ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจลงนามใช้คำสั่งของฝ่ายบริหารเพื่อสั่งแบน ByteDance บริษัทแม่ของแอปวิดีโอยอดนิยม TikTok นอกจากทรัมป์ยังบอกอีกว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งเดียวกันเพื่อแบนแอป WeChat ของ Tencent ด้วย
คำสั่งของฝ่ายบริหาร 2 คำสั่งที่ลงนามไปจะมีผลบังคับใช้ 45 วัน แต่ประเด็นคือคำสั่งของฝ่ายบริหารที่ออกมานั้นยังคลุมเครือและไม่ชัดเจน โดยนาย Wilbur Ross รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าขอบเขตการแบนนั้นครอบคลุมเรื่องใดบ้าง และจะส่งผลกระทบอะไรต่อกับส่วนที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯบ้าง แม้คำสั่งของฝ่ายบริหารนั้นจะไม่ได้ระบุว่าแบน 2 แอปยอดนิยมของจีนโดยตรง แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็มีวิธีอื่นในการจำกัดการใช้แอปเหล่านี้อยู่ดี เพราะทีมบริหารของทรัมป์ได้ประกาศแผนการจะกำจัดเทคโนโลยีที่ไม่น่าไว้ใจของจีน ซึ่งน่าจะหมายรวมถึง WeChat และ TikTokด้วย
คำสั่งของฝ่ายบริหารของทรัมป์เกี่ยวกับ ByteDance กล่าวเอาไว้ว่า
การแพร่กระจายของแอปมือถือที่พัฒนาและเป็นเจ้าของโดยบริษัทของสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นภัยคุกคามกับความมั่นคงของชาติ, นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้ จำเป็นต้องมีการดำเนินการเพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดจากแอปพลิเคชั่น โดยเฉพาะแอป TikTok
ทางฝั่งโฆษกของ Tencent กล่าวว่าบริษัทกำลังตรวจสอบรายละเอียดของคำสั่งของฝ่ายบริหาร และทำความเข้าใจกับมันอยู่ ส่วน TikTok ได้ตอบโต้กลับเรื่องการใช้คำสั่งของฝ่ายบริหารว่าเป็นการใช้คำสั่งโดยไม่มีกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการทำลายความไว้วางใจธุรกิจทั่วโลกที่มีต่อหลักนิติธรรมของสหรัฐฯ
MORE: @realDonaldTrump has also signed a similar order banning transactions with WeChat. pic.twitter.com/Y4nVlCVBke
— Andrew Feinberg (@AndrewFeinberg) August 7, 2020
คำสั่งของฝ่ายบริหารอ้างอิงมาจากกฎหมาย ว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ และกฎหมายว่าด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีการออกคำสั่งของฝ่ายบริหารมาเพื่อควบคุมหรือจัดการกับแอปพลิเคชั่นในส่วนที่ดำเนินงานในสหรัฐฯ มาก่อน
แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ใช่ประเทศแรกที่ทำแบบนี้ เมื่อ ByteDance เองก็ถูกรัฐบาลอินเดียต่อต้านและตัดสินใจแบนแอป TikTok และแอปอื่นๆอีก 59 ตัว เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน โดยรัฐบาลอินเดียให้เหตุผลคล้ายๆกับสหรัฐฯเรื่องความกังวลที่มีต่อความมั่นคงของชาติที่จะถูกเก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานส่งกลับไปที่จีน
ก่อนหน้านี้ Microsoft ได้ประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องการเข้าเจรจาเพื่อซื้อแอป TikTok จาก ByteDance พร้อมกำหนดเส้นตายของการเจรจาเอาไว้วันที่ 15 กันยายน หลังจาก Microsoft กำหนดวันเจราจาไม่นาน ก็มีคำสั่งของฝ่ายบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯตามมา มีรายงานว่า ByteDance ตกลงที่จะสละความเป็นเจ้าของทั้งหมดในตัวแอปให้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะต้องการรักษาสัดส่วนผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเอาไว้ก็ตาม
ใน 45 วันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้ การทำธุรกรรมโดยบุคคลและทรัพย์สินใดๆ ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจที่ศาลและกฎหมายของสหรัฐฯกับ ByteDance หรือบริษัทในเครือ จะถูกสั่งห้ามภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ โดยคำสั่งดังกล่าวอ้างว่า TikTok เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน รวมถึงสถานที่ตั้ง และประวัติการค้นหา ซึ่งเป็นการคุกคามและอนุญาตให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน ซึ่งอาจทำให้จีนสามารถติดตามตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรืออาจมีการนำเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการแบล็กเมล์และดำเนินการจารกรรมองค์กร
ส่วนการใช้คำสั่งของฝ่ายบริหารในการแบน WeChat นั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะ นาย Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระบุชื่อแอป messaging ยอดนิยมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย โดยเขากล่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนจะแบนแอป TikTok และแอปของจีนตัวอื่นๆ โดยทรัมป์กล่าวอ้างว่า การเก็บข้อมูลของ WeChat ถือเป็นการคุกคามความมั่นคงของชาติ และอาจเปิดช่องให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าถึงข้อมูลสำคัญของชาวอเมริกันได้ แต่ดูเหมือนขอบเขตของคำสั่งจะครอบคลุมนอกเหนือจากแอป WeChat โดยมีคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทในสหรัฐอเมริกาทำธุรกรรมกับ Tencent Holding และบริษัทย่อย
ที่มา : TechCrunch
