สถานการณ์โควิด-19 ต้องปรับตัวกันอีกครั้งที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ก็คือ “ภาคการศึกษาไทย” ที่ถึงแม้จะมีการวางแผนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การศึกษายุคดิจิทัลเอาไว้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโควิด-19 ทำให้การปรับตัวดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและจำเป็นต้องพึ่งตัวช่วย นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้การปลี่ยนผ่านด้านการศึกษาไทยเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมและปลอดภัยเพื่อการศึกษาแบบนิวนอร์มัลอย่างมีเสถียรภาพ
ผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การปรับการเรียนการสอนไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์แทนการศึกษาในห้องเรียน นั่นหมายความว่าโครงข่ายการเชื่อมต่อต้องมีความพร้อมเพียงพอที่จะรองรับการจัดห้องเรียนออนไลน์ที่มีนักเรียนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากได้ โดยสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ภายในประเทศครั้งนี้ส่งผลให้หลายโรงเรียนกลับมาจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์อีกครั้ง ระบบการศึกษาของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จากหลายแวดวงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการเรียนออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ย ประเทศไทย นอกจากจะเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ผู้พัฒนาและให้บริการโครงข่ายการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ ยังได้ริเริ่มโครงการเพื่อนำเอาเทคโนโลยีและโซลูชันมาช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพที่สุด สอดคล้องกับนโยบายระดับโลกของหัวเว่ยที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาโดยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย
ปรับตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมกันด้วย TECH4ALL
โครงการ TECH4ALL ของหัวเว่ยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยนายเคน หู รองประธานกรรมการบริหารของหัวเว่ยกล่าวไว้ว่า “หัวเว่ยเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ควรมีสิทธิเข้าถึงการศึกษา และได้รับโอกาสที่เกิดจากการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน” ทั้งนี้ ในประเทศจีน หัวเว่ยได้มีโครงการความร่วมมือกับสำนักงานการศึกษา วิทยาศาสตร์และกีฬาของอำเภอเผิงอัน (Peng’an County Education, Science, and Sports Bureau; PESSB) เพื่อมุ่งสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษาโดยการพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งรวมไปถึงเปิดคอร์สการเรียนออนไลน์เพื่อทำให้เด็ก ๆ ในอำเภอเผิงอันสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างเท่าเทียมกับเด็ก ๆ ในเมืองใหญ่ สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยมุ่งมั่นในการพัฒนาแวดวงการศึกษาภายใต้บรรยากาศการเปลี่ยนแปลงสู่การเรียนการสอนออนไลน์ โดยได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลายแห่งในการนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้าง รวมไปถึงแบ่งปันองค์ความรู้จากหัวเว่ยเพื่อบ่มเพาะบุคลากรด้านไอซีทีในประเทศไทย เป็นการสานต่อพันธกิจของ TECH4ALL ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา หัวเว่ย ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการที่มุ่งพัฒนาด้านการศึกษาหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการใช้โซลูชันคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการวิจัยและประเมินผล การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน ภายใต้ “RMUTI NEXT GEN DIGITAL UNIVERSITY” โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อปฏิรูปและปรับปรุงระบบการศึกษา รวมถึงการจัดแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีบนคลาวด์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในชื่อว่า HUAWEI CLOUD Developer Contest เพื่อค้นหาและสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพของไทยโดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษา
สู่การศึกษา 4.0 ด้วยกัน อย่างยั่งยืน
การพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียมจะมีความยั่งยืนหากบุคลากรได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ควบคู่ไปด้วย หัวเว่ยจึงมุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะความสามารถให้แก่บุคลากรในแวดวงการศึกษาด้านไอทีผ่านโครงการต่าง ๆ โดยได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าในประเทศไทย ได้แก่ โครงการของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่หัวเว่ยได้รับเกิยรติให้สนับสนุนการจัดตั้ง ICT Academy แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการเสริมสร้างพลังแห่งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของประเทศต่อไป รวมถึงการริเริ่มโครงการ HUAWEI Academy ASEAN และ HUAWEI Cloud Academy เพื่อต่อยอดการพัฒนาต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีโครงข่ายการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีคลาวด์จะทวีความสำคัญมากขึ้นในทุกวงการรวมถึงภาคการศึกษา หัวเว่ย ประเทศไทยรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการศึกษาในประเทศไทย และยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนทุกภาคส่วนของประเทศไทยด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม สร้างโครงข่ายพื้นฐาน นวัตกรรม และบุคลากร ที่จะนำไปสู่การศึกษา 4.0 และ Thailand 4.0 อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน