ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน nova 7 SE และหลังจากนั้นเป็นเวลา 6 เดือน Huawei ได้เปิดตัวผู้สืบทอดอย่าง nova 8 SE
สมาร์ทโฟน Huawei nova8 SE มีความหนาเพียง 7.46 มิลลิเมตร น้ำหนัก 178 กรัม และมีดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึง iPhone 12 โดยมีกรอบที่แบนและมาพร้อมกับโมดุลกล้องหลังรูปทรงสี่เหลี่ยม มีกล้องหลังหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครกับ Depth information ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
มือถือมากับหน้าจอ OLED แบบ FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว มีติ่งหยดน้ำสำหรับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล บริเวณตรงกลางด้านหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณด้านล่างของหน้าจอเพื่อตรวจสอบตัวตนโดยใช้ไบโอเมตริกซ์และรองรับ HDR10 ด้วย
ภายในเครื่องมาพร้อมกับชิปให้เลือก 2 รุ่นคือ Dimensity 720 เป็นรุ่น Standard Edition และ Dimensity 800U ที่เป็น High Edition ทั้ง 2 แบบมาพร้อมกับ RAM 8GB หน่วยความจำ 128GB และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 บนพื้นฐานของ EMUI 10.1
มาพร้อมแบตเตอรี่ 3,800 mAh ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมปัจจุบัน แต่รองรับการชาร์จไว 66W โดยชาร์จ 60% ในเวลา 15 นาทีและชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มถึง 100% ในเวลาเพิ่มอีก 20 นาที
Huawei nova8 SE ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C ช่องเสียบหูฟังแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร รองรับบลูทูธ 5.1 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดและ Wi-Fi แบบ dual-band
ทั้งชิปรุ่น Dimensity 720 และ Dimensity 800U ของ nove 8 SE รองรับ 5G แต่แบบ High Edition จะรองรับการเชื่อมต่อ 5G จากทั้ง 2 ซิมการ์ด ในขณะที่ Standard Edition จะรองรับการเชื่อมต่อ 5G จากซิมการ์ดตัวหลักเท่านั้น
Huawei nova 8 SE มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี และจะวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 11 พฤศจิกายน รุ่น Standard Edition ราคา 2,599 หยวน หรือประมาณ 12,100 บาท และรุ่น High Edition ราคา 2,699 หยวน หรือประมาณ 12,500 บาท
ที่มา : GSMARENA