รีวิว Redmi Note 9T 5G และ Redmi 9T สมาร์ทโฟนที่เขย่าตลาดไทยกันตั้งแต่ต้นปี 2021 เพราะเปิดตัวมาด้วยสเปคที่คุ้มกับ ราคา ฟีเจอร์มาให้ครบ แบตอึด ดีไซน์สวย ที่ต้องร้องว้าวกันเลยก็คือ Redmi Note 9T ที่รองรับใช้งาน 5G ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 6,999 บาทเท่านั้น ต้องยกตำแหน่ง สมาร์ทโฟน 5G ที่ราคาคุ้มที่สุดในตลาดตอนนี้ไปให้เลย
สำหรับ รีวิว นี้ ทีมงานล้ำหน้าฯ ขอเสนอพร้อมกันทีเดียว 2 รุ่นเลย ซึ่งทั้งคู่นี้มีจุดเด่นและฟีเจอร์หลายอย่างที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ที่เหมือนกันก็คือ ความเป็น Redmi ที่เต็มเปี่ยมเหมือนเดิม เน้นเรื่องสเปคต่างๆ ที่พร้อมสำหรับการใช้งานรอบด้านได้อย่างน่าพึงพอใจ
ถ้าย้อนไปดูยอดขายในปีที่แล้ว สมาร์ทโฟนของ Redmi นั้นถือว่าได้รับความนิยมและมียอดขายติดอันดับต้นๆ ในไทยสำหรับกลุ่ม ราคา ระดับเริ่มต้น, สมาร์ทโฟน ราคาไม่เกิน 5,000 บาท และสมาร์ทโฟนงบประมาณราคาไม่เกิน 10,000 บาท
รีวิว Redmi 9T
เป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา ไม่เกิน 5,000 บาท ที่จัดสเปคมาได้น่าสนใจ รอบนี้ที่สะดุดตามากๆ คือการออกแบบที่สวยงามโดดเด่นมากขึ้น เรื่องสเปคก็อัปเกรดเพิ่มจากรุ่นก่อนให้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องกล้อง, หน้าจอ, RAM, แบตเตอรี่ ฯลฯ
แกะกล่อง
แพ็กเกจกล่องของ Redmi 9T นั้น ที่หน้ากล่องจะมีรูปเครื่องโชว์อยู่บนกล่องสีขาว บนพร้อมตัวเลขระบุความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 6,000 mAh ส่วนที่ด้านข้างใต้กล่อง จะเป็นฉลากระบุสีและรุ่นความจุ ตัวที่เราได้มารีวิวจะเป็นรุ่นเริ่มต้นคือ RAM 4GB และ ROM 64GB และสีเป็น Sunrise Orange
ภายในกล่อง วัสดุต่างๆ เป็นกระดาษทั้งหมด สะดวกในการนำไปรีไซเคิล ไม่เป็นภาระให้กับสิ่งแวดล้อมโลก โดยจะมีอุปกรณ์ให้มาครบ ทั้งเคสใสแบบ TPU, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เข็มจิ้มถาดซิม, สายชาร์จแบบ USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จ 22W
มาเริ่มดูกันกับดีไซน์ของตัวเครื่อง สำหรับ Redmi 9T จะมีสีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สีด้วยกัน คือ Carbon Gray, Twilight Blue, Ocean Green และสีที่อยู่ในรีวิวนี้ เป็นสีส้ม Sunrise Orange ที่สวยสดจี๊ดเข็ดฟันมากๆ
การออกแบบตัวเครื่องของ Redmi 9T นั้น เน้นที่ความเรียบง่าย ด้วยมุมโค้งมนที่ลงตัวกระชับมือ ส่วนฝาหลังทำพื้นผิวเป็นแบบด้านพร้อมลวดลายเล็กๆ ทำให้จับได้ไม่ลื่นมือ และยังช่วยให้ไม่เป็นลายนิ้วมืออีกด้วย พร้อมยังใสลวดลายสะท้อนแสงแบบ Gradient เป็นรัศมีจากตำแหน่งของชุดโมดูลกล้อง ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย วางตำแหน่งจัดเรียงได้ลงตัว
และที่ฝาหลัง จะมีเล่นกราฟฟิกตัวหนังสือคำว่า “Redmi” ที่วางถือในแนวนอนก็จะเห็นเด่นชัด
ด้านหน้า เป็นจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ค่าความสว่างสูงสุด 400 nits เว้นตำแหน่งกล้องตรงกลางแบบ Dot Drop แล้วมีกระจกครอบด้านหน้าเป็น Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการป้องกันหน้าจอและรอยขีดข่วนได้ค่อนข้างดี
ปุ่มและพอร์ตต่างๆ รอบเครื่อง รุ่นนี้มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่รวมร่างอยู่กับปุ่ม Power เอาไว้ที่ด้านข้างฝั่งขวา ใกล้ๆ กับปุ่มปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง เป็นตำแหน่งที่สแกนได้ค่อนข้างสะดวก
ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิมจะอยู่ทางด้านขวา รุ่นนี้ถาดเป็นแบบ Triple-tray ใส่ได้ 2 ซิมขนาด Nano SIM และช่องใส่ microSD ที่รองรับใส่ได้สูงสุดถึง 512GB เรียกว่าถ้ากลัว ROM ไม่พอใช้ก็ใส่ microSD เพิ่มเอาก็ได้
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีลำโพงเสียง, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster ส่วนด้านล่างเป็นช่องไมค์สนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อ+ชาร์จไฟแบบ USB-C และลำโพงเสียงอีกตัว ซึ่งทำงานร่วมกันแยกเป็นเสียงลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
งานประกอบและดีไซน์ ลองจับลองถือแล้วค่อนข้างชอบครับ ด้วยตัวเครื่องขนาดกำลังดีพอดีมือ ด้วยมิติ 162.3 x 77.3 มิลลิเมตร หนา 9.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 198 กรัม อาจจะไม่ได้บางมากเพราะใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 6000 mAh รวมถึงเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่ก็ไม่ได้หนาจนรู้สึกเทอะทะอะไร ส่วนฝาหลังที่เป็นแบบด้านอันนี้ประทับใจ เพราะมันแทบจะไม่มีลายนิ้วมือขึ้นเลย ส่วนสีส้มก็ดูสดใสวัยรุ่น รวมกันออกมาดูไม่เป็นมือถือพลาสติก แต่ให้ความรู้สึกที่สวยพรีเมี่ยมระดับนึงเลยล่ะ
ประสิทธิภาพ+การใช้งาน
Redmi 9T ใช้ชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.0 GHzแบบ 11nm ชิปประมวลผลกราฟฟิค Adreno 610 ตัวหน่วยความจำจะมีแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันคือ RAM 4GB + ROM 64GB และ RAM 6GB + ROM 128GB
รุ่นที่เราได้ทดสอบเป็นตัวเริ่มต้น RAM 4GB + ROM 64GB การทำงานทั่วๆ ไปนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ กับการใช้งานแอปพลิเคชั่นพื้นฐานต่างๆ ตอบสนองได้ดี การเล่นเกมถือว่าพอใช้ได้ตามสไตล์มือถือระดับนี้ คือเล่นได้แต่อาจจะต้องปรับค่ากราฟฟิคได้ในระดับพื้นฐาน ถึงจะเล่นได้ลื่น ซึ่งถ้าเล่นเกมแล้วเลือกการปรับค่า default ตามที่ตัวเกมแนะนำคือเล่นได้ลื่นไม่สะดุด แต่ถ้าเจอเกมขนาดใหญ่ก็มีหน่วงบ้างเล็กน้อยเวลาโหลดเกม
แต่จุดดีของ Redmi 9T เลยก็คือเรื่องแบตเตอรี่ ที่ให้มาถึง 6,000 mAh ที่อึดแบบเหลือกินเหลือใช้ เล่นเกมดูหนัง ก็ยังอยู่ได้รอดได้เต็มวัน โดยเรื่องการชาร์จรองรับเร็วสุดที่ 18W ในกล่องมีแถมอะแดปเตอร์ชาร์จ 22W มาให้เรียบร้อย เอาไว้ชาร์จเอง หรือให้เพื่อนที่ใช้ไอโฟนยืมชาร์จก็ได้ แต่ด้วยตัวเครื่องแบตเตอรี่ใหญ่ 6,000 mAh การที่จะชาร์จจนเต็มก็อาจจะใช้เวลานานนิดนึง คือเกิน 1 ชั่วโมง อ้อ! แล้วด้วยความที่มีแบตมาให้อย่างเยอะ จึงมีระบบ Reverse Charge เอาสายแบบ OTG มาใช้ชาร์จแบตให้มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย
สำหรับสายบันเทิง ถือว่า Redmi 9T ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนงบน้อย เพราะด้วยราคาไม่ถึง 5,000 บาท แต่ตัวจอก็ยังได้มาตรฐานรับรอง Widevine L1 ดูคอนเทนต์อย่าง Netflix ได้แบบคมชัด ตัวจอก็ได้มาตรฐาน TÜV Rheinland Low Blue Light ลดแสงสีฟ้าทำให้เกิดอาการตาล้าลดลง รวมกับลำโพงที่เป็นแบบสเตอริโอคู่ ทำให้ดูหนังได้อารมณ์มากยิ่งขึ้น
ทดสอบใช้งานกล้อง Redmi 9T
กล้องหลังของ Redmi 9T เป็นแบบ 4 เลนส์ ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.79 autofocus
- กล้องมุมกว้าง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2 เก็บมุมมองกว้างสุด 120 องศา
- กล้องมาโคร 2 ล้าน f/2.4 fixed focus
- กล้อง Depth Sensor 2 ล้านพิกเซล f/2.4
สเปคนี้ ถือว่าเป็นกล้องระดับมาตรฐานที่ให้มาค่อนข้างครบสำหรับการถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟน ด้วยความละเอียด 48MP แล้วยังมี AI มาช่วยประมวลผลเพิ่มเติม ให้การถ่ายภาพในหลายๆ สถานการณ์ทำได้ดี
การถ่ายภาพเก็บได้ทั้งภาพมุมปกติ ซูมได้ระยะไกลสุดแบบดิจิตอลได้ 10x แต่ระยะหวังผลที่ยังคมชัดอยู่ แนะนำที่ 2x โดยถ้าอยากจะเก็บมุมกว้างก็เก็บได้เพิ่มถึง 120 องศา และถ้าอยากถ่ายวัตถุใกล้ๆ ก็มีมาโคร 2 ล้านพิกเซล เก็บระยะใกล้สุดที่ประมาณ 4-8 เซนติเมตร
โหมดถ่ายภาพกล้องหลัง มีให้เปิดใช้ AI และ Beauty ได้, มีโหมด Pro สำหรับถ่ายปรับค่าได้อิสระ, โหมดความละเอียดสูง 48MP, พาโนราม่า, ถ่ายเอกสาร, Slo-mo และยังมีโหมดพิเศษอย่าง ถ่ายวิดีโอสั้น และ Timelapse
โหมดถ่ายภาพ Portrait ในการปรับหน้าชัดหลังเบลอ ทำได้ค่อนข้างดีในสภาพแสงกลางวัน และที่สภาพแสงสว่างเพียงพอ วัดระยะบุคคลแยกกับฉากหลังได้ค่อนข้างแม่นยำ กล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.05 ถ่ายเซลฟี่ดีใช้ได้ ในโหมด Portrait มีให้ปรับเบลอฉากหลัง หรือถ่ายแล้วมา edit ปรับค่า F เพิ่มลดความเบลอทีหลังก็ได้ พร้อมทั้งมีลูกเล่นจัดแสงไฟจำลองให้เปลี่ยนได้ด้วย พร้อมมี Beauty mode และฟิลเตอร์มาให้ปรับความฟรุ้งฟริ้งได้ด้วย และการถ่ายเซลฟี่ เลือกเปิด Plam Shutter ชูมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้กล้องถ่ายให้ได้อีกด้วย
วิดีโอ สามารถถ่ายได้ความละเอียดที่ 1080p 30fps และ 720p 30fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และสามารถใส่ Beauty และ Filter ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย แต่ตัวกล้องจะมีระบบกันสั่นแบบ EIS มาให้ ที่พอช่วยลดการสั่นไหวในการถ่ายวิดีโอได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมี Cinema Mode สำหรับหรับทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ คือจะสามารถครอปกรอบด้านบนและล่างลงมา เพื่อให้ได้พื้นที่ภาพเป็นแบบ 21:9 แบบในโรงหนัง ซึ่งเฟรมแบบนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกตา และดูกว้างกว่าปกติ
ตัวอย่างภาพถ่าย กล้อง Redmi 9T
ภาพถ่ายกล้องหลัง ด้วยมุมปกติ ภาพถ่ายกล้องหลัง ด้วยเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide 120 องศา
กล้องหน้าเซลฟี่ ปรับละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ (เลือกปรับที่หลังได้ด้วย) กล้องหน้ามี Beauty สำหรับปรับแต่งความสวยเนียนได้ กล้องหน้ามี Beauty สำหรับปรับแต่งความสวยเนียนได้
ภาพถ่าย Portrait ด้วยกล้องหลัง ภาพถ่าย Portrait ด้วยกล้องหลัง ภาพถ่ายด้วยมุมกว้างเลนส์ Ultra Wide
โหมดถ่ายภาพเวลากลางคืน จัดการเรื่องสีสันและความคมชัดให้ไม่สว่างพร่ามัว แต่ยังเก็บภาพในเงามืดได้ไม่ดีนัก
สรุป
Redmi 9T ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน ในงบประมาณ 5,000 บาท ที่ทำได้คุ้มราคาดีเลยทีเดียว ตัวเครื่องออกแบบมาสวยงามเหมาะมือ การเชื่อมต่อรองรับ 2G/3G/4G Dual Stand by เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5.0 มีวิทยุ FM เรียกว่ามีครบเลยล่ะ
สเปคนั้นถือว่าไม่ได้ขี้เหร่เลยสำหรับรุ่นราคาระดับเริ่มต้น การใช้งานทั่วไปทำได้ไหลลื่นดี แต่ถ้าทำงานหนักๆ หรือการถ่ายภาพ การบันทึกข้อมูลนั้นยังมีแอบทำงานหน่วงอยู่บ้าง ด้วยตัวเครื่องที่เรารีวิวนี้เป็นตัว RAM 4GB คาดว่าตัวรุ่น 6GB ก็จะทำงานได้รวดเร็วขึ้นกว่านี้
จุดที่จะถูกใจคุณแน่ๆ คือแบตเตอรี่ใหญ่เบิ้ม 6000 mAh ที่เหลือเฟือมากๆ หน้าจอขนาดใหญ่ แล้วมีลำโพงคู่สเตอริโอมาให้ด้วย เสียงอยู่ในระดับกลางๆ แต่ก็ช่วยให้อรรถรสในการดูหนังดียิ่งขึ้น
ราคา และช่องทางการจำหน่าย Redmi 9T
Redmi 9T ทั้งรุ่น 4+64GB และ 6+128GB จะวางจำหน่ายที่ AIS, dtac, True, Banana, BKK, Kingkong Phone, TG Fone, Jaymart, JD Central, Shopee, Lazada และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
- ขนาดความจุ 4+64GB ราคา 4,499 บาท วางจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564
- ขนาดความจุ 6+12GB ราคา 5,299 บาท วางจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2564
รีวิว Redmi Note 9T 5G
มาที่พระเอกอีกรุ่น ที่เปิดตัวมาทำเอาร้องฮือกันทั้งตลาด เพราะโผล่มาเป็นสมาร์ทโฟน 5G ในราคาที่คุ้มสุดในตลาดตอนนี้ โดยที่สเปคและประสิทธิภาพอื่นๆ ก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เรียกว่า ตลาดสมาร์ทโฟน ราคา ไม่ถึง 10,000 บาทในไทยตอนนี้ ลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที
แกะกล่อง
แพ็กเกจหน้าตาเรียบๆ เช่นกัน เป็นกล่องสีขาวที่มีรูปตัวสมาร์ทโฟนอยู่ด้านหน้า โดยจะมีแปะให้เห็น 5G เอาไว้ด้วย เพื่อบอกว่ารุ่นนี้รองรับ 5G ด้วยนะ ส่วนด้านในกล่องมีอุปกรณ์ให้ครบเช่นกัน ทั้งเคสใสแบบ TPU, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เข็มจิ้มถาดซิม, สายชาร์จ USB-A to USB-C และอแดปเตอร์ชาร์จแบบ 22W
ตัวเครื่อง Redmi Note 9T 5G จะมีให้เลือก 2 สีคือ สีม่วง Daybreak Purple และตัวที่ รีวิว นี้จะเป็นสีดำ Nightfall Black สไตล์ของฝาหลังจะเป็นแบบผิวสัมผัสแบบด้าน ที่มีการทำ texture เป็นลวดลายบนพื้นผิว ทำให้เวลาจับแล้วไม่ลื่นมือ และเกิดรอยนิ้วมือน้อย และยังมีความโค้งที่ขอบข้างแบบสามมิติ จับได้กระชับมือยิ่งขึ้น
ตัวฝาหลังจะเรียบๆ มีคำว่า Redmi และ 5G อยู่ที่บริเวณด้านล่าง ส่วนชุดกล้องหลังและไฟแฟลชจะเรียงเป็น 4 จุดอยู่ในกรอบรูปวงกลม ตำแหน่งการวางดูสมมาตร วางกลางบาลานซ์ซ้ายขวาดูเรียบร้อยสวยงาม
ด้านหน้าตัวเครื่อง จอแสดงผลขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ สัดส่วน 19.5:9 สว่างสูงสุด 450 nits เว้นตำแหน่างกล้องหน้าแบบ Punch-hole บริเวณมุมซ้ายของจอ แล้วครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ที่ทนต่อรอยขีดข่วนและการกระแทก
รอบเครื่อง ทางขวา จะเป็นปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง พร้อมกับปุ่ม Power ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว ส่วนทางซ้ายเป็นช่องถาดซิมแบบ Triple-tray ใส่ได้ 2 ซิมขนาด Nano SIM ที่รองรับ 5G ได้ทั้ง 2 ซิม และมีช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำได้แบบ microSD
ด้านบนเครื่องมีช่องไมค์ตัดเสียงรบกวน, พอร์ต IR Blaster และลำโพงเสียง ส่วนด้านล่างมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อ+ชาร์จไฟแบบ USB-C และลำโพงเสียงอีกตัว นั่นคือ Redmi Note 9T 5G มีระบบเสียงมาให้แบบลำโพงคู่สเตอริโอด้วย
โดยรวมแล้ว ขนาดตัวเครื่อง มิติ 161.96 × 77.25 มิลลิเมตร หนา 9.05 มิลลิเมตร และหนัก 199 กรัม มีการป้องกันน้ำแบบละอองหรือน้ำกระเด็นได้ ความถนัดในการถือใช้งานค่อนข้างโอเค คือตัวเครื่องไม่ได้ผอมเพรียวบาง น้ำหนักก็ถือว่ามากพอควร แต่ก็สมเหตุสมผลกับขนาดหน้าจอและแบตเตอรี่
ประสิทธิภาพ+การใช้งาน
Redmi Note 9T 5G ใช้ชิปเซ็ตเป็นของ MediaTek Dimensity 800U Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 7nm ตัวประมวลผลกราฟฟิคเป็น Mali-G57 GPU รองรับ 5G ใช้งานกับเครือข่ายในบ้านเราได้ทันที ทำงานร่วมกับ RAM 4GB LPDDR4X และหน่วยความจำที่มีให้เลือกได้ 2 ขนาดคือ 64GB UFS 2.1 และ 128GB UFS 2.2
รุ่นที่ทางทีมงานได้ทดสอบ จะเป็นตัว 4GB + 128GB ประสิทธิภาพถือว่าโอเค น่าพึงพอใจ กับสเปคที่เรียกว่าอยู่ในระดับตลาดเริ่มต้น โดยที่ตัวชิป Dimensity 800U ของ MediaTek ก็สามารถทำงานได้ในระดับที่ค่อนข้างดีทีเดียว อย่างการเล่นเกมนั้น กราฟฟิคหนักๆ เฟรมเรตระดับสูงก็ยังเล่นได้ แทบจะไม่เจออาการกระตุกหรือหน่วงเท่าไหร่ แต่จะมีเรื่องอุณหภูมิที่ยังแอบร้อนๆ อยู่บ้างเวลาที่เล่นเกมนานๆ
ส่วนเรื่องการดูหนังดูคลิป ก็ทำได้ดี มีลำโพงคู่แบบสเตอริโอ เสียงดังดีและหน้าจอที่ให้สีสันค่อนข้างดี ดู Netflix แบบคมชัดได้
แบตเตอรี่ 5000 mAh เรียกว่าให้มาเยอะเลย การใช้งานแบบเช้ายันเย็นจึงไม่เป็นปัญหาอะไร การชาร์จไฟจะเหมือนกับ Redmi 9T ที่รองรับชาร์จเร็ว 18w โดยมีหัวชาร์จแบบ 22w แถมมาให้ในกล่องเรียบร้อย ความเร็วนั้นก็ถือว่ายังไม่ได้เร็วจี้ดจ้าดมาก ชาร์จจนเต็มก็ต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า แต่ก็ยังเร็วกว่า Redmi 9T พอสมควร
เรื่อง 5G เป็นสิ่งที่ไม่พูดคงไม่ได้ เพราะมันคือจุดเด่นที่ทำให้เจ้านี่มีเสน่ห์ขึ้นมาทันที การเชื่อมต่อและรับสัญญาณทำได้ดีเลยล่ะ โดยที่ความเร็วอาจจะไม่ได้เร็วเท่ากับรุ่นอื่นๆ ที่ราคา 3-4 หมื่นบาท แต่ก็เร็วจนรู้สึกแตกต่างจาก 4G อย่างเห็นได้ชัด และแบตที่ให้มาเยอะขนาดนี้ ก็ทำให้คุณใช้งาน 5G ได้แบบหายห่วง
ทดสอบกล้อง Redmi Note 9T
เซ็ตอัพของ Redmi Note 9T จะแตกต่างจาก Redmi 9T ตรงที่จะมีเป็น 3 กล้อง ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.79 เซ็นเซอร์ 1/2 นิ้ว 4-in-1 Super Pixel
- กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- เซ็นเซอร์วัดระยะ 2 ล้านพิกเซล f/2.4
จะเห็นว่าที่หายไปคือ กล้องมุมกว้าง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล ทำให้ตัวนี้สามารถเก็บภาพได้ระยะ 1-10x แต่กล้องหลักก็มี 4-in-1 Super Pixel ที่ให้ความคมชัด และตัวซอฟท์แวร์กล้องของ Redmi Note 9T ก็มีประสิทธิภาพและฟีเจอร์หลายอย่างเพิ่มขึ้นมา
เมนูกล้องหลักๆ แล้วจะมีเหมือนกันหมด รวมถึงฟีเจอร์การถ่ายก็มีคล้ายๆ กัน ทั้งโหมดถ่ายภาพปกติ, รองรับ HDR ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง, Macro, โหมด Pro, Panorama, ถ่ายความละเอียดสูง 48MP, โหมดกลางคืน, ถ่ายวิดีโอ Slo-mo, Timelapse ฯลฯ
ถ่าย Portrait การจับระยะหน้าชัดหลังเบลอทำได้ค่อนข้างแม่นยำ สามารถถ่ายแล้วมาปรับค่ารูรับแสงทีหลังเองก็ได้ และยังปรับเอฟเฟคแสงให้ภาพได้อารมณ์ที่แตกต่างกันไป และมีทั้ง Beauty โหมดฟรุ้งฟริ้ง และฟิลเตอร์ย้อมสีภาพให้เลือกใช้ได้อีกเพียบ
กล้องหน้าเซลฟี่ 13 ล้านพิกเซล ตัวนี้สเปคเดียวกับ Redmi 9T ที่ให้คุณเซลฟี่ได้หน้าใสๆ แบบฟรุ้งฟริ้ง ปรับ HDR เวลาย้อนแสง และเลือกฟิลเตอร์แต่งภาพได้
ในส่วนของวิดีโอนั้น Redmi Note 9T จะทำได้ดีกว่า โดยจะมีโหมด VLOG ฟีเจอร์ที่ให้ถ่ายคลิปวิดีโอสั้นหลายๆ เทค แล้วตัดต่อสไตล์กับ Template ให้แบบรวดเร็ว ได้คลิปสำหรับโพสต์แชร์เท่ๆ ได้ทันที รวมถึงความคมชัด วิดีโอสามารถถ่าย 4K 30fps และ 1080p 60fps อีกทั้งยังมีระบบลดการสั่นไหวของวิดีโอได้ด้วย ทำให้เวลาเดินถ่ายวิดีโอมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แต่จะใช้ได้เฉพาะในความละเอียด 1080p 30fps
และการปรับเอฟเฟคตกแต่งภาพ ลูกเล่นมีเพิ่มส่วนของการเปลี่ยนท้องฟ้า ที่เปลี่ยนภาพถ่ายที่บางทีท้องฟ้าอาจจะไม่ค่อยสวย ให้ AI มาวิเคราะห์และซ้อนภาพท้องฟ้าใหม่ให้ดูสวยขึ้น แถมยังเลือกได้หลายอารมณ์ หลายรูปแบบ หรือจะทำเป็นคลิปเคลื่อนไหวก็ได้ด้วย เก๋ดีมากๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย กล้อง Redmi Note 9T
สรุป
Redmi Note 9T ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มระดับเริ่มต้น ที่ค่าตัวราคาไม่เกิน 10,000 บาท แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานหลายๆ อย่างที่ดีน่าประทับใจ ดีไซน์อาจจะดูเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นหรือมีลูกเล่นฉูดฉาด แต่ก็น่าจะถูกใจคนที่ไม่ได้เน้นแฟชั่นมาก ซอฟท์แวร์ภายในทำงานตอบโจทย์ครบถ้วนทุกอย่างที่ต้องการ มีให้ครบ หน้าจอขนาดใหญ่ มีลดแสงสีฟ้า มาตรฐาน TÜV Rheinland Low Blue Light ลำโพงคู่ ดูหนังดูคลิปได้แบบเพลินๆ
แบตเตอรี่รุ่นนี้ 5000 mAh ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานเต็มวัน และยังพัฒนามาให้รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้หลายปีโดยที่แบตจะเสื่อมคุณภาพลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แอบเสียดายที่ระบบชาร์จไวให้มาน้อยไปนิด เวลาชาร์จอาจจะต้องเสียบชาร์จทิ้งเอาไว้นานหน่อย
เรื่องกล้องถือว่าทำได้ดีไม่ขี้เหร่ ถ่ายภาพสวย เซลฟี่ใสๆ เอาไปโพสต์แชร์ลงโซเชียลได้ไม่อายใคร มีดีขึ้นมาตรงวิดีโอที่มีกันสั่นด้วยซอฟท์แวร์ ที่ช่วยให้เวลาเดินถ่ายวิดีโอออกมาดูนิ่งไม่สั่นไปมา และลูกเล่นแต่งภาพก็จัดมาให้เยอะพอสมควร
ส่วนที่ดีงามและทำให้ Redmi Note 9T ดูหล่อขึ้นมาทันทีก็คือ การรองรับใช้งาน 5G และเป็นแบบ 5G ทั้ง 2 ซิมด้วย ต้องขอบคุณชิป MediaTek Dimensity 800U ที่ประสิทธิภาพถือว่าน่าพอใจในการทำงานทั่วไป และส่วนโมเด็มเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ลองแล้วก็เร็วแรงไม่สะดุดอะไร จากที่ลองใช้ในเมืองการเชื่อมต่อจะได้ความเร็วที่ราวๆ 200-600Mbps แตกต่างกันไปตามสถานที่หรือความหนาแน่นของการใช้งาน
เรียกว่าถ้าคุณอยากได้ สมาร์ทโฟน 5G ราคางบที่ไม่สูงมาก Redmi Note 9T ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะเปิดราคามาตลาดแตก คุ้มสุดแล้วในตอนนี้
Redmi Note 9T 5G โปรโมชั่น ราคา และช่องทางการจำหน่าย
Redmi Note 9T มีให้เลือก 2 สี คือ Nightfall Black และ Daybreak Purple โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทย แบบ เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ JD Central ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2564 นี้ แบ่งเป็น 2 รุ่นความจุด้วยกันคือ
- ขนาดความจุ 4+64GB ราคา 6,999 บาท
- ขนาดความจุ 4+128GB ราคา 7,499 บาท
สำหรับในช่วงเปิดตัว จะมีการทำ โปรโมชั่น จองล่วงหน้า Early Bird กับทาง JD Cental วันที่ 9-15 มกราคม นี้ พร้อมรับพิเศษ ฟรี Mi Band 4C มูลค่า 599 บาท และซิม AIS 5G มูลค่า 99 บาท (ของมีจำนวนจำกัด)
- ขนาดความจุ 4+64GB ราคาพิเศษเพียง 5,999 บาท จากราคาปกติ 6,999 บาท เลือกซื้อได้ที่ลิ้งค์ https://bit.ly/38eS2xu
- ขนาดความจุ 4+128GB ราคาพิเศษเพียง 6,599 บาท จากราคาปกติ 7,499 บาท เลือกซื้อได้ที่ลิ้งค์ http://bit.ly/3ngkjYP