พรีวิว OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับสโลแกน Picture Life Together ตัวเครื่องดีไซน์สวย กับสีสันที่สะดุดตา พร้อมลูกเล่นถ่ายวิดีโอมากมาย โดยเฉพาะในโหมด Portrait ที่เก็บบันทึกช่วงเวลาดีๆ ได้ที่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว แต่สนุกไปกับเพื่อนๆ และคนรักได้แบบครีเอทสุดๆ
การเปิดตัว OPPO Reno5 Series จะมาพร้อมกันเลย 2 รุ่นคือ OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G ความต่างของ 2 รุ่นนี้อย่างแรกเลยก็คือ OPPO Reno5 จะเป็นตัวเริ่มต้น รองรับ 4G ส่วน OPPO Reno5 5G ก็ตามชื่อเลย รองรับการใช้งาน 5G ได้แล้ว ส่วนเรื่องของดีไซน์ สเปค และฟีเจอร์ด้านกล้องนั้นก็จะมีแตกต่างกันบ้าง
วันนี้ทีมงานล้ำหน้าฯ เราก็จะมาทำการ พรีวิว แกะกล่อง OPPO Reno5 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นไปพร้อมๆ กัน มาดูกันบ้างว่าในกล่องมีอะไรมาให้บ้าง และดีไซน์ของเครื่องซีรี่ย์นี้ ที่ต้องบอกว่า ทำออกมาได้สวยลงตัวเลยทีเดียว
แกะกล่อง Unbox
ตัวแพ็กเกจของทั้ง 2 รุ่นนี้ หน้าตาเหมือนกันเลย เป็นกล่องทรงยาวขนาดมาตรฐานตามสไตล์ของออปโป้ จะมีตัวแจ็กเก็ตด้านนอก ใช้สีเป็นสีฟ้าเทอควอยซ์ (turquoise) ที่ดูแปลกตา โดยที่หน้ากล่องมีเขียนเลข 5 เอาไว้ตัวใหญ่ๆ และระบุชื่อรุ่นไว้เรียบร้อย
แกะเข้ามาในกล่อง ตัวเครื่องห่อไว้ด้วยซีลพลาสติกอย่างเรียบร้อย อุปกรณ์ต่างๆ มีแถมมาให้ครบถ้วนเรียบร้อย ตั้งแต่เคสใสแบบ TPU เอาไว้ใส่ป้องกันรอยขีดข่วน และความเป็นเคสใสคุณก็ยังโชว์สีสันตัวเครื่องได้อยู่ และยังมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น + เอกสารการรับประกัน และเข็มสำหรับจิ้มถาดซิม
ด้านล่างสุด มีอุปกรณ์เสริมมาให้ไม่มีถอดทิ้ง จัดมาให้ครบทั้ง หูฟังสมอล์ทอล์กแจ็กเสียบแบบ 3.5 มม. สาย USB-A to USB-C สำหรับเอาไว้ชาร์จไฟและถ่ายโอนข้อมูล และอแดปเตอร์ชาร์จ ที่เป็นรุ่นรองรับ 65W SuperVOOC 2.0 เรียกว่าแกะกล่องมาเปิดใช้งานได้ ไม่ต้องไปซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่ม
สัมผัสดีไซน์
มาดูที่ดีไซน์ของเครื่องกัน ต้องบอกว่า หน้าตาภายนอกของทั้ง 2 รุ่นนี้ มีความคล้ายกัน (หรือเรียกว่าเหมือนกันเลยก็ได้) ทั้งการวางเลย์เอาท์ของปุ่ม, พอร์ตเชื่อมต่อ, ตำแหน่งกล้อง ฯลฯ จะมีต่างกันเล็กน้อยกับมิติเครื่องที่หนาบางไม่เท่ากัน (แต่ก็ต่างกันไม่ถึงมิลลิเมตร) และน้ำหนักที่มากน้อยกว่ากันเล็กน้อย ซึ่งอันนี้ลองดูเทียบในข้อมูลสเปคด้านท้ายของบทความนี้ได้เลย
เรื่องของสี ตัว OPPO Reno5 จะมี 2 สี คือ สีเงิน Fantasy Silver และ สีดำ Starry Black ส่วน OPPO Reno5 5G ก็มี 2 สีเช่นกัน คือ สีเงิน Galactic Silver และ สีดำ Starry Black
สี Fantasy Silver ใน OPPO Reno5 และ Galactic Silver ใน OPPO Reno5 5G จะเป็นเทคนิคทำสี Reno Glow แบบใหม่ ที่มีความพิถีพิถัน เมื่อลองสัมผัสดูจะให้ความรู้สึกสากๆ ไม่ลื่นมือ โดยจะมี texture ของอนุภาคคริสตัลเล็กๆ นับล้าน ที่เกิดจากการทำ Diamond Spectrum Process ที่มีคุณสมบัติ ever-changing color แสดงเฉดสีเหลือบเงาได้นับพันสี โดยเปลี่ยนไปตามมุมหรือสภาพแสงที่เปลี่ยนไป โดยจะแสดงสีเป็นโทนหลักๆ 5 สีด้วยกันคือ สีเขียว, เหลือง, ฟ้า, ม่วง และส้ม
คุณอาจจะสงสัยว่า สีเงินของทั้ง 2 รุ่นนี้ ทำไมชื่อไม่เหมือนกัน ต้องบอกว่า Galactic Silver ใน OPPO Reno5 5G นั้นจะใช้กระบวนการที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก โดยใช้ AG Glass ที่ทำพื้นผิวให้มีโครงสร้างแบบพีรามิด ทำให้มีพื้นที่ในการสร้างแสงสะท้อนมากขึ้น ดูสว่างไสวและระยิบระยับมากกว่า
ประมาณว่าทางวางไว้แล้วมีแล้วมีแสงไฟส่อง มันจะดูมีสีสันไล่เฉด พร้อมเห็นเม็ดประกายเหลือบ และยิ่งเป็นแสงที่สว่าง ก็จะให้ความรู้สึกว่าฝาหลังที่ใช้เทคนิค Reno Glow นั้น ดูสว่างมีออร่า ไม่ได้สว่างแบบสะท้อนแสงแยงตา
และอีกจุดเด่นของฝาหลังที่ใช้เทคนิคสี Reno Glow ใหม่นี้ก็คือ มีการเคลือผิวด้านทับอีกชั้นบนฝาหลัง จึงช่วยป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ ทำให้เวลาถือจับใช้งาน มีคราบรอยนิ้วมือเกิดขึ้นน้อยลง คือยังมีอยู่บ้างแต่มองเห็นได้น้อยมาก และทำการเช็ดได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนตัวเครื่องสีดำ Starry Black การทำสีของฝาหลังนั้นจะเป็นดำที่มีมิติของเหลือบแสงสะท้อน ให้เห็นเป็นเงาแวววับแบบจางๆ ตามทิศทางของแสงที่ส่องหรือมุมที่เรามอง โดยพื้นผิวจะเป็นเคลือบแบบเงา ให้ความรู้สึกที่หรูหรา น่าค้นหา
มาดูกันต่อกับดีไซน์ ตัวเครื่องด้านหลังจัดวางกล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED เอาไว้ในโมดูลทางซ้ายบน ซึ่งทำออกมาเล่นระดับ 2 ชั้น และไม่ได้นูนสูงออกมามากนัก และจะมีโลโก้ของ OPPO อยู่ที่อีกฝั่ง วางเรียงตามแนวนอน เพื่อให้เห็นเวลาถือสมาร์โฟนถ่ายรูปแบบกล้อง
กล้องหลังของทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นแบบ 4 เลนส์ Quad-camera และสเปคเหมือนกัน โดยตัวกล้องหลักจะความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล (F/1.7) ทำงานร่วมกับกล้องมุมกว้าง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล, กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล และ กล้องโมโน 2 ล้านพิกเซล
ฝาหลังทำขอบโค้งด้านข้างแบบ 3D รับกับเฟรมเครื่องที่ทำสีเป็นแบบมันวาวดูพรีเมี่ยม และยังช่วยให้ถือจับได้ถนัดมือมากขึ้นอีกด้วย
ด้านหน้า จอขนาด 6.43 นิ้ว เป็นแบบ AMOLED ให้สีสันที่สวยสดคมชัด 16.7 ล้านพิกเซล ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (410ppi) เป็นจอที่อยู่ในเกรดที่ดี ให้ค่ารีเฟรชเรตที่ 90Hz และค่าความสัมผัสได้สูงสุดถึง 180Hz ทำให้เวลาใช้งานรู้สึกลื่นไหล ทั้งการเปิดหน้าเว็บ เลื่อน Scroll เมนู รวมไปถึงการเล่นเกม
ตัวจอมีเว้นรูกล้องบริเวณซ้ายบนแบบ Punch-hole ขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่ค่อยเกะกะสายตา สเปคกล้องหน้าของ 2 รุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดย OPPO Reno5 กล้องเซลฟี่ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล ส่วน OPPO Reno5 5G จะอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล ส่วนลำโพงสนทนาและเซ็นเซอร์ต่างๆ จะหลบอยู่บริเวณขอบของเครื่องชิดกับจอ
ระบบสแกนลายนิ้วมือ ให้มาเป็นแบบเซ็นเซอร์ซ่อนเอาไว้ใต้จอ สามารถกดสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคบนหน้าจอได้ตรงบริเวณด้านล่างของจอ มีความเร็วในการแสกนได้อย่างแม่นยำ
ด้านข้างของเครื่อง ปุ่ม Power เพื่อเปิดปิดเครื่องจะอยู่ทางขวา ส่วนปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียงจะอยู่อีกฝั่งทางด้านซ้าย และจะมีช่องถาดซิมอยู่ใกล้ๆ
OPPO Reno5 จะเป็นถาดซิมแบบ 2 ซิม + microSD OPPO Reno5 5G ใส่ได้ 2 ซิม เพิ่ม microSD ไม่ได้
ทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของถาดซิมเล็กน้อย ตัว OPPO Reno5 ถาดซิมจะเป็น Triple Tray รองรับ 2 นาโนซิม กับช่องใส่ microSD ได้อีก 1 ช่อง ส่วนของ OPPO Reno5 5G จะรองรับ 2 นาโนซิม แต่จะไม่มีช่องใส่ microSD (ก็คือเพิ่มหน่วยความจำไม่ได้)
ด้านล่างตัวเครื่อง มีช่องลำโพงเสียง ที่ทำงานคู่กับลำโพงตัวบน ให้เสียงแบบสเตอริโอได้ และมีช่องพอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่ และโอนถ่ายข้อมูล, ช่องไมค์สนทนา และมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรด้วย
อีกสิ่งที่ต้องพูดเลยคือเรื่องความบางและน้ำหนักเครื่อง OPPO Reno5 Series นั้น ยังคงเสน่ห์เรื่องนี้เอาไว้ได้ โดยที่ OPPO Reno5 ความหนาจะอยู่ที่ 7.7 มิลลิเมตร (สี Starry Black) และ 7.8 มิลลิเมตร (Fantasy Silver) น้ำหนักก็เพียงแค่ 171 กรัมเท่านั้น
ส่วน OPPO Reno5 5G ตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 172 กรัม (สี Starry Black), 180 กรัม (สี Galactic Silver)
จากที่ลองสัมผัส เรียกได้ว่า สวยงามมากๆ โดยเฉพาะสี Galactic Silver นี่ล่ะ การที่เปลี่ยนสีได้เป็นพันเฉด ตามแสงที่กระทบ ทำให้มันดูมีชีวิตชีวา รวมถึงการเคลือบด้านทำให้เกิดลายนิ้วมือน้อยมากๆ ใช้งานแบบไม่ต้องใส่เคสเลยก็ได้ เพราะจับถนัดแถมเอาไว้โชว์ความวิบวับสวยงามของเครื่องกันด้วย
แนะนำฟีเจอร์เด่น
เรามี พรีวิว ฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอแบบใหม่ของ OPPO Reno5 Series 5G กับ Dual-view Video ที่ให้คุณถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน ให้คุณสร้างสรรค์การทำคลิปรูปแบบใหม่ๆ หรือทำ VLOG ก็ง่ายและสะดวกมากๆ และตามคอนเซปต์ของรุ่นนี้คือ Picture Life Together ความสนุกในการถ่ายวิดีโอ ที่ไม่จำเป็นต้องถ่ายคนเดียว แต่สามารถถ่ายพร้อมกันกับเพื่อนได้
และมุมมองในการถ่ายมีให้เลือกได้ 3 แบบด้วยกันคือ แบบแบ่งครึ่งจอ, แบบ Picture in Picture เป็นจอเล็กวงกลม กับแบบจอเล็กเป็น 4 เหลี่ยม ซึ่งเราเลื่อนย้ายตำแหน่งจอได้ด้วย
อีกฟีเจอร์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีฟีเจอร์นี้ในการถ่ายวิดีโอด้วยสมาร์ทโฟน กับ AI Mixed Portrait ถ่ายวิดีโอแล้วซ้อนกัน 2 คลิป ที่เป็นได้ทั้งแบบ Blend 2 คลิปซ้อนกัน หรือจะเป็นแบบ silhouette เล่นคลิปซ้อนในเงา Portrait
ตัวคลิปแรกจะเป็นคลิปฉากหลัง อันนี้จะใช้วิธีถ่ายตอนนั้นเลย หรือจะเปิดเอาคลิปที่เคยถ่ายไว้มาใช้ก็ได้ จากนั้นก็จะเป็นการถ่ายพอร์ตเทรต (เลือกได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง) จากที่ลองเล่นแล้ว สนุก แปลก และได้คลิปที่เจ๋งมากๆ
นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่ายภาพ Portrait, ถ่ายภาพกลางคืน ที่เก็บสีสันได้สวยงามสดใสคมชัดทุกสภาพแสง และลูกเล่นอีกมากมาย ไว้เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังในรีวิวตัวเต็มอีกที
แนะนำสเปค OPPO Reno5 Series
แนะนำสเปคโดยรวมของทั้ง 2 รุ่นนี้แบบคร่าวๆ กัน OPPO Reno5 ใช้ชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon 720G Octa-core 2.3GHz ใส่ RAM มา 8GB และหน่วยความจำ 128GB เพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และรองรับการใช้งานรองรับ 3G/4G แบตเตอรี่ 4,310 mAh ส่วนเทคโนโลยีการชาร์จไวจะเป็นแบบ 50W Flash Charge
สเปค OPPO Reno5
- ขนาด 159.1 x 73.3 มิลลิเมตร
- หนา 7.7 มิลลิเมตร (สี Starry Black), 7.8 มิลลิเมตร (Fantasy Silver)
- น้ำหนัก 171 กรัม
- หน้าจอ 6.43 นิ้ว AMOLED FHD+ 1080×2400 รีเฟรชเรต 90Hz, Touch Sampling 180Hz
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G Octa-core 2.3GHz
- ชิปประมวลผลกราฟฟิก GPU Adreno 618
- RAM 8GB LPDDR 4x
- หน่วยความจำภายใน 128GB UFS 2.1
- กล้องหน้า 44MP f/2.4
- กล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera
- กล้องหลัก 64MP f/1.7
- กล้อง Ultra Wide 8MP มุมกว้าง 119 องศา f/2.2
- กล้อง Macro 2MP f/2.4
- กล้อง Mono 2MP f/2.4
- แบตเตอรี่ 4,310 mAh Lithium-ion
- รองรับระบบชาร์จเร็ว 50W
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C
- รองรับเครือข่าย 3G/4G
- รองรับ 2 ซิม Nano SIM (เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB) ถาดแบบ Triple-tray
- Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz
- Bluetooth 5.1
- ระบบปฎิบัติการ ColorOS 11 บนพื้นฐาน Android 11
- มีให้เลือก 2 สี สีดำ Starry Black, สีเงิน Fantasy Silver
ทางด้าน OPPO Reno5 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G Octa-core 2.4GHz ให้ RAM 8GB และหน่วยความจำ 128GB เหมือนกัน แต่จะเพิ่ม microSD ไม่ได้ รองรับการใช้งาน 3G/4G/5G กับทุกโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการ 5G ในไทยแล้วตอนนี้ และแบตเตอรี่ 4300 mAh ที่ให้เทคโนโลยีชาร์จที่เร็วกว่า เป็น 65W SuperVOOC 2.0
สเปค OPPO Reno5 5G
- ขนาด 159.1 x 73.4 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 172 กรัม (สี Starry Black), 180 กรัม (สี Galactic Silver)
- หน้าจอ 6.43 นิ้ว AMOLED FHD+ 1080×2400 รีเฟรชเรต 90Hz, Touch Sampling 180Hz
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G Octa-core 2.4GHz
- ชิปประมวลผลกราฟฟิก GPU Adreno 620
- RAM 8GB LPDDR 4x
- หน่วยความจำภายใน 128GB UFS 2.1
- กล้องหน้า 32MP f/2.4
- กล้องหลัง 4 เลนส์ Quad Camera
- กล้องหลัก 64MP f/1.7
- กล้อง Ultra Wide 8MP มุมกว้าง 119 องศา f/2.2
- กล้อง Macro 2MP f/2.4
- กล้อง Mono 2MP f/2.4
- แบตเตอรี่ 4,300 mAh Lithium-ion
- รองรับระบบชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C
- รองรับเครือข่าย 3G/4G/5G NR
- รองรับ 2 ซิม Nano SIM (เพิ่ม microSD ไม่ได้)
- Wi-Fi 2.4GHz, 5GHz
- Bluetooth 5.1
- ระบบปฎิบัติการ ColorOS 11 บนพื้นฐาน Android 11
- มีให้เลือก 2 สี สีดำ Starry Black, สีเงิน Galactic Silver
ระบบชาร์จเร็วของ OPPO Reno5 จะเป็น Flash Charge 50W ชาร์จเร็วของ OPPO Reno5 5G เป้น SuperVOOC 2.0 65W
โปรโมชั่น Pre-Order OPPO Reno5 Series 5G
OPPO Reno5 Series 5G จะเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 26 มกราคมนี้ เวลา 19.00 น. สำหรับราคานั้น เรายังไม่บอก (เพราะว่าเราก็ยังไม่รู้ 555) แต่เราแอบเอา โปรโมชั่น สั่งจองล่วงหน้า Pre order มาบอกกันก่อน
สำหรับใครที่อยากได้ OPPO Reno5 Series 5G ก่อนใคร มีโปรโมชั่น Pre-Order สั่งจองล่วงหน้า รับฟรีไปเลยของสมนาคุณพิเศษ
สำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno5 จะได้รับ เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ Smart Scale และ บัตร E-VIP Card
และผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno5 5G จะได้รับ เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ Smart Scale, ลำโพง Bluetooth Speaker และ บัตร E-VIP Card
ขอจบกันแค่นี้ก่อนนำหรับ พรีวิว OPPO Reno5 Series 5G อย่าลืมติดตามรับชมการถ่ายทอดสด งานเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการทาง Facebook : OPPO Thailand เวลา 19.00 น. แล้วเดี๋ยวเรามาดูรีวิวกันแบบเต็มๆ อีกที