ไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร สตาร์ทอัพสัญชาติไทย แนะ 2 แนวทาง ฝ่า 3 อุปสรรค เร่งสร้างนวัตกรรมองค์กรอย่างยั่งยืนในปี 2564
ไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้นำด้านการสร้างนวัตกรรมองค์กร พบ 3 อุปสรรค (Pain Points) ในการสร้างนวัตกรรมองค์กร 1. ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร 2. เริ่มขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมแล้ว แต่ยังไม่มีบุคลากรที่สามารถสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริงได้ 3. สามารถสร้างนวัตกรรมได้แล้ว แต่ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจจากนวัตกรรมได้ เผยโมเดล Corporate Innovation Maturity Model (CIMM) เข็มทิศชี้วัดระดับนวัตกรรมองค์กร 5 ระดับ เป็นตัวช่วยสำคัญในการประเมินองค์กรสู่เส้นทางการสร้างและพัฒนานวัตกรรมให้สำเร็จตามเป้าหมาย แนะองค์กรเลือกแนวทางที่เหมาะสมจาก 2 แนวทางคือ
- Outside-in Approach หรือ การพัฒนาจากภายนอกสู่ภายใน ด้วยการจับมือกับสตาร์ทอัพผู้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมองค์กรได้ทันทีบนแพลตฟอร์ม “RISE Exponential” และ
- Inside-out Approach หรือ การพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก ด้วยการเร่งพัฒนาความสามารถบุคลากรให้พร้อมสำหรับการสร้างนวัตกรรมจนประสบความสำเร็จ เริ่มจากผู้บริหารจนถึงพนักงานให้มีความรู้ ความเข้าใจ และได้ลงมือทำผ่านการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง พร้อม Corporate Innovation Certification Program โปรแกรมรับรองความสามารถด้านนวัตกรรมองค์กร ช่วยให้องค์กรมั่นใจว่า บุคลากรมีทักษะและพร้อมพัฒนานวัตกรรมรับการแข่งขันทุกรูปแบบจากดิจิทัล ดิสรัปท์ชัน
นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ หรือ หมอคิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง RISE เผย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในปี 2563 ส่งผลให้องค์กรต้องปรับตัวพร้อมรับการแข่งขันด้วยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อปรับตัวให้ทันกับวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการสร้างนวัตกรรมองค์กร ซึ่งปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาในการผลักดันนวัตกรรมให้ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเผชิญกับ 3 อุปสรรคสำคัญ (Pain Points) ได้แก่ 1. ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร เห็นได้จากข้อมูลจากการศึกษาที่พบว่า แม้กว่า 83% ขององค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รู้ถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมองค์กร แต่ไม่มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่จะสร้างการเติบโต 2. เริ่มขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมแล้ว แต่ยังไม่มีบุคลากรที่สามารถสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริงได้ 3. สามารถสร้างนวัตกรรมได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจจากนวัตกรรมได้อย่างชัดเจน โดยทั้งนี้ RISE ได้พัฒนาโมเดลเข็มทิศชี้วัดระดับนวัตกรรมองค์กร หรือ Corporate Innovation Maturity Model (CIMM) 5 ระดับ ชี้วัดประเมินระดับการเติบโตของนวัตกรรมองค์กร ประกอบด้วย ระดับเริ่มต้น (Newcomer) ระดับสำรวจ (Explorer) ระดับท้าทาย (Challenger) ระดับเชี่ยวชาญ (Practitioner) และระดับแชมเปี้ยน (Champion) เพื่อเป็นตัวช่วยตั้งต้นสู่การสร้างนวัตกรรมองค์กรให้เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ หนึ่งในอีกพื้นฐานสำคัญของการสร้างนวัตกรรมองค์กร คือ ผู้นำและองค์กรต้องมีเป้าหมายและทิศทางขับเคลื่อนองค์กรที่ชัดเจน รวมทั้งมีการปรับแผนกลยุทธ์ หรือ Roadmap ในการสร้างนวัตกรรมองค์กรให้ประสบความสำเร็จ RISE แนะองค์กรใช้ 2 แนวทางหลักในการพัฒนานวัตกรรมองค์กร คือ 1. แนวทางแบบ Outside-in Approach หรือ การพัฒนาจากภายนอกสู่ภายใน 2. แนวทางแบบ Inside-out Approach หรือ การพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก
โดยแนวทางแรก Outside-in Approach คือ การพัฒนาจากภายนอกสู่ภายใน เนื่องมาจากความต้องการของผู้บริโภคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องสามารถปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ทันท่วงที “RISE Exponential” แพลตฟอร์มการสร้างนวัตกรรมแบบเปิดที่เน้นผลลัพธ์เป็นที่ตั้ง (Outcome-driven Open Innovation Platform) ช่วยสร้างความเป็นไปได้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด และเร่งสปีดการสร้างนวัตกรรมให้เร็วขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยการนำเทคโนโลยีและโซลูชันของผู้สร้างนวัตกรรมตัวจริงจากเครือข่ายสตาร์ทอัพกว่า 10,000 รายทั่วโลกมาจับคู่กับองค์กร เพื่อแก้ปัญหาหรือความท้าทายทางธุรกิจ ผ่านการทำโครงการนำร่อง (Proof of Concept และ Pilot Project) ควบคู่กับการสนับสนุนจากทีมงานที่มีประสบการณ์ในการสร้างนวัตกรรมองค์กรจาก RISE เพิ่มโอกาสในการสร้างนวัตกรรมองค์กรสู่ความสำเร็จเพิ่มขึ้นถึง 70%
สำหรับแนวทางที่สอง Inside-out Approach คือเร่งพัฒนาภายในองค์กร ด้วยการออกแบบและสร้างนวัตกรรมผ่านการรีสกิลผู้บริหารและพนักงานให้มีความรู้ ความเข้าใจ จนไปสู่การลงมือทำ มุ่งปั้น ‘Intrapreneur’ หรือผู้ประกอบการภายในองค์กร ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบการปฏิบัติงานจริง โดยในปี 2564 นี้ RISE University ได้ออกแบบ Corporate Innovation Certification Program โปรแกรมรับรองความสามารถด้านนวัตกรรมองค์กร เพื่อตอบสนองความต้องการองค์กรในการพัฒนาทักษะของบุคลากรในด้านนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ โดยมี 5 ทักษะสำคัญเป็นแก่นในการออกแบบการเรียนการสอน ได้แก่
- การสร้างและพัฒนานวัตกรรม
- การออกแบบธุรกิจ
- การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์
- การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
- การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และเพื่อต่อยอดทักษะและไอเดียในการสร้างนวัตกรรม RISE ได้พัฒนา Venture Building Program ให้คนในองค์กรสามารถนำไอเดียมาพัฒนาเพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงและเกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจ
“นอกจากนี้ RISE ยังได้พัฒนา Digital Transformation Xponential (DTX) หลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล ด้วยการเรียนรู้และลงมือทำจริง พร้อมรับคำปรึกษาจริง ด้วยหลัก 3X ประกอบด้วย Xponential เรียนรู้วิธีการทรานส์ฟอร์มองค์กรให้เติบโตแบบก้าวกระโดดผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง Xperiential สัมผัสประสบการณ์ตรงในการสร้างการเปลี่ยนแปลงองค์กรจากการทำโปรเจคจริง เรียนรู้แบบลงมือทำจริง และ Xclusive การเข้าถึงแผนการขับเคลื่อน ‘ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน’ ในองค์กร จากผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในด้านนวัตกรรมองค์กร มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและพัฒนานวัตกรรมองค์กรให้สำเร็จ รวมทั้งผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นผู้นำในโลกยุคดิจิทัล” นายแพทย์ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย