J&J ระงับการทดลอง วัคซีน COVID-19 ในมนุษย์ชั่วคราว หลังพบอาการข้างเคียง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท Johnson & Johnson หรือ J&J กล่าวว่าคณะกรรมการความปลอดภัยอิสระน่าจะใช้เวลา 2-3 วันในการประเมินความเจ็บป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ของผู้เข้าร่วมศึกษา ที่จะนำไปสู่การหยุดทดลอง วัคซีน COVID-19 ของบริษัทชั่วคราว

จากข่าวการหยุดทดลองวัคซีน COVID-19 ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบและดูความปลอดภัยส่งผลให้หุ้น J&J ร่วงลง 2% ส่วนบริษัทคู่แข่งอย่าง AstraZeneca ในสหรัฐฯที่เปิดให้มีอาสาสมัครทดลองวัคซีนสำหรับโคโรน่าไวรัสที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายคลีงกัน ก็ถูกระงับมาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้วหลังจากมีผู้เข้าร่วมทดลองของบริษัทในสหราชอาณาจักรล้มป่วย

Johnson & Johnson มีความพยายามอย่างสูงมากที่จะผลิตวัคซีนเพื่อต้านการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้แจ้งว่าอาการป่วยของผู้ป่วยกำลังได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลอิสระ รวมถึงทีมคลีนิกและความปลอดภัยของพวกเขาเอง นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลอิสระยังได้เข้าไปตรวจสอบการทดลองวัคซีนของ AstraZeneca ในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยจะต้องส่งผลการตรวจสอบไปยัง FDA หรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ก่อนที่การศึกษาข้อมูลวัคซีนจะเปิดให้เริ่มทดลองได้อีกครั้ง

Mathai Mammen หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจยาของ Johnson & Johnson กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า บริษัทได้แจ้งคณะกรรมการความปลอดภัยเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมการทดลองที่มีอาการป่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงที่บริษัทกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ตอบคำถามที่เกิดขึ้น เขายังกล่าวเสริมอีกว่า เนื่องจากเป็นการศึกษาข้อมูลแบบปิด บริษัทจึงยังไม่ทราบว่าผู้ป่วยได้รับวัคซีนหรือรับยาหลอกหรือไม่ โดยทาง J&J ยังคงดำเนินการสรรหาผู้ทดลองให้ครบสำหรับตัวอย่างการทดลองที่ 60,000 คนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัท Johnson & Johnson มองว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด สำหรับการทดลองที่มีกลุ่มผู้ทดลองขนาดใหญ่ โดยมีข้อสังเกตว่าการหยุดการศึกษาวัคซีนชั่วคราวโดยสมัครใจในการให้วัคซีนแก่ผู้เข้าร่วมทอลองนั้นแตกต่างจาก การถูกระงับตามระเบียบที่กำหนดโดยหน่วยงานด้านสุขภาพ

Johnson & Johnson คาดว่าจะมีข้อมูลที่เพียงพอที่จะยื่นขออนุญาตตามกฏข้อบังคับของสหรัฐฯภายในสิ้นปีนี้ โดยทาง Pfizer และ Moderna คาดว่าจะสามารถยื่นขอใบรับรองจาก FDA สำหรับผู้สมัครทดลองวัคซีนได้เร็วขึ้น

Scott Gottlieb อดีตหัวหน้าของ FDA กล่าวผ่านทวิตเตอร์ของเขาว่า การกำกับดูแลของคณะกรรมการความปลอดภัยอิสระสำหรับการทดลองวัคซีน COVID-19 นั้นเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงความเข้มงวดของการควบคุมและการทำงานด้วยความระมัดระวังของกระบวนการทดลองวัคซีน

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้แสดงความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจกดดัน FDA และผู้ผลิตยาให้เร่งฉีดวัคซีนที่ไม่ปลอดภัยออกสู่ตลาดเพื่อสนับสนุนโอกาสในการเลือกตั้งครั้งใหม่ของเขา โดยเขาคาดการณ์ว่าอาจมีวัคซีนใช้จริงก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

เมื่อเดือนที่แล้ว AstraZeneca ได้หยุดการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโคโรน่าในระยะสุดท้ายที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เรื่องจากมีผู้ป่วยอาการร้ายแรงที่ไม่สามาถอธิบายได้ร่วมอยู่ในการทดลองและศึกษาชาวอังกฤษ ส่วนการทดลองของ AstraZeneca ในอังกฤษ บราซิล และอินเดียได้กลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง มีเพียงการทดลองในสหรัฐฯที่ยังคงถูกระงับ

ทั้ง Johnson & Johnson และ AstraZeneca ต่างใช้วัคซีนที่ดัดแปลงและไม่เป็นอันตราย แม้ว่า adenoviruses จะต่างกันก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อไวรัส โดยเป้าหมายในครั้งนี้ก็คือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทั้ง 2 บริษัทยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ทาง Johnson & Johnson ได้เป็นผู้เข้าร่วม Warp Speed รายที่ 4 ที่เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นการทดสอบวัคซีนในมนุษย์

ส่วนวัคซีนของ Pfizer และ Moderna นั้นใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างจาก 2 บริษัทที่กล่าวไว้ก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง และทาง Johnson & Johnson คาดว่าผลการทดลอง วัคซีน COVID-19 ที่ถูกหยุดชั่วคราวจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปี 2021

ที่มา : REUTERS

นักเขียนหน้าใหม่ ผู้หลงไหลในเรื่อง แมว หมี เทคโนโลยี และ โลกของไอที :)