เปลี่ยน Mind Set ที่คิดว่า Notebook ที่บางเบาตัวเล็กไม่สามารถใส่ฮาร์ดแวร์สเปคสูงให้มีประสิทธิภาพสูงได้แต่ ASUS ZenBook Flip 13 ตัวนี้ทรงประสิทธิภาพสูงพลังของ Chip Intel Generation11 Chip Graphics Intel Iris Xe แพลตฟอร์ม Intel Evo และยังมาพร้อมกับหน้าจอ OLED
ดีไซน์ ASUS ZenBook Flip 13
ASUS Zenbook Flip 13 เขาจะมี 2 รุ่นให้เลือกเป็นชิพ Intel Core i5 กับ Core i7 ตัวที่เอามารีวิวนี้เป็นรุ่น Core i7 รหัสรุ่นก็คือ UX363EA-HP115TS นี่คือ Notebook ขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว ที่มีขนาดเล็กมากแล้วก็บางเบามาก ความบางเพียง 13.9mm พอกางหน้าจอมาตัว Body เครื่องแทบจะบางพอๆ กับโทรศัพท์มือถือเลยเหมือนเวลาเราจับโทรศัพท์มือถือแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเอง
น้ำหนักเบามากเพียง1.3 กิโลกรัม เห็นเขาบางเบาแบบนี้อย่าคิดว่าไม่แข็งแรงนะ นี่คือ Notebook ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานความแข็งแรงของ US MIL-STD 810G มาแล้วทนแรงตกกระแทกทนอุณหภูมิร้อนหนาวเรียกว่าใช้งานทนทานอย่างแน่นอน
สเปค ASUS ZenBook Flip13
ASUS ถือเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่นำเอาโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดมาใช้งานนี่คือ Intel Core i7 Gen 11 เอามาใช้ก่อนใครเลยนะครับรหัสของ CPU ตัวนี้คือ Core i7 1165G7 มีเป็น CPU สถาปัตยกรรม 10Nm++ มีคำว่าพลัสเข้าไปด้วยรหัส Codename ของเขาก็คือ Tiger Lake ซึ่งเป็น CPU ที่มีพลังประมวลผลเร็วแรงมากๆ ทำงานที่ 4 Core 8 Thread แล้วก็สปีดครอสปกติอยู่ที่ 2.80 GHz ทำ Turbo Boost ได้สูงสุด 4.70 GHz ตัวนี้ถือว่าใช้ได้และยังมี AI ช่วยในการประมวลผลด้วย
Chip Graphics คือ Intel Iris Xe GPU ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงมากทำงานในเชิง Creators Content ทำได้สบายๆ เลยนะ Ram 16GB LPDDR4X 4266 MHz เป็นแรมออนบอร์ดแล้วก็ตัวสตอเรสจะเป็น SSD PCI Express Gen 3 ความจุ 512GB ตัว SSD สามารถถอดเปลี่ยนและเพิ่มความจุได้
แบตเตอรี่ 4 Cell 67WHr ซึ่งจะทำให้ Notebook ตัวนี้มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ทำไมถึงใช้งานได้นานขนาดนั้นเพราะว่าทั้งหมดเขาถูกออกแบบมาบนแพลตฟอร์มของ Intel Evo มีมีสติ๊กเกอร์แปะอยู่ที่ตัวเครื่องด้วยเลย Intel Evo มันคือแพลตฟอร์มที่ Intel เขาออกแบบมาว่าถ้าใช้งานร่วมกันหลายๆ อย่าง ที่เป็นของ Intel ไม่ว่าจะเป็น CPU Intel Gen 11 + กับชิป Intel Iris Xe แล้วก็บวกกับ Chipset ต่างๆ บนเครื่องตัวนี้ที่เป็นของ Intel ทั้งหมด จะทำให้ Notebook ตัวนั้นมีพลังการประมวลผลเร็วแรงและมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาว
ตอนนี้ยังมีฟังชั่นชาร์จเร็วด้วย สามารถชาร์จ 0-60 เปอร์เซ็นต์ได้ภายในเวลา 49 นาทีและรองรับระบบชาร์จแบต Power Delivery ด้วยถ้าหากมี Adapter ชาร์จไฟที่มีกำลังไฟ 65WHr ไว้ชาร์จอุปกรณ์อื่นอยู่แล้วสามารถมาใช้ Notebook ตัวนี้ผ่านทาง Port USB C ได้ด้วยหรือจะชาร์จผ่านพาวเวอร์แบงค์ที่เป็น Power Delivery ก็ทำได้ด้วยเช่นกันทั้งหมดนี้รันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 10 Home Bundle มาให้ในตัวเครื่องเลย แล้วก็ให้ชุดโปรแกรม Office มาด้วยเป็น Microsoft Office Home & Student 2019
จุดเด่นของ ASUS ZenBook Flip 13
จุดเด่นก็คือหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว มาดูที่ขอบจอ Bezel นี้ Silm มากๆ ASUS เรียกขอบจอแบบนี้ว่า NanoEdge เป็นการออกแบบให้ขอบจอบางมากๆ เพราะบางมันส่งผลหลายอย่างให้กับตัวเครื่องคือเป็นหน้าจอ 13 นิ้วที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่า Notebook 13 นิ้วโดยทั่วไปพอมันเล็กลงทำให้น้ำหนักเบาลงแล้วก็พกพาง่ายขึ้นเวลาเรานั่งทำงานอยู่บนหน้าจอแล้วมองไปที่หน้าจอแล้วก็จะรู้สึกว่าหน้าจอนั้นไร้ขอบแล้วก็เต็มตาดีมากเลยนะ ซึ่ง Notebook ราคานี้ในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะให้เป็นจอ IPS นะครับแต่ ASUS ZenBook Flip 13 ให้จอ OLED มาเลยนะ
เป็นจอที่มีความสว่างคมชัดสีสันสดใสกว่าจอดทั่วไปมาก เพราะว่าจอ OLED นั้นทุกพิกเซลของเขาสามารถสว่างและดับได้ด้วยตัวเองไม่เหมือนจอ LCD, LED มีที่ต้องมีแผงไฟยิงจากด้านหลัง เพราะฉะนั้นจอ OLED เวลาสว่างก็สว่างสดใสเวลามืดก็มืดสนิทจึงเป็นจอที่แสดงผลได้สวยมากๆ
นอกจากนี้เขายังออกแบบให้ตัวจอเนี่ยเป็น Ergolift เราสามารถยกจอขึ้นโดยที่ไม่ต้องใช้มืออีกข้างนึงมากดตัวเครื่องเอาไว้แล้วมาเปิดจอขึ้นมาขอบจอด้านล่างจะยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อยทำให้แป้นพิมพ์ทำมุมสูงขึ้นเวลาเราพิมพ์ก็จะรู้สึกสบายมือมากยิ่งขึ้นและเมื่อตัวเครื่องยกขึ้นก็จะมีช่องว่างใต้ตัวเครื่องช่วยระบายความร้อนได้ด้วย
แล้วตัวจอก็กางพับลงมาได้ได้ถึง 360 องศา ทำให้คุณสามารถใช้งาน Notebook เครื่องนี้ได้หลายโหมดมากๆ แบบ Laptop วางบนตักใช้งานแบบทั่วไปหรือจะวางบนโต๊ะพับลงมาเป็นแบบเต็นท์โหมดใช้ในการนำเสนอหรือใช้ในการวาดรูปดูหน้าจอก็ทำง่าย หรือจะพับมาจนสุดแล้วถือเป็น Tablet โหมดก็ใช้งานได้สะดวก
ตัวจอก็น่าสนใจวัดสดุจอเป็นพาเนลจอ OLED ให้ความสว่างสีสันสดใส พูดถึงสีสันนี่คือจอที่ได้รับการคาริเบทจากโรงงานให้ค่าสีที่ถูกต้องในระดับ Pantone Validated มีสติ๊กเกอร์แปะอยู่บนเครื่อง ค่าความถูกต้องของสีถ้าวัดออกมาเป็น DCI-P3 100% เพราะฉะนั้นทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องสีจะตกแต่งภาพทำงานอาร์ตหรืออะไรก็ตามแต่สามารถทำงานบนเครื่องนี้ได้อย่างสบายเลย และยังเป็นจอที่ทำงานอยู่บนหน้าจอแล้วสบายตาด้วยดูแลสายตาเราได้เป็นอย่างดีเพราะหน้าจอตัวนี้มีคุณสมบัติในการลดแสงสีฟ้าลงได้ถึง 70% ผ่านมาตรฐานของ TUV Rheinland และยังเป็นจอทัชสกรีนด้วย เวลาใช้งานใน Tablet เราพับก็สามารถใช้นิ้วจิ้มหน้าจอเป็นทัชสกรีนได้
และเขายังมีปากกาให้ด้วย ASUS Pen นี่คือปากกาที่ใช้เขียนบนหน้าจอ จดโน้ต วาดรูปสเก็ตภาพได้ทำงานอาร์ตได้เลยเพราะนี่คือปากกาที่มีความละเอียดในการรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับจะวาดงานสเก็ตภาพทำงานด้วยปากกาตัวนี้ได้ละเอียดดีมากๆ
Port เชื่อมต่อการใช้งานเริ่มต้นจากพอร์ต HDMI ตัวนี้เป็นพอร์ตแบบสแตนดาร์ดเลยก็คือเป็นหัวใหญ่เลยสามารถต่อจอออกภายนอกได้ แล้วก็ฝั่งเดียวกันจะมีพอร์ต USB C อีก 2 Port ซึ่ง USB C ทั้ง 2 Port นี้นะคทำหน้าที่เป็น Port ธันเดอร์โบลท์ Version 4 ด้วย เป็นได้ทั้ง Display Port และ Port ความเร็วสูงนอกจากนี้ยังมี Port USB A อยู่ทางด้านขวานี้อีก 1 Port นะเป็น USB 3.2 Gen 1 ก็สามารถใช้งานได้อย่างเพียงพอแน่นอน
ทดลองใช้งาน ASUS ZenBook Flip13
ASUS ZenBook Flip 13 ตัวนี้ทำงานในระดับ Performance ได้เลย อย่างเช่นคนที่เป็น Video creator ก็จะมีการแบบตกแต่งภาพตกแต่งวีดีโอตัดต่อวีดีโอทำงานบน Adobe Photoshop หรือ Adobe Premiere นี้สบาย ไหลลื่นทำงานได้ในระดับมืออาชีพเลยเรียกว่าสเปคแรงเพียงพอแล้วก็ทดลองเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดระดับ 8K ก็สามารถเล่นได้ประสิทธิภาพของ Intel Iris Xe มีตัวนี้ถือว่าดีมาก แล้วก็ดีอย่างนึงคือพอไม่ได้เป็นชิปกราฟิกแยกเขาก็จะกินไฟน้อยทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
ระบบเสียง ASUS ZenBook Flip13
ระบบเสียงดีมากเพราะว่า ASUS เขาไปร่วมงานกันกับ harman kardon เซ็ตลำโพงสเตอริโอพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางมาดูหนังฟังเพลงบนเครื่องนี้นะเรียกว่ากระหึ่มแน่นอน
บริการ My ASUS
ในเรื่องของการดูแลรักษาเครื่อง ทาง ASUS เขามีชุดซอฟต์แวร์ ที่เป็น Utility ชื่อว่า My ASUS ตัวนี้เป็นซอฟต์แวร์ตัวเดียวที่สามารถดูแลเครื่องทั้งเครื่องได้เลยไม่ว่าจะเป็นดูฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าเราจะไดแอคต่างๆ ว่าไดร์เวอร์ยังทำงานถูกต้องดีอยู่หรือเปล่า มี Blue Screen ขึ้นมาก็สามารถเช็คอัพได้ เครื่องอาจจะมีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อย ก็กดเช็คอัพจาก My ASUS ตัวนี้ได้เลย ดูสุขภาพแบตเตอรี่ตั้งโหมดการทำงานจะเปิดพัดลมโหมดไหนจะเอา Performance หรือว่าโหมดประหยัดไฟหรือว่าหมดเงียบทำได้หมดเลย
แล้วก็มีตัวช่วยอย่าง WiFi Smart Connector นะ ซึ่งรุ่นนี้เนี่ย Chipset เขารองรับ WiFi 6 อยู่แล้วแต่พอทำงานร่วมกันกับ WiFi Smart Connector จะช่วยเลือกเน็ตเวิร์คที่มีคุณภาพดีที่สุดแล้วก็รักษาการ Connect อันนั้นเอาไว้ เรียกว่าเป็น WiFi สเตบิไลเซอร์ด้วยในตัวก็ถือว่าสะดวกมากๆ สามารถทำทุกอย่างได้บน My ASUS ซอฟต์แวร์ตัวนี้ตัวเดียวเลย จะติดต่อพนักงาน Customer Support ก็ทำได้มีแบบสอบถามมีพูดคุยอยู่ในแชทได้เลยและอีกอย่างหนึ่งที่ชอบมากก็คือ Link to my ASUS เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนของเราเชื่อมต่อลิงค์เป็น ASUS Account เดียวกันแล้วก็สามารถแชร์ไฟล์จากมือถือไปยัง Notebook เครื่องนี้ได้แบบสะดวกสะดวกเลย
ASUS ZenBook Flip 13 รหัสรุ่นนี้ก็คือ UX363EA-HP115TS เป็นรุ่น Intel Core i7 ราคาอยู่ที่ 39,990 บาท มาพร้อมจะบริการหลังการขายรับประกัน 3 ปีเต็มบริการ On Site Service ไปซ่อมให้คุณถึงบ้านเลยไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตามแล้วก็มีประกันอุบัติเหตุด้วย Perfect Warranty 1 ปีแรก ถือว่าเป็น Notebook ที่มีความครบเครื่องมาก ทั้งความบางความเบาพกพาสะดวกเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในระดับ Greater ทำงานได้สบายเลยใครที่มองหา Notebook ที่ต้องการความครบเครื่องระดับนี้จัดไปเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม ASUS