เปิดตัว Apple Watch ซีรี่ส์ 6 สีสันมากขึ้น ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท

Apple เปิดตัว Apple Watch ซีรี่ส์ 6 ที่มาพร้อมคุณสมบัติการวัดออกซิเจนในเลือด อีกทั้งมีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง รวมถึงคุณสมบัติ System in Package (SiP) รุ่น S6 และมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอดรุ่นใหม่ เตรียมขายในไทยเร็วๆ นี้ ราคา เริ่มต้นที่ 13,400 บาท

Apple Watch รุ่นล่าสุดถือเป็นรุ่นที่มีสีสันสดใสที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมตัวเรือนและสายแบบใหม่ในพาเลตสีสันสวยงาม

Apple Watch Series 6

Jeff Williams ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Apple กล่าวถึง Apple Watch ซีรี่ส์ 6 ว่า

Apple Watch Series 6 จะกำหนดนิยามใหม่ให้กับสิ่งที่นาฬิกาทำได้

มันมาพร้อมกับฟีเจอร์สุขภาพใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากๆ คือ แอปและเซ็นเซอร์การวัดออกซิเจนในเลือด ทำให้ Apple Watch กลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม

Apple Watch Series 6
Apple Watch Series 6

Apple Watch ซีรี่ส์ 6 ได้ขยายขีดความสามารถด้านสุขภาพจาก Apple Watch รุ่นก่อนหน้า โดยล่าสุดมันมาพร้อมคุณสมบัติที่สามารถวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดของผู้ใช้ได้โดยสะดวก ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสโดยรวมของตนได้ดียิ่งขึ้น

ความอิ่มตัวของออกซิเจนหรือ SpO2 หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เซลล์เม็ดเลือดนำจากปอดไปยังส่วนที่เหลือของร่างกาย เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าออกซิเจนในกระแสเลือดได้รับการส่งผ่านไปทั่วร่างกายได้ดีเพียงใด ตัวเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดจะใช้เป็นไฟ LED สีเขียว แดง และอินฟราเรดสี่กลุ่ม พร้อมกับโฟโต้ไดโอดสี่ตัวที่ฝาหลังคริสตัลของ Apple Watch เพื่อวัดแสงที่กระทบกลับจากเลือด จากนั้น Apple Watch จะใช้อัลกอริทึมขั้นสูงที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะที่มีอยู่ในแอปออกซิเจนในเลือด ซึ่งออกแบบมาเพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือดตั้งแต่ 70% ถึง 100%

การวัดออกซิเจนในเลือดนั้นสามารถใช้การวัดแบบตามความต้องการขณะที่ผู้ใช้อยู่นิ่งๆ และระบบจะทำการวัดในพื้นหลังเป็นระยะเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน รวมถึงระหว่างที่ผู้ใช้งานนอนหลับ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกแสดงในแอปสุขภาพ ผู้ใช้งานจะได้เข้าไปติดตามดูข้อมูลว่า ระดับออกซิเจนในเลือดของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

Apple Watch Series 6
Apple Watch Series 6

เรื่องประสิทธิภาพนั้น Apple Watch ซีรี่ส์ 6 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเรื่องฮาร์ดแวร์ให้ดียิ่งขึ้นเอาไว้ในการออกแบบที่เล็กกะทัดรัดเช่นเดิม โดยชิปประมวลผลที่ใช้จะเป็นชิป A13 Bionic ใน iPhone ทำให้ SiP รุ่นที่ 6 ที่อัพเกรดใหม่ ทำงานเร็วขึ้นถึง 20% เปิดแอปเร็วขึ้น 20% ในขณะที่อายุแบตเตอรี่นั้นยังสามารถใช้งานได้ยาว 18 ชั่วโมง

หน้าจอแสดงผลเป็นจอ Retina แบบ Always-on display ที่ให้ความสว่างมากกว่า Apple Watch ซีรี่ส์ 5 ถึง 2.5 เท่าขณะอยู่กลางแจ้ง เมื่อผู้ใช้งานลดข้อมือลง จะช่วยให้เห็นหน้าปัดนาฬิกาได้ง่ายขึ้นแม้อยู่ในสภาพแดดจ้า

Apple Watch Series 6

Apple Watch ซีรี่ส์ 6 มาพร้อมมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด โดยจะวัดระดับความสูงแบบเรียลไทม์ โดยใช้มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศใหม่ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมกับ GPS และเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เคียง

คุณสมบัตินี้ช่วยให้สามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของระดับความสูงจากระดับพื้น ซึ่งสูงขึ้นหรือต่ำลงจากการวัด 1 ฟุต และสามารถแสดงเป็นกลไกหน้าปัดแบบใหม่หรือค่าวัดการออกกำลังกายได้

Apple Watch Series 6


เรื่อง watch face และการออกแบบนั้น ผู้ใช้จะมีตัวเลือกให้เลือกมากขึ้น ทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ Apple Watch มีสีฟ้าใหม่ให้เลือกโดยจะเข้ามาเสริมกับตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง นอกจากนี้ Apple Watch ใหม่ยังมีรุ่น PRODUCT RED ที่มาพร้อมสายสีแดงสดใสที่เข้าคู่กัน

Apple Watch รุ่นสแตนเลสสตีลพร้อมวางจำหน่ายในสีแกรไฟต์ ที่ให้สีดำเทาเข้มข้นมันวาวสวยงาม และยังมีการปรับปรุงสีเยลโลว์โกลด์แบบคลาสสิกด้วย ส่วน Apple Watch Edition มีวางจำหน่ายในตัวเรือนไทเทเนียมสีดำธรรมชาติและสีดำสเปซแบล็ค

สายนาฬิกาสไตล์ใหม่ 3 แบบ จะเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้มีตัวเลือกใหม่เพิ่มขึ้น โดยจะให้ความสบายที่สวมใส่ได้พอดีและปรับแต่งได้โดยไม่ต้องมีหัวล็อคหรือตัวล็อคแบบเดิม นี่นับเป็นครั้งแรกของวงการที่ใช้สายนาฬิกาแบบ Solo Loop ที่เบาเป็นพิเศษ โดยใช้ดีไซน์สายแบบยืดได้และต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียว มีวัสดุสองแบบให้เลือก ได้แก่ ซิลิโคนแบบนุ่มและด้ายถัก มีความยาวสาย 9 ขนาดให้เลือก

ด้วย watchOS 7 ผู้ใช้สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้ในอีกระดับด้วยตัวเลือกหน้า ปัดนาฬิกาใหม่ 7 แบบ ได้แก่ หน้าปัดแบบเส้น โครโนกราฟโปร GMT และศิลปิน ขณะเดียวกันก็สามารถจัดการ ค้นหา และ แชร์ การกำหนดค่าหน้าปัดนาฬิกาใหม่ๆ กับผู้อื่นได้ คุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่ รวมถึง VO2 Max ช่วงต่ำ, การติดตามการนอนหลับ, การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ และการออกกำลังกายประเภทใหม่ๆ รวมถึงการเต้น จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสุขภาวะโดยรวมของตนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้น แอปแผนที่ยังได้รับการอัพเดทให้มาพร้อมเส้นทางการขี่จักรยานซึ่งดูได้ง่ายๆ จากบนข้อมือ และ Siri ก็สามารถแปลภาษาได้แล้ว

Apple Watch Series 6

Apple Watch Nike มาพร้อมสีสันใหม่สำหรับสาย Nike Sport Band และ Sport Loop และหน้าปัดนาฬิกา Nike Compact ใหม่ อีกทั้งยังสามารถใช้กับกลไกหน้าปัด Nike Run Club ได้หลายกลไก

Apple Watch Hermès มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีเงินหรือสีสเปซแบล็ค ซึ่งเข้าคู่กับสไตล์ของสายแบบ Simple Tour หรือ Double Tour ที่มีหลากหลายสีสันให้เลือก คอลเลกชั่นปลายปีนี้ยังได้เปิดตัวสายแบบ Simple Tour หรือ Double Tour ที่บางกว่าของ Hermès Attelage ซึ่งมีขาสายแบบใหม่ที่ประสานเข้ากับตัวเรือน สะท้อนถึงการสืบทอดประเพณีการขี่ม้าของ Hermès และยังมีหน้าปัดนาฬิกา Hermès Circulaire ใหม่ที่มีตัวเลือกกลไกหน้าปัดให้เลือกได้มากขึ้น

นอกจากนี้ Apple Watch Series 6 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Family Setup หรือ การตั้งค่าครอบครัว โดยจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวที่ไม่มี iPhone ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติการเชื่อมต่อ ความปลอดภัย และฟิตเนสต่างๆ

ผู้ใช้งานที่เป็นเด็กจะได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการสื่อสาร และปรับแต่งหน้า watch face ตามต้องการ การเข้าใช้ SOS ฉุกเฉินได้ตลอดเวลา และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ใหม่ที่ปรับมาให้เหมาะกับเด็กๆ โดยเฉพาะโหมดเวลาเรียน ที่จะช่วยให้เด็กๆ มีสมาธิและตั้งใจเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่บ้าน หรือเรียนในชั้นเรียน

ใน watchOS 7 ยังมีคุณสมบัติที่ปรับปรุงให้เหมาะกับผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่การเริ่มต้นใช้งาน การตั้งค่าที่ทำได้ง่ายๆ อีกทั้งยังมีหน้าปัดขนาดใหญ่พิเศษใหม่ที่ช่วยให้สามารถดูเวลาและกลไกหน้าปัดที่มีข้อมูลต่างๆ ครบถ้วนโดยเพียงแค่เหลือบมอง โดยผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่จะได้ประโยชน์จากฟีเจอร์สุขภาพใหม่ในแอปสุขภาพบน iPhone ซึ่งสามารถเช็คได้ว่ามีการเปิดใช้คุณสมบัติด้านสุขภาพ เช่น การตรวจจับการล้ม หรือไม่ในมุมมองศูนย์กลางเดียว เป็นต้น

Apple Watch Series 6 รุ่น GPS จะวางจำหน่ายในประเทศไทย เร็วๆนี้ ราคา เริ่มต้น 13,400 บาท และ Apple Watch Series 6 รุ่น GPS + Cellular ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท

ส่วน WatchOS 7 จะเปิดให้ใช้งานสำหรับ Apple Watch Series 3 และรุ่นที่ใหม่กว่าในวันที่ 17 กันยายน และต้องใช้งาน iPhone 6s หรือรุ่นที่ใหม่กว่าที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 14

ที่มา : Apple

นักเขียนหน้าใหม่ ผู้หลงไหลในเรื่อง แมว หมี เทคโนโลยี และ โลกของไอที :)