สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Huawei Technologies Co Ltd ของประเทศจีน อยู่ระหว่างการเจรจาขั้นต้นเพื่อขายสมาร์ทโฟนแบรนด์พรีเมียมตระกูล P และตระกูล Mate การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจทำให้บริษัทต้องออกจากธุรกิจการผลิตสมาร์ทโฟนระดับ high-end ในที่สุด
แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า การเจรจากันระหว่าง Huawei กับบริษัทการลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเซี่ยงไฮ้นั้น ดำเนินมาหลายเดือนแล้ว เริ่มจาก Huawei สำรวจความเป็นไปได้ในการขายแบรนด์ P และ Mate ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2020 แรงจูงใจที่ทำให้คิดว่า Huawei จะขายแบรนด์ high-end อย่าง Mate และ P ออกไปนั้น มาจากวิกฤตที่บริษัทไม่สามารถหาชิปเซ็ตได้เพียงพอ
จากข้อมูลของ IDC การจัดส่งสมาร์ทโฟนซีรี่ส์ Mate และ P ระหว่างไตรมาส 3 ปี 2019 ถึงไตรมาส 3 ปี 2020 มีมูลค่า 3.97 หมื่นล้านดอลลาร์
สมาร์ทโฟนซีรี่ส์ P และ Mate ถือเป็นตัวท็อปอันดับต้นๆ ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับ high-end ของประเทศจีนที่แข่งขันกับ iPhone ของ Apple , Mi และ Mix ซีรี่ส์ของ Xiaomi และ Find ซีรี่ส์ของ OPPO และมีข้อมูลจาก Counterpoint ช่วงไตรมาส 3 ปี 2020 ว่า Mate และ P ซีรี่ส์ทำยอดขายรวมกันได้เกือบ 40% ของยอดขายทั้งหมดของ Huawei
อย่างไรก็ตาม Huawei ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องการขาย อีกทั้งแหล่งข้อมูลก็ยังไม่ทราบผลของการเจรจา รวมถึงข้อมูลที่มีก่อนหน้านี้ Huawei เองยังคงพยายามหาทางผลิตชิป Kirin ระดับ high-end แบบ in-house ออกมาให้ได้เพื่อจะขับเคลื่อนสมาร์ทโฟนของบริษัทต่อไป
อีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่ดีลการซื้อ-ขายแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับ high-end ของ Huawei อาจคล้ายกับดีลของ Honor โดยที่บริษัทลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเซี่ยงไฮ้อาจมีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรกับตัวแทนจำหน่ายของ Huawei เพื่อครอบครองแบรนด์ P และ Mate
ทางฝั่ง Huawei ทราบถึงข่าวลือเรื่องการขายแบรนด์สมาร์ทโฟน high-end แล้ว และโฆษกของ Huawei ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้วว่า บริษัทไม่มีแผนจะขายอย่างที่ข่าวลือได้กล่าวไว้ ส่วนรัฐบาลเซี่ยงไฮ้กล่าวว่าไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและปฏิเสธจะให้ความเห็นเพิ่มเติม
เชื่อว่า Huawei เองยังคงมีความหวัง แม้จะเป็นความหวังเล็กๆ ก็ตาม ต้องมาดูกันว่ารัฐบาลสหรัฐฯโดยการบริหารงานของประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องการกีดกันและกำหนดข้อจำกัดด้านซัพพลายเชนที่รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำไว้กับ Huawei ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019 หรือไม่
ที่มา : REUTERS