ปีหน้าจะเอายังไงต่อ เพราะปี 2020 ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกคน งานฟรีแลนซ์ที่ทำที่ไหนก็ได้ หรือคนอีกกลุ่มอาจจะอยากหารายได้เสริมจากงานประจำ แค่มีแล็ปท็อปเพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำได้แล้ว แต่จะทำอะไรได้บ้างนั้น หยิบแล็ปท็อปขึ้นมา
1. เปิดร้านค้าออนไลน์ ขายของกระจุกกระจิก
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เปิดร้านของตัวเองได้เพราะมีแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่เต็มไปหมด คุณแค่ต้องรู้ว่าจะขายอะไร จัดหาจากแหล่งไหน ขอเพียงมีของจำนวนหนึ่งสำหรับขาย และมีระบบจัดการของตนเองที่เป็นระเบียบ ก็ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการเปิดร้าน ส่วนมากก็ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทสินค้า และให้ลูกค้ามาสั่งของ ระบบร้านค้าออนไลน์ยุคใหม่แบบนี้ ทำให้คุณสามารถตอบลูกค้าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่หน้าคอมฯ หรือไม่ เพราะคุณสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และส่งสลิปโอนเงินผ่านแช็ตแอปพลิเคชันไหนก็ได้อย่างสะดวกสบาย
แน่นอนว่าขั้นตอนหลังบ้านอื่นๆ อย่างการเช็คสต็อค และทำบัญชีรายรับจากลูกค้า ยังต้องอาศัยแล็ปท็อปในการทำงานให้สะดวกอยู่ดี เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ นั้นคือเรื่องสำคัญที่สุดของเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ต้องอาศัยสมาธิ และความรวดเร็วในการจัดการสูง ร้านของตนเองจะได้คงความน่าเชื่อถือ และหาลูกค้าได้มากขึ้น การใช้แล็ปท็อปจะยิ่งทำให้ทำงานสะดวกขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะแล็ปท็อปบางรุ่นสามารถแชร์จอจากสมาร์ทโฟนที่คุยแชทกับลูกค้า ขึ้นบนเดสก์ท็อปได้เลย จะลากสลิปโอนเงิน ก็อปปี้คำสั่งซื้อ ไปจัดเก็บไว้แล็ปท็อปให้เป็นระเบียบก็ทำได้ง่ายดาย และรวดเร็ว
2. ผันตัวเองให้เป็นสายวิดีโอครีเอเตอร์ ไลฟ์สตรีม หรือแคสต์เกม
การทำวิดีโอลงแชนแนลต่างๆ หรือสร้างเพจคอนเทนต์เฉพาะที่ตัวเองสนใจ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าทำสำหรับคนที่มีความสามารถในการพูด หลายคนอาจจะตัดตัวเลือกนี้ไปในตอนแรกเพราะคิดว่าต้องลงทุนสูง จะต้องมีกล้องใหญ่ๆ ไมโครโฟนดีๆ ไฟที่โปรครีเอเตอร์เขาใช้กัน จริงๆ แล้วไม่จำเป็นก็ได้ เพราะหลายคอนเทนต์ไม่ได้ต้องการภาพที่ต้องถ่ายด้วยกล้องโปรเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่เนื้อหาล้วนๆ บางคนอาจแค่นั่งเล่าเรื่องที่ตัวเองสนใจ รีวิวของ ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ หรือแคสต์เกม ซึ่งใช้แค่ภาพรีแอคชันของเราที่มุมล่างของวิดีโอเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้ว ใช้กล้องที่มากับแล็ปท็อปก็เพียงพอ คนที่แคสต์เกมเป็นหลักก็สามารถเล่นเกมไปด้วย ถ่ายวิดีโอไปด้วยบนเครื่องเดียวได้เลย
การใช้แล็ปท็อปเครื่องเดียวในการถ่ายคอนเทนต์สามารถทำได้มากกว่าที่คิด เหมาะกับคนที่ถนัดนั่งพูด โดยวางไว้บนโต๊ะ และมอนิเตอร์ใบหน้าท่าทางของตนเองไปด้วยบนหน้าจอกว้างๆ ยิ่งในกรณีไลฟ์สตรีมสดมีประโยชน์มาก ในบางรุ่นจะมี Recessed Camera ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ง่าย ไม่ต้องกลัวว่าเวลาที่ไลฟ์จะเผลอกดอัดตอนที่เรายังไม่พร้อมไป ส่วนคนที่อัดวิดีโอไปตัดต่อทีหลังก็ไม่ต้องคิดว่าจะหาจอมอนิเตอร์ใหญ่ๆ มาจากไหน เพราะแล็ปท็อปสมัยนี้จอกว้างเพียงพอ แนะนำว่าถ้าเป็นจอแบบ multi-touch ก็ยิ่งดี เพราะจะสามารถ drag & drop คลิปต่างๆ รวมถึงไฟล์เสียงลงบนโปรแกรมได้ง่ายๆ
3. รับงานครีเอทีฟเป็นเจ้าแห่งการผลิตคอนเทนต์เบื้องหลัง
การรับงานทั่วไปตามความสามารถของตัวเอง เรียกว่าน่าจะเป็นงานยอดฮิตที่สุดแล้ว เพราะได้ทำสิ่งที่ถนัดแถมยังสามารถทำที่ไหนก็ได้สะดวกสบาย มีสมาธิมากพอ และเหมาะกับคนที่ชีวิตไม่ค่อยชอบติดอยู่กับที่ คุณจะรับงานคอนเทนต์อะไรก็ได้ที่สามารถทำบนแล็ปท็อปได้ เช่น เขียนคอนเทนต์ เขียนสคริปต์ แปลเอกสาร ถอดเทป หรือแม้กระทั่งตัดต่อพอดแคสต์ และวิดีโอที่มีคนส่งฟุตดิบมาให้แล้ว สิ่งจำเป็นก็คือจะต้องมีแล็ปท็อปที่เบา ขนาดพกพาได้ง่าย และมีประสิทธิภาพการทำงานรองรับการใช้เวลานานๆ ถ้าเป็นแล็ปท็อปที่มีขนาดความหนาไม่ถึง 15 มม. และน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กก. ก็จะพกใส่กระเป๋าถือไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ ได้แบบชิลๆ
คนรักงานทั้งหลายถ้ารักจะปั่นงานแบบยิงยาว ห้ามลืมพกสายชาร์จเป็นอันขาด ถ้าตั้งใจจะทำงานข้างนอกแล้ว ถึงแม้แล็ปท็อปจะแบตอึด เพื่อความสบายใจก็ต้องทำให้แล็ปท็อปทำงานอย่างต่อเนื่องและราบรื่น สายชาร์จที่เป็น USB-C ในช่วงหลังๆนี้ ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กเกือบเท่าสายชาร์จโทรศัพท์ และชาร์จได้ไว บางทีก็สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือ ทำให้ไม่ต้องพกหลายสายให้ยุ่งเหยิง เพราะฉะนั้นตราบใดที่สามารถชาร์จแล็ปท็อปทุกเมื่อ แถมไฟเข้าแบบไวทันใจ ก็จะสามารถทำงานฟรีแลนซ์ได้แบบเต็มที่ และสุดท้ายถ้าทำงานจนตาล้าไม่ไหวจริงๆ ลองใช้โหมดถนอมสายตาก็จะช่วยได้
คนยิ่งรับจ๊อบเป็นฟรีแลนซ์ หรือหารายได้เสริมยิ่งเยอะขึ้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีแล็ปท็อปผลิตออกมาเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำอาชีพเหล่านี้ อย่างหัวเว่ยก็มี HUAWEI MateBook 14 เป็นแล็ปท็อปตัวล่าสุด ทั้งบางและเบาพอดีกับความต้องการของคนยุคนี้ สายชาร์จ Type C 65W ที่มาด้วยกันกับเครื่องก็มีน้ำหนักเบา ชาร์จโทรศัพท์หัวเว่ยด้วยกันได้ แล้วก็รองรับการชาร์จแบบ HUAWEI SuperCharge ที่สำคัญคือถ้าใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่ใช้ EMUI 10.1 ขึ้นไปจะสามารถทำงานแบบ Multi-screen Collaboration ได้ง่ายๆ มีกล้อง Recessed Camera ที่พับเก็บได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเปิดวิดีโอโดยไม่รู้ตัว
HUAWEI MateBook 14 วางจำหน่ายแล้วในสี Space Grey ในราคา ราคา 25,990 บาท (R5) และราคา 29,990 บาท (R7) โดยสามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่
