเล่นเกมที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น ด้วยค่าโพรไฟล์ที่ปรับแต่งได้ตามลักษณะเฉพาะของแต่ละเกมและผ่านการรับรองจากบรรดานักพัฒนาเกมมาแล้ว เทคโนโลยี THX Game Profiles จะช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเพลิดเพลินกับเกมต่าง ๆ ด้วยคุณภาพเสียงที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมนั้น ๆ อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์ที่สมจริงและดื่มด่ำกว่าที่เคย
เทคโนโลยี THX Game Profiles นำเสนอ 2 โหมดหลัก ได้แก่
- THX Environmental Modeสำหรับเสียงที่สมจริงและประสบการณ์ที่ล้ำลึกถึงขีดสุด
- THX Competitive Mode ที่เน้นการระบุตำแหน่งและเบาะแสด้านทิศทางเสียงเป็นหลัก เพื่อการระบุตำแหน่งของศัตรูได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ปัจจุบัน เทคโนโลยี THX Game Profilesรองรับ 18 เกมยอดนิยมที่ใช้ผู้เล่นหลายคน อาทิ Apex Legends, Counter-Strike: Global Offensive, Valorant, Call of Duty: Modern Warfare และอื่น ๆ และจะเพิ่มจำนวนเกมที่รองรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ด้วยการทำงานร่วมกับนักออกแบบเกมโดยตรง เรเซอร์ได้ใช้เทคโนโลยี THX Game Profiles เพื่อช่วยให้นักพัฒนาเกมสามารถสร้างขอบเขตการปรับแต่งและข้อกำหนดด้านสภาพแวดล้อมได้ล่วงหน้า นับตั้งแต่โถงทางเดินที่มีเสียงก้องไปจนถึงพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เทคโนโลยี THX Spatial Audio ยังมีการปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งผู้เล่นสามารถปรับเสียงในเกมของตนเองได้อย่างสมบูรณ์
รองรับการใช้งานหลายแพล็ตฟอร์ม
ด้วยการเชื่อมสายหัวต่อ 3.5 มม. ทำให้ BlackShark V2 สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้หัวต่อ 3.5 มม. อื่น ๆ ได้ ทั้ง PC, Mac, PS4, Xbox One, Nintendo Switch และอื่น ๆ อีกมากมาย การเพิ่ม USB Sound Card เพื่อให้รองรับคอมพิวเตอร์ระบบ Windows 10 โดยเฉพาะ
Razer BlackShark V2 ราคา และการจำหน่าย
สำหรับราคาจำหน่ายในประเทศไทย จะอยู่ที่ 3,890 บาท โดยเริ่มจำหน่ายกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.razer.com