Huawei เพิ่งจะเปิดตัวเดสก์ท็อปพีซีรุ่นล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า MateStation B515 ที่มาพร้อม APU เป็น AMD Ryzen 4000 ซีรี่ส์ โดยมุ่งเป้าไปที่ลูกค้ากลุ่มที่เป็นรัฐบาลและองค์กร มากกว่าลูกค้าที่เป็นผู้ใช้งานทั่วไปในตลาด
ตามรายชื่อสินค้าทางการบนเว็บไซต์ของบริษัท เดสก์ท็อปรุ่นใหม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ลูกค้าระดับรัฐบาลและองค์กรเท่านั้น หรือกล่าวอีกนัยนึงได้ว่ามันผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับปริมาณงานระดับมืออาชีพ ดังนั้นการออกแบบและตัวเครื่องจึงทำออกมาให้ดูเรียบง่าย ไม่ว่าจะจอภาพ , คีย์บอร์ด และเมาส์ ที่มีสไตรร์ใกล้เคียงกัน
เมื่อพิจารณาดูจากสเปคแล้วนั้น Huawei MateStation B515 สามารถติดตั้งโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 5 4600G หรือ Ryzen 7 4700G ได้ทั้งคู่ โดยชิปดังกล่าวเป็น APU ที่มาพร้อมกับกราฟิก Radeon Vega ในตัว
สำหรับแรมเครื่องนั้น มีให้เลือกแรม DDR4 ระหว่าง 8GB กับ 16GB ที่สามารถ clock ได้ที่ 3200MHz สำหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลนั้น ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าที่แตกต่างกัน โดยใช้งาน SSD ควบคู่กับ HDD 1TB อีกทั้งยังมาพร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย 300W รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 5.0 ในตัว โดยรันบนระบบปฏิบัติการ Windows 10
หน้าจอแสดงผล มีขนาด 23.8 นิ้วมีขอบจอแคบทุกด้าน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้ หน้าจอมพร้อมความละเอียดระดับ FHD 1920x1080px จับคู่มาพร้อมกับสมาร์ทคีย์บอร์ดและสมาร์ทเมาส์ ที่น่าสนใจมากๆ คือ ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องของพีซีมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นจดจำลายนิ้วมือ และยังมาพร้อมกับ NFC ในตัว สามาถลิงก์กับสมาร์ทโฟน Huawei ได้
มีผู้ใช้งาน Weibo ที่ชื่อ @看山的叔叔 แชร์รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพีซี MateStation B515 ว่าสามารถติดตั้งการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce GTX 1650 ได้ นอกจากนี้ ยังให้รายละเอียดว่ารุ่น RAM 16GB เท่านั้นที่จะมาพร้อมสมาร์ทคีย์บอร์ดที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ ในขณะที่รุ่น RAM 8GB จะมาพร้อมแป้นพิมพ์ธรรมดา
มีให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ตั้งแต่ราคาเริ่มต้น 4,999 หยวน ไปจนถึง 8,999 หยวน หรือประมาณ 23,100 บาทไปจนถึง 41,500 บาท
ความเห็นจากทีมงาน ล้ำหน้าฯ
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือออกมาว่า Huawei จะทำคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ที่ใช้ชิปแบบ ARM แล้วระบุว่าเป็นรุ่น MateStation B515 สรุปแล้วว่า ไม่ใช่ แต่เรื่อการทำชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบบ ARM ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น เพราะ Huawei สามารถนำเอาเทคโนโลยีของชิป Kirin มาใช้ได้ และสามารถให้บริษัทอื่นมาผลิตให้ได้ เพราะไม่ติดปัญหาเรื่องใบอนุญาตของสหรัฐ เพราะไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G
ที่มา : Gizchina
