รีวิว Dyson Digital Slim ที่คราวนี้น่าจะถูกใจพ่อบ้านแม่บ้าน ที่อยากได้ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย กำลังแรงเทียบเท่าไม่น้อยหน้าพี่ใหญ่อย่าง V11 แต่มีขนาดที่เล็กลง น้ำหนักเบา แถมเรื่องของ ราคา ก็ถูกลงกว่าเดิม
ชื่อของ Dyson นั้น ในยุคนี้สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยียุคใหม่กับเครื่องใช้ในบ้าน คงจะคุ้นชื่อเป็นอย่างดี เพราะ Dyson คือบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของโลก ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ สร้างประสบการณ์ที่ดีแบบที่หาในอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ได้
เราคงจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์ของไดสันมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นพัดลมฟอกอากาศไร้ใบ, โคมไฟ, ไดร์เป่าผม, ที่หนีบผม ฯลฯ แต่สินค้าที่ขึ้นชื่อและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก็คือ “เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย” มันเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตการทำความสะอาดบ้านให้สะดวกสบาย จบได้ในเครื่องเดียว
รีวิว Dyson Digital Slim เล็กกว่าเก่า เบากว่าเดิม ออกแบบมาด้วยความเข้าใจคนเอเซีย
ถ้าจะให้อธิบายแบบสั้นๆ ก็ต้องบอกว่า Dyson Digital Slim ก็คือรุ่น V11 ที่เป็นรุ่นเรือธงตัวท็อปสุดของไดสัน ณ เวลานี้ ถูกนำมาพัฒนาโดยเน้นเพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนเอเซีย ที่ผู้ใช้มีความสูงของร่างกายน้อยกว่าคนทางฝั่งตะวันตก รวมถึงที่พักอาศัยที่มีพื้นที่เล็กกว่า ตัวเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดเล็กลง จึงมีความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น
เมื่อเทียบกับรุ่น V11 แล้ว ตัว Dyson Digital Slim ถ้าดูเรื่องของดีไซน์แล้วจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่จะมีขนาดสัดส่วนที่เล็กลง 20% ตัวด้ามจับมีขนาดที่นั้นลง 15% บางเพียง 6.3 มิลลิเมตร และน้ำหนักก็เบาลงไปกว่าเดิมถึง 30%
ข้อมูล สเปค เบื้องต้น ของ Dyson Digital Slim
- ขนาดตัวเครื่อง 250 x 250 มิลลิเมตร (ไม่รวมด้ามจับ)
- ความยาว 1100 มิลลิเมตร (รวมท่อเหล็ก)
- น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม
- ไซโคลน จำนวน 11 ชุด
- ความจุของถังเก็บฝุ่น 0.3 ลิตร
- ระบบการกรองฝุ่น : ทั้งระบบเครื่อง
- กำลังแรงในการดูด 100AW
- แบตเตอรี่ ใช้งานได้นานสูงสุด 40 นาที
- ใช้เวลาชาร์จเต็ม 40 นาที
ในตัวกล่องแพ็กเกจนั้น ก็มีขนาดที่เล็กลงด้วยเช่นกัน สำหรับรุ่นที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็น Dyson Digital Slim Fluffy โดยจะมีชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ให้มาทั้งหมดดังนี้
- ตัวเครื่องพร้อมท่อเหล็กสีม่วง
- หัวทำความสะอาดแบบ Slim Fluffy ใช้ดูดับฝุ่นผงขนาดเล็กและเส้นผม และการทำความสะอาดเฉพาะจุด
- หัวทำความสะอาด Light Pipe หัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่อง เพิ่มความสะดวกในการดูดในพื้นที่แคบและมืด
- หัวดูดแบบ Combination ปรับได้ 2 แบบ
- หัวดูดแบบ หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก สำหรับดูฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจากเบาะที่นอน
- ตัวคลิปติดอุปกรณ์หัวดูดกับท่อเหล็ก
- อแดปเตอร์สำหรับชาร์จ
- Dock Station สำหรับติดตั้งกับผนัง
มาดูกันที่ตัวเครื่องกันก่อนเลย Dyson Digital Slim พัฒนาออกแบบตัวมอเตอร์แบบพิเศษ เรียกว่า มอเตอร์ Hyperdymium ที่มีความเร็วถึง 120,000 รอบต่อนาที สร้างกำลังลมดูได้ 100 Air Watt
ตัวโครงสร้างการหมุนเวียนอากาศภายในแบบท่อพลังไซโคลนถึง 11 ช่อง (ที่เห็นเป็นท่อรอบๆ ตัวเครื่อง) ทำหน้าที่แยกฝุ่นออกจากระบบลมในเครื่อง ด้วยการออกแบบใหม่นี้ ทำให้แม้ว่ามันจะมีขนาดที่เล็กลง แต่ยังคงพลังลมในการดูดได้อย่างทรงประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรุ่นเดิม
เรื่องของระบบจัดการฝุ่นภายในเครื่อง มีป้องกันไว้ทั้งระบบ ทั้งตัวใส้กรองด้านหลังมอเตอร์ ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กระดับ 0.3 ไมครอน รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.97% มีระบบการกรอง 5 ชั้น รวมถึงตัวถังเก็บฝุ่นที่ออกแบบมาเป็นทรงกระบอกด้านหน้า สามารถปลดสลักแล้วเลื่อนเพื่อเปิดฝาแล้วเทฝุ่น โดยออกแบบมาให้การเอาฝุ่นไปทิ้งไม่ฟุ้งกระจายออกมาด้านนอก เรียกได้ว่าไม่ต้องห่วงเรื่องของฝุ่นที่ดูดจะเลอะเทอะเวลาที่เททิ้ง รักษาเรื่องอนามัยได้เป็นอย่างดี
การทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่น ก็ทำได้ง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวหัวดูดแบบต่างๆ ใส้กรอง รวมถึงถังเก็บฝุ่น สามารถถอดแยกออกมาล้างน้ำตากแดด เพื่อทำความสะอาดได้อย่างไม่ยุ่งยาก
ที่ด้านท้ายของตัวเครื่อง จะมีปุ่มกดสำหรับเปลี่ยนโหมดการทำงาน และมีจอ LCD เช็คปริมาณแบตเตอรี่ การแสดงผลนั้นจะบอกเป็นระยะเวลาโดยประมาณสำหรับการใช้งานในแต่โหมด ที่เลือกได้คือ Eco โหมดประหยัดพลังงาน, Med ใช้พลังระดับกลาง และ Boost อัดพลังดูดแบบเต็มกำลัง ก็คือยิ่งใช้โหมดที่แรง แบตเตอรี่ก็จะหมดเร็ว ซึ่งถ้าคุณใช้โหมด Eco แบตเต็มๆ จะใช้ได้นานประมาณ 40 นาทีเลยทีเดียว แต่ถ้าใช้โหมด Boost จะอยูได้ประมาณ 5 นาที
ตัวแบตเตอรี่ ได้รับการออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ เป็นข้อดีในการใช้งาน อย่างเช่น ถ้าคุณใช้งานทำความสะอาดต่อเนื่องนานๆ คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่สำรองและเปลี่ยนสลับได้ รวมถึงการใช้งานหากแบตเตอรี่เสื่อมอายุ ก็สามารถซื้อแบตฯ ลูกใหม่มาเปลี่ยนเพื่อใช้งานต่อได้เช่นกัน
คราวนี้มาดูประโยชน์การใช้งานของหัวดูดต่างๆ ที่มีให้มากันบ้าง เริ่มด้วยตัว Slim Fluffy ก็มีขนาดที่เล็กลงและเบาลงกว่าเดิมถึง 40% ตัววัสดุและแกนภายในผลิตจากพลาสติก ABS ที่มีความแข็งแรงทนทาน โดยมีน้ำหนักเบา ผ้าของ Slim Fluffy ใช้เป็นไนลอนถักแบบนุ่ม ช่วยดักจับสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ ทำงานคู่กับขนแปรงคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติต้านไฟฟ้าสถิต เพื่อจัดการปัดฝุ่นขนาดเล็กๆ ออกจากพื้นแข็ง
หัวดูด Slim Fluffy เหมาะสำหรับงานดูดฝุ่นในบ้าน บนพื้นแข็งไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้, พื้นปูน, กระเบื้อง ซึ่งตัวหัวมีให้ 2 ขนาด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบนพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใต้โต๊ะใต้ตู้ การทำงานออกแบบให้จัดการฝุ่นได้เต็มกำลังแบบจรดขอบด้านข้างของหัวดูด โดยการหมุนของหัวดูดจะมีการเปลี่ยนความเร็วรอบให้อัตโนมัติ ตามความเหมาะสมของพื้นผิวที่เราทำความสะอาด เพื่อให้การดูดฝุ่นทำได้ในประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เป็นความสามารถที่โดดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจาก Dyson
อีกจุดเด่นของหัวดูด Slim Fluffy คือ เรื่องของเสียง ด้วยการใช้วัสดุช่วยเก็บเสียงและดูดซับแรงสั่นสะเทือน ในขณะที่ตัวกรองด้านหลังมอเตอร์และแผ่นกั้นเสียงจะช่วยลดเสียงให้น้อยลงไปอีก
หัวดูดอันต่อไป ดูเท่มาก เป็นหัวแบบปากแคบ วัสดุเป็นพลาสติกใสสีม่วงเข้ากับตัวเครื่อง โดยมันจะมีไฟ LED ส่องฉายไปด้านหน้า มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเวลาใช้งานดูดฝุ่นในซอกเล็กๆ เช่น ด้านหลังหรือด้านใต้ตู้แคบๆ, ซอกโซฟา, ขอบบนเพดาน มีประโยชน์เวลาที่ต้องดูดในพื้นที่ๆ มืดและมองไม่เห็น
Digital Slim Fluffy มีหัวดูดแบบมอเตอร์ขนาดเล็ก ที่เน้นเรื่องแรงดูดที่แรงดีมากๆ เหมาะสำหรับการจัดการกับฝุ่นบนพรม หรือไรฝุ่นที่แฝงตัวอยู่ในเบาะฟูกที่นอน ที่คุณลองเอาไปดูดแล้วอาจจะตกใจได้ว่า เตียงที่คุณนอนอยู่ทุกวันนั้น บางทีจะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นที่เยอะจนคุณคาดไม่ถึง หรือจะใช้กับโซฟาเบาะรถก็ยังได้
อันสุดท้ายเป็นหัวดูดอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ที่ปรับหัวได้ 2 แบบ สำหรับไว้จัดการเหมือนปัดดูดหยากไย่บนเพดาน หรือดูดฝุ่นภายในรถยนต์ หรือดูดพวกฝุ่นบนคีย์บอร์ดก็พอได้อยู่
ประสบการณ์การใช้งาน Dyson Digital Slim
ส่วนตัวนั้นได้ลองใช้ Dyson V11 Absolute อยู่แล้ว ที่ตัวนั้นยกตำแหน่งราชันย์แห่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายไปให้เลย เพราะดีครบทุกด้าน สวยงาม และประสิทธิภาพสุดยอด พอได้มาลองกับ Dyson Digital Slim ความประทับใจคือ น้ำหนักที่เบาลงมากๆ คือถือใช้งานได้แบบคล่องตัวมากขึ้น โดยที่เทียบความรู้สึกเรื่องกำลังดูแล้ว Dyson Digital Slim ที่มีขนาดเล็กกว่า ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าด้อยกว่ารุ่นพี่ V11 เลย ยังใช้งานทำความสะอาดได้ดีเช่นกัน
จุดเด่นของความเบาและขนาดที่เล็กลงก็คือ ผู้หญิงใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ถือจับได้ถนัดและไม่เมื่อยเมื่อใช้เวลานานๆ จะหยิบถือมือเดียวเพื่อทำความสะอาดบ้านก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป รวมถึงประโยชน์ในการจัดเก็บของ อย่างถ้าที่พักเป็นคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่น้อย Dyson Digital Slim ตัวน้อยๆ ติดกับ Docking ห้อยผนัง ก็เรียกว่าไม่เกะกะพื้นที่ใช้สอยในบ้านแต่อย่างใด
สุดท้ายก็คือเรื่อง ราคา Dyson Digital Slim เปิดตัวที่ 19,900 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป สามารถหาซื้อได้แล้วที่ https://www.dyson.co.th และร้าน Dyson Demo สาขา เซ็นทรัล เวิลด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว สยามพารากอน และไอคอนสยาม