จาก Mavic mini ตัวแรก 1 ปีผ่านไป DJI ปรับปรุงรุ่นใหม่เป็น Mini 2 ตัดคำว่า Mavic ออกไป ขนาดลำเท่าเดิม น้ำหนัก 249 กรัมเท่าเดิม แต่ปรับปรุงมอเตอร์ให้มีกำลังมากขึ้น บินสู้ลม Level 5 แล้ว
แกะกล่อง DJI Mini 2
คือโดรนตัวล่าสุดที่ DJI แอบเปิดตัวใหม่อย่างเงียบๆ ไม่มีข่าวบอกล่วงหน้าเลยอยู่ดีๆ ก็มาแต่จริงๆ แล้วรุ่นนี้ ตัวแรก ออกมาแล้ว 1 ปี นี่คือ DJI Mini 2 เพื่อให้สมกับความเป็น Mini 2 วันนี้เราได้มา 2 ตัวเลย ทำไมต้อง 2 ตัวเพราะว่าตัวนึงมาจากร้านเทพแกดเจ็ตอีกตัวนึงมาจากร้าน Zoom Camera ทั้ง 2 ร้านได้ส่งมาให้รีวิวพร้อมกันเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ก็รีวิวแล้วใครชอบร้านไหนใครเป็นแฟนร้านไหนก็ไปซื้อร้านนั้น ทั้งเทพแกดเจ็ต แล้วก็ Zoom Camera ขอบคุณทั้ง 2 ร้านและเพื่อให้สมกับความเป็น DJI Mini 2 เราก็เลยรีวิวพร้อมกัน 2 ตัวไปเลย เราไปดูก่อนว่า DJI Mini 2 แตกต่างจากรุ่นแรกอย่างไรบ้าง
ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกของ DJI Mini 2 ก็คือคำว่า Mavic หายไปแล้ว ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากเขาต้องการจะแยกประเภทของโดรนให้ชัดเจน Mavic จะใช้กับโดรนที่มีขนาดใหญ่ราคาค่อนข้างสูง แกะของออกมาจากกล่องสิ่งที่เราจะได้รับถูกเซ็ททุกอย่างมาในกระเป๋าแบบนี้มีมาตั้ง DJI Mavic Air 2 แล้ว
ซึ่งทุกคนที่ซื้อโดรนไปใช้เนี่ยจะชอบแบบนี้มาก แล้วมาดูกันมากในกระเป๋าไม่มีอะไรให้มาบ้างเอ่ย เขาเซ็ทของมาค่อนข้างดีเลยทีเดียวกระเป๋าทรงนี้เลยใช้งานได้ดีมากอันดับแรกคือ DJI Mini 2 ตัวเล็กๆ เบาๆ ต่อมาก็รีโมทคอนโทรล อันนี้หน้าตาคล้ายๆ กับรีโมทของ Mavic Air 2 แสดงว่าตัวนี้ต้องรองรับการบินสัญญาณแบบ Occusync 2.0 แล้วก็ทำให้สัญญาณดีกว่าเดิมแน่นอนตอนรุ่นแรกเนี่ยใช้รีโมทแบบเก่าบินไปนิดเดียวเนี่ยขึ้นสัญญาณไม่ค่อยดีล่ะ ตัวนี้น่าจะมั่นใจขึ้นด้วยเพราะว่า Air 2 ทำได้ดีมากครับเดี๋ยวเรามาลองของจริงกัน
นี่อันนี้คือแท่นชาร์จครับถ้าเป็นชุดคอมโบนะเขาก็จะมีแบตเตอรี่มาให้ 3 ก้อน ซึ่ง 2 ก้อนอยู่ในแท่นชาร์จแบบนี้แล้วอีกก้อนหนึ่งจะใส่มาในตัวโดรน ซึ่งกันมีแท่นชาร์จแบบนี้ดีกว่า Mavic Air 2 อีกนะ เพราะว่า Mavic Air 2 มันจะต้องเสียบเข้า เสียบออกวิธีการดึงเนี่ยมันดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แบบนี้ดีกว่าชอบแบบนี้มากกว่านี้
เรามาพูดถึงเจ้าตัว DJI Mini 2 กัน อันดับแรกคือเขาทำเป็นเพราะเป็น Propeller holder แบบนี้มามันช่วยให้การเก็บลงกระเป๋าเนี่ยง่ายขึ้นมากมันเป็นตัวรัดซึ่งเวลาเราเก็บลงไปเนี่ยมันก็จะช่วยให้เจ้าพวกใบพัดมันไม่ห้อยร่องแล่งแล้วเก็บได้อย่างเป็นระเบียบเพราะฉะนั้นตัวนี้อย่าทำหายนะเก็บไว้ดีๆ มันก็จะช่วยให้เราเก็บลงกระเป๋าได้อย่างเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
แก้ตัวฝาครอบ Gimbal ออกมานี่เป็น Gimbal 3 แกน นะครับแล้วก็กางออกมาคตัวเล็กมากแล้วก็เบาด้วยอันนี้ยังไม่ได้ใส่แบตเดี๋ยวขออนุญาตใส่แบตนิดนึงนะแบตเตอรี่ใส่ตรงนี้เปิดฝาท้ายขึ้นมาแล้วก็เอาแบตเตอรี่ไปแบบนี้ โอเคเสร็จเรียบร้อยที่มีน้ำหนัก 249 กรัม มาถึงตรงนี้ขออนุญาตใช้พื้นที่ในการอธิบายเรื่องนี้ไปด้วยเลย เห็นว่าหลายๆ คนจำนวนมากที่อยากจะเล่นโดรนแล้วยังไม่มีความเข้าใจเรื่องของกฎกติกาการบินโดรนทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย ต้องบอกก่อนว่าในประเทศไทยกับต่างประเทศเนี่ยมันคนละกฎกัน
ทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายการบินโดรน
อันดับแรกคนส่วนใหญ่จะไปเพ่งเล็งเรื่องของน้ำหนักโดนว่าแบบนี้ไงเขาเขียนไว้ว่าไม่เกิน 249 G เวลาคนอื่นรีวิวฉก็จะพูดว่าไม่ต้องขออนุญาตไม่ต้องลงทะเบียน คำว่าไม่ต้องขออนุญาตไม่ต้องลงทะเบียนมันเป็นกฎสากล แล้วเราก็จะไปเอาคำคำนั้นน่ะมาใช้ในประเทศไทยเพราะเราแหละเพราะเราไม่อยากลงทะเบียนแล้วเราไม่อยากขออนุญาตแต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ เพราะเราพยายามเข้าใจผิดหรือพยายามไม่เข้าใจกฎที่ถูกต้องแล้ว เราไปเผลอทำผิดแล้วจะมาเดือดร้อนที่หลัง เพราะฉะนั้นเราจะมาทำความเข้าใจกันใหม่
อันดับแรกในเมืองนอกเขาใช้กฎสากลเป็นกฎการบินร่วมกัน คือวัตถุที่บินได้มีกล้องหรือไม่มีกล้องก็ตามแต่น้ำหนักไม่เกิน 250 กรัมถือเป็นของเล่นสามารถบินในที่สาธารณะได้เลยโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนขออนุญาตคำว่าไม่ต้องลงทะเบียนและไม่ต้องขออนุญาตไม่ได้หมายความว่าอิสระเสรีบินที่ไหนก็ได้บินยังไงก็ได้ก็ไม่ผิดไม่ใช่นะเขาวางกฎเอาไว้หลาวๆ โดยที่เขามีเนื้อหาต่อจากนั้นว่าถ้าใครที่มีผลกระทบหรือถูกละเมิดจากการบินของคนนั้นให้ไปฟ้องร้องกันเอาเอง มันฟ้องร้องกันได้ตอนนั้นเขาวางกฎไว้หลวมๆ เพราะอะไรเพื่อที่ว่าใครอยากบินก็บินไง บินแล้วไม่มีใครเดือดร้อนก็แล้วกันไป แต่ถ้าบินแล้วมีคนเดือดร้อนหรือมีคนไม่พอใจขึ้นมาคุณก็เป็นคดีกว่าแน่นอนนี่คือกฎสากล ที่นี้มาถึงกฎในประเทศไทยบ้าง พอมาถึงกฎในประเทศไทยสิ่งที่อยากจะให้ลบทิ้งให้หมดเลยก็คือ 249 กรัมไม่เกิน 250 กรัมไม่เกิน 1 กิโลกรัมไม่เกิน 2 กิโลกรัม ลบตัวเลขของน้ำหนักทิ้งเลย
โดรนเราจะน้ำหนักเท่าไหร่ก็ช่างโดรนจะหนักมากหนักน้อยเบาแค่ไหนก็ช่าง ราคาเท่าไหร่ก็ช่างไม่เกี่ยวด้วยราคาก็ไม่เกี่ยวจะเครื่องละ 990 บาทเครื่อง 1,200 บาทหรือว่าเครื่องละหมื่นกว่าบาทแบบนี้ มีข้อแม้เดียวถ้าโดรนของเรามีกล้องต้องลงทะเบียนกับกสทช. และทำใบอนุญาตบินกับกรมการบินพลเรือนง่ายๆ สั้นๆ เพราะการมีกล้องนี่แหละที่จะทำให้โดรนของเรามันเป็นละเมิดคนอื่นได้ถ้าโดรนไม่มีกล้องไม่ต้องทำอะไรเลยเราบินไปเลย แต่ถ้ามีกล้องเมื่อไหร่นะก็ต้องลงทะเบียนและทำใบอนุญาติบินซึ่งในใบอนุญาติบินก็ต้องมีการทำประกันอีกเพราะว่าถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมาประกันก็ต้องไปจ่ายชดเชยตรงนั้น ง่ายก็คือลงทะเบียนก็คือทำทะเบียนของโดรนเครื่องนี้ มันเหมือนเราซื้อรถมาเราก็ต้องทำทะเบียน เพื่อให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเจ้าของชื่ออะไรบ้านอยู่ไหนมีเบอร์โทรติดต่อหรือเปล่า
อันดับที่ 2 ใบอนุญาติบินก็เปรียบเสมือนกับใบขับขี่ใบขับขี่รถยนต์นั่นแหละ แต่มันผูกติดกับตัวโดรนเพราะว่ามันออกโดยกรมการบิน กรมการบินไทยไม่มีสิทธิ์ที่จะออกใบขับขี่ติดตัวเราได้เพราะว่าเขาดูแลเรื่องวัตถุที่มันต้องบินอยู่บนท้องฟ้าเขาก็เลยต้องไปทำใบขับขี่ให้มันพูกอยู่กับตัวโดรนเราจะบินที่ไหนเนี่ยเราก็ต้องมีใบอนุญาติบินบางคนไปตั้งแง่อันนี้ไม่ต้องลงทะเบียนแสดงว่าบินได้ใช่ไหม พักก่อนลงทะเบียนกับใบอนุญาตบินคนละเรื่องกันแยกให้ออกเลยนะลงทะเบียนเพื่อให้รู้เฉยๆ ว่าโดรนอันนี้ของใครเวลามีปัญหาจะได้ตามตัวได้ เราจะไม่ลงทะเบียนก็ได้แต่เวลาบินจะไม่มีใบอนุญาตบินไม่ได้ต้องมีใบอนุญาต ลงทะเบียนอย่างเดียวแล้วไปบินก็ผิด ต้องมีใบอนุญาตยังไม่จบแค่นี้แยกออกเป็นอีกเรื่องนึงมีใบอนุญาตบินแล้วก่อนจะบินเนี่ยเราต้องดูด้วยว่าตรงนั้นเป็นที่สาธารณะหรือที่เป็นส่วนบุคคล
ถ้าเป็นที่สาธารณะก็ต้องขออนุญาต ขออนุญาตเจ้าหน้าที่บ้านเมือง, อำเภอตำบล, เขต, อบต, อบจ, ผู้ใหญ่บ้าน ต้องขอหมดใช้เป็นเจ้าของที่ใครที่เป็นคนดูแลพื้นที่สาธารณะตรงนั้นต้องไปขออนุญาตกับหน่วยงานนั้นเป็นที่ส่วนบุคคลต้องขออนุญาตเจ้าของที่ รายละเอียดมันมีเยอะแต่ถ้าเราเข้าใจแล้วเนี่ยมันง่ายมากเลยก็คือแยกเป็น 3 เรื่องคือลงทะเบียน, ใบอนุญาตบินแล้วก็การขออนุญาตบิน นี่คือกฎของบ้านเราถามว่าทำไมมันถึงยุ่งยากขนาดนี้บางคนอาจจะไม่เข้าใจ กฎเป็นของหน่วยงานรัฐบาลแบบนี้ก็เพราะว่าถ้าไม่มีกฎเราก็บินกันโดยอิสระเสรีแล้วการละเมิดมันจะรุนแรงขึ้นแล้วมันก็จะทำให้ตามตัวคนยากยิ่งขึ้นขณะที่เราเป็นคนละเมิดเราไม่อยากให้ใครตามตัวเราเจอ แต่เวลาเราโดนละเมิดเนี่ยเราก็อยากให้มีกฎหมายขึ้นมาทำไมไม่หาตัวคนดิ้นไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดซะว่าเราไม่ได้เป็นคนทำผิดแต่เราอาจจะโดนทำผิดสักวันนึงก็ได้เพราะฉะนั้นเข้าใจเรื่องนี้กันแล้วเน๊อะ ไปเราไปดูประสิทธิภาพของ DJI Mini 2 กันดีกว่า
สถานที่ในวันนี้เรามากันที่สนามบิน Hatairat Rc Airfield ที่นี้เป็นสถานที่ได้รับอณุญาตให้บิน เรื่องบิน Rc หรือว่าโดรนได้อยากถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นการบินในวันนี้ถือว่าถูกต้องทุกประการจากประสบการณ์ที่เคยบิน Mavic Mini 1 มาแล้ว พูดได้เลยว่า DJI Mini 2 ตัวนี้สัญญาณดีกว่าเยอะด้วยรีโมทแบบเก่านะของ Mavic Mini ตัวแรกมันสัญญาณมันไม่มั่นคงและแข็งแรงเท่าตัวนี้แล้วก็จะเจอปัญหาสัญญาณอ่อนแล้วใช้รีโมทตัวนี้กับระบบ Occusync 2.0 ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับ Mavic Air ถูกก็ทำให้สัญญาณดีขึ้นมาก เวลาเราบินไปไกลๆ เรามั่นใจกว่าเดิมมากแล้วก็ไม่มีอาการเรื่องของสัญญาณอ่อนทำให้เราต้องตื่นเต้นหรือหวาดเสียวเลย คราวนี้คนที่ใช้ DJI Mini 2 เนี่ยก็จะมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น
DJI Mini 2 พอหันมาใช้รีโมทแบบเดียวกันกับ Mavic Air 2 แล้วเนี่ยนอกจากได้สัญญาณที่ดีขึ้น ยังทำให้การบังคับนี่มั่นใจมากขึ้น การบังคับจับถือตัวรีโมทก็ดีขึ้นด้วย เนื่องจากรีโมททรงนี้ออกแบบมาดีมากหนีบมือถือด้านบนทำให้การเสียบสายก็ง่ายขึ้น แล้วเวลาบังคับควบคุม Balance หรือว่าน้ำหนักมันทำให้เราควบคุมทั้งโดรนและตัวรีโมทได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังทำให้สเปคของระยะของการบินดีขึ้นด้วย Occusync ถ้าเป็นเมืองนอกเปิดสัญญาณความถี่เต็มที่ของเขาเนี่ยสามารถไปได้ไกลถึง 10 กิโลเลยทีเดียวนะแต่พอมาถึงประเทศไทยกฎหมายในประเทศไทยได้มีการปรับความแรงของสัญญาณลดลงทำให้ระยะที่บินได้ DJI Mini 2 ที่ซื้อในประเทศไทยจะบินได้ระยะไกลสุดคือ 4 กิโลเมตรครับ จริงแล้วนะ 4 กิโลเมตรก็ไม่น่าบินนะเพราะว่ามันดูอันตรายไปนิดนึงโดรนลำเล็กๆ แบบนี้เราบินในระยะ Line of Sight คือระยะที่สายตาเรามองเห็นตัวโดรนอยู่แค่นี้ก็พอแล้วสักประมาณ 800 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร กำลังดีนะ เลยจากนี้ไปนานๆ อันตรายแล้วไม่ควรแล้ว
แบตเตอรี่ก็บินได้ 31 นาที เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นแรกนิดเดียวรุ่นแรกบินใน 30 นาที ก็บินได้ดีอยู่แล้วตัวนี้ขยับขึ้นนิดนึง
เรื่องของการถ่ายภาพและวีดีโอ
แล้วก็สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากตัวสเปคกล้องก็คือเรื่องของการถ่ายวีดีโอเขาถ่ายวีดีโอของเดิมเนี่ย Mini ตัวแรกนะถ่ายได้ 2.7K ไม่ถึง 4K ตัวนี้เพิ่มขึ้นมาให้ถ่าย 4K ได้ ถ่ายวีดีโอ 4K ได้ แล้วก็เพิ่ม Bitrate ของวิดีโอให้ด้วยเป็น 100mbps ของเดิมนี่ถ่ายได้แค่ 40mbps เองนะทำให้เนื้อวีดีโอที่ได้จากการถ่ายด้วย DJI Mini 2 ภาพดีกว่าเดิมมาก สมบูรณ์กว่าเดิม มีความละเอียดเข้มข้นสีสันความสว่างรายละเอียด Detail ของภาพดีกว่าเดิมมาก
แล้วก็ทำ Digital Zoom ได้ด้วยในขณะที่เราถ่ายวีดีโอแล้วจะเห็นว่ามีเมนู 1x อยู่แล้วกดเข้าไปก็เป็น 2x 4x ได้ คือบางทีเราไม่อยากจะบินเข้าไปไกล้ๆ วัตถุบางอย่างเราก็ใช้วิธีซูมเข้าไปก็ได้ ก็ช่วยให้เราบินถ่ายง่ายขึ้น
เรื่องของถาพนิ่งของภาพนิ่งในตัวแรกเนี่ยไม่สามารถถ่ายแบบ Raw file ได้นะครับคราวนี้พอมาเป็น DJI Mini 2 ก็ถ่ายเปิดโหมดเป็น JPEG+Raw file ได้แล้วเอาภาพไปปรับแต่งได้ง่ายขึ้นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกก็คือเรื่องของการถ่ายพาโนรามาแต่เดิมเนี่ยทำไม่ได้เลยหมดพาโนรามา ก็จะมี Sphere, 180° องศา, Wide-Angle
เดี๋ยวลองมาดูตัวอย่างภาพกัน
เหมือนเป็นการยกความสามารถของ DJI Mavic Air 2 มาใส่ในนี้เลยแหละเกือบทั้งหมดเลยมันจะทำให้โดรน 2 ตัวนี้ ต่างกันแค่น้ำหนักกับราคาเท่านั้นเองคนก็อาจจะตัดสินใจยากขึ้น เพิ่มอีกนิดหน่อยก็ไป mavic Air 2 ได้เลย อีกเรื่องที่เพิ่มมากก็คือ Quick Short ก็เพิ่มอีกอันนึงเพิ่ม Boomerang เข้ามา
ตัวอย่าง Boomerang อีกเรื่องนึงคือเรื่องของการสู้ลมเป็นปัญหาเดิมจาก DJI Mini ตัวแรกหลายคนบ่นว่าไปบินชายทะเลหรือว่าไปบินตามสถานที่แบบลมแรงๆ สู้ลมไม่ได้เลย Joystick ให้มันเดินหน้าไม่ไป สวนลมไม่ได้เลย เขาก็เลยปรับปรุงในเรื่องของมอเตอร์ให้มีกำลังมากขึ้น สามารถสู้ลมได้มากขึ้นอีกระดับนึงจาก LV.4 มาเป็น LV.5 ก็จะสามารถสู้ลมในระดับ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปจนถึง 38 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ แต่ท้ายตัวมันเบามากๆ มันสู้ลมได้ตัวมอเตอร์แรงขึ้นจริงแต่มันเบามันก็เซอยู่ดีเสียตำแหน่ง
DJI Mini 2 ที่มีน้ำหนักเบามากๆ ทำให้เวลาบินเนี่ยอาจจะมีอาการไหลหรือว่าเรียกว่าเสียตำแหน่งเล็กน้อยเขาจะเลื่อนออกจากจุดที่เขาเคยมีอยู่ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ปรับที่ Stick ของตำแหน่งเลยก็ตามนะเรามาดูตัวอย่างกัน ตอนที่บินมีลมพัดมาประมาณ 8-10km/h เขาจะเสียตำแหน่งนิดนึง ออกไปทางซ้ายเพราะน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาต้องระวังนิดนึง
เวลาที่เราไปบินตามสถานที่ต่างๆ ที่มีลมแรงๆ เช่นชายทะเลหุบเขาภูเขาที่เป็นต้นไม้และมีด้านในเปิดโล่งพอเราบินออกไปในที่โล่งๆ ลมอาจจะตีจนกระทั่งเครื่องบินเรากระเด็นไปเลยก็ได้ต้องระวังนิดนึง
ความเร็วของ DJI Mini 2
สิ่งที่ไม่มีใน DJI Mini 2
อันดับแรกเลยก็คือไม่มีเซ็นเซอร์กันชน เนื่องจากเขาออกแบบมาให้เป็นโดรนราคาประหยัดสำหรับมือเริ่มต้น เห็นหลายคนใน Group Facebook นะมาบ่นว่า “ทำมาเพื่อคนที่เล่นโดรนมือใหม่ทำไมไม่ใส่เซ็นเซอร์มาด้วย” ถ้าใส่เซ็นเซอร์มาราคามันน่าจะไม่ใช่ 14,000 แน่ๆ น่าจะแพงกว่านี้ 3 หมื่นกว่าบาทก็คงไม่มีใครซื้อแน่ๆ เพราะว่ามันแพงเกิน ที่สำคัญไปเนี่ยไม่ควรใช้อุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างเซ็นเซอร์กันชนเพราะมือใหม่ควรจะบินด้วยความรู้สึกในการควบคุมเครื่องเพื่อให้เราสามารถเอาอยู่ถ้ามีตัวช่วยตั้งแต่วันแรกอาจจะประมาทกว่านี้มากๆ แล้วก็จะเป็นบ่อเกิดของความผิดพลาด เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่ามือใหม่ต้องมีเซ็นเซอร์ไม่ควรมี และการที่เขาไม่ใส่มาให้ก็เพื่อทำให้มันราคาถูกเขาทำมาให้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
อีกอย่างที่ทำไม่ได้คือ ActiveTrak 3.0 ในเมนู Quickshot เราสามารถ Traking ได้เผื่อว่าจะทำเมนูนั้นได้สำเร็จ แต่พอเราจะถ่ายแบบให้โดรนติดตามตัวเราไปเรื่อยๆ ไม่สามารถใช้จริงได้ข้อจำกัดที่ต่างจาก Mavic Air 2 น่าจะเป็นอันนี้อันเดียวที่ต่างกันเพราะว่าไม่อย่างนั้นจะเหมือนกันทุกอย่างเลย
อีกอย่างนึงที่ต่างกันก็คือ DJI Mini 2 ไม่มี Memory ในตัว Mavic Air 2 มี Memory 8GB ถ้าลืมเอา Memory การ์ดมายังพอถ่ายได้สัก 5 นาที 8 นาที 10 นาที Full HD แต่ตัวนี้ถ้าลืมเอาการ์ดมาจบเลยนะบินเล่นได้อย่างเดียวไม่สามารถบันทึกวีดีโอได้ก็ต่างกันประมาณนี้
สรุปกันเลย DJI Mini 2 เป็นโดรนไซส์เล็กสุดของ DJI ที่น่าใช้ขึ้นมากเลยหลังจากที่ปรับปรุงมาใช้รีโมทแบบเดียวกับ Mavic Air 2 แล้วก็หันไปใช้ระบบสัญญาณแบบ Occusync 2.0 ทำให้ระบบสัญญาณการเชื่อมต่อหรือการควบคุมตัวโดรนกับตัวรีโมทคอนโทรลมันมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทำให้เราจะไม่ต้องกังวลเหมือนที่ผ่านมาเลย มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีขึ้นนะแม้กระทั่งเรื่องของการสู้ลมมันโดนเป็นโดรนลำเล็กสุดแล้วมันก็น่าจะน้ำหนักเบามากๆ ใช่ไหม มันไม่น่าจะสู้ลมได้นี่เขาก็ปรับสปีดมอเตอร์ให้สามารถสู้ลมได้ขึ้นมาดีในระดับหนึ่ง แล้วก็อย่าลืมว่านี่คือโดรนลำเล็กสุดที่เขาออกแบบมาให้มีราคาประหยัดมากๆ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีเซ็นเซอร์ป้องกันการชนใดๆ เลยนะการบินก็จะต้องระมัดระวังมากๆ ด้วย
เขามี 2 ราคาให้เลือกนะ ชุดแรก 14,500บาท แล้วก็ชุด Combo 19,000 บาท มันจะมีแบต 3 ก้อนพร้อมแท่นชาร์จให้ด้วยอยากได้ชุดเล็กชุดใหญ่ไปหาซื้อกันได้เลย
ซื้อได้ที่ lnwgadget และ Zoom camera ทั้ง 2 แห่งนี้ เลยต้องขอขอบคุณด้วยที่ที่สนับสนุนทางล้ำหน้าโชว์แล้วส่งมาให้รีวิวทีเดียว 2 ลำเลย ขอบคุณมากๆ สุดท้ายเลยฝากไว้ถ้าเราอยากจะบินโดรนอย่าลืมสิ่งเหล่านี้สำคัญมากๆ
- ลงทะเบียนกับ กสทช.
- ทำใบอนุญาตบินกับกรมการบินพลเรือน
- ขออนุญาตเจ้าของพื้นที่
ทำตามกฎแล้วเราก็จะบินได้อย่างมีความสุขเสรีแล้วก็สบายใจกันทุกฝ่าย คิดจะบินโดรนก็ต้องรับผิดชอบตัวเองและคนอื่นด้วยน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม