Mastercard และ Pine Labs ร่วมวางแผนเปิดตัวโซลูชั่นการผ่อนชำระ “จ่ายทีหลัง” สู่ 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในต้นปีหน้า (2564) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการผ่อนชำระสินค้าแบบไม่เสียดอกเบี้ย บริษัทฟินเทค ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ และผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ก้าวทันทางเลือกทางการเงินที่กำลังมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โซลูชั่นการผ่อนชำระ “จ่ายทีหลัง” เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Mastercard กับ Pine Labs และเปิดตัวไปแล้วที่อินเดียและมาเลเซียเมื่อต้นปีนี้ (2563) และวางแผนที่จะเปิดตัวในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (2564) ตามด้วยเวียดนาม สิงคโปร์และอินโดนีเซีย
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นย่านที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงระบบดิจิตัลอย่างรวดเร็ว และเป็นย่านที่มีการกู้ยืมมากกว่าครึ่งของการกู้ยืมทั่วโลก จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ร้านค้า ฟินเทค และผู้ออกเงินกู้ในการจะเสนอทางเลือกแบบผ่อนชำระแก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนชำระทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือของที่มีราคาสูงอื่นๆ จากการศึกษาของมาสเตอร์การ์ดพบว่า 43 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ยินดีจะจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์หากพวกเขาสามารถผ่อนชำระสินค้าได้
การผ่อนชำระที่ผูกติดกับบัตรเครดิตนั้นเป็นเรื่องปรกติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดและไพน์ แล็บเสนอทางเลือกที่กว้างกว่าด้วยการผ่อนชำระผ่านทั้งทางบัตรเครดิต บัตรเดบิตหรือบัญชีธนาคารผ่านทางหน้าร้านหรือร้านค้าออนไลน์
“โซลูชั่น “จ่ายทีหลัง” ช่วยให้ผู้บริโภคจัดการกระแสเงินสดได้ดีกว่า เพราะเราเสนอการผ่อนชำระ ณ จุดขาย ธุรกิจที่สามารถเสนอการผ่อนชำระที่จุดชำระเงิน จะส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ผู้ซื้อสินค้ามากขึ้น ลดการทิ้งสินค้าที่เลือกไว้ในตระกร้าสินค้า ทำให้ยอดขายสูงขึ้น” ซานดีฟ มาลโฮทรา รองประธานกรรมการผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตรกรรม ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด
Coherent Market Insights บริษัทที่ปรึกษาและให้ข้อมูลด้านการตลาดคาดการณ์ว่าโซลูชั่น “จ่ายทีหลัง” จะเติบโตจาก 2.2 แสนล้านบาท ($7.3 billion) ในปี 2562 ถึง 1 ล้านล้านบาท ($33.6 billion) ในปี 2570 หรือกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยบริษัทเห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นภูมิภาคที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดือนมกราคม 2563 มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมลงทุนในบริษัทไพน์ แล็บ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินเรื่องการชำระเงินมากกว่า 9 แสนล้านบาทต่อปี ทำงานร่วมกับคู่ค้า 150,000 ราย ทั่ว 450,000 จุดจ่ายในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง และยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้กู้และร้านค้า เพื่อเสนอทางเลือกในการชำระเงินแก่ผู้บริโภค
การเสนอทางเลือกการผ่อนชำระนี้ ทำให้ร้านค้า เจ้าของแบรนด์และสถาบันการเงินมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการชำระเงินแก่ผู้บริโภค