รีวิว Mi Watch นาฬิกาสมาร์ทวอชรุ่นแรกของ Xiaomi ที่ไม่ทำให้ผิดหวัง กับฟีเจอร์และดีไซน์ที่ครบครันมากๆ ส่วนเรื่อง ราคา ก็คุ้มเพียงแค่ 3,590 บาท ขายในไทยแบบ Exclusive ผ่านทาง JD Central
ในที่สุด Xiaomi ก็ทำนาฬิกาสมาร์ทวอชในชื่อแบรนด์ Mi เสียที รูปร่างหน้าตาทำออกมาสวยดูดี แถมยังมีฟีเจอร์มาให้พร้อมครบอย่างที่ต้องการ ที่สำคัญ ราคา ทำออกมาได้ดีมากๆ
Design การออกแบบ
มาดูกันที่ตัวแพ็กเกจของ Mi Watch แกะออกมา จะมีอุปกรณ์มาให้เพียงตัวนาฬิกา กับแท่นชาร์จ พร้อมสายเสียบแบบ USB-A แค่นั้นเลย ตัวเรือนจะเป็นสีดำ และสายนาฬิกาเป็นสีดำ รูปทรงหน้าปัดนาฬิกา เป็นแบบวงกลม ขนาด 1.39 นิ้ว ถือว่าใหญ่พอสมควร หน้าจอเป็น AMOLED ที่ให้สีสันสดใส คมชัด ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล การใช้งานกลางแจ้งถือว่าสู้แดดได้ค่อนช้างดี กับค่าสว่าง 450 nits
หน้าปัดครอบด้วยกระจกขอบโค้ง 2.5D เคลือบสารป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ ทำให้ใช้ระหว่างวันไม่ต้องเช็ดหน้าจอเวลาที่ใช้งาน การใช้งานควบคุมเป็นระบบสัมผัสหน้าจอ โดยจะมีปุ่มกดที่ด้านข้างตัวเรือนทางขวา 2 ปุ่ม ปุ่มแรกเป็นปุ่ม Home ใช้กดเพื่อกลับมาที่หน้าแรก หรือกดหน้ารวมเมนู หรือถ้ากดค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ก็จะเรียกเมนูปิด-รีสตาร์ทขึ้นมา
ส่วนอีกปุ่มด้านล่าง ที่มีคาดแถบสีแดง จะเป็นปุ่ม Sport เพื่อเรียกการใช้งานส่วนของการออกกำลังกาย ที่ตัวนาฬิกามีโหมดให้เราบันทึกการเล่นกีฬา และกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกมากึถง 117 โหมดกันเลยทีเดียว
ตัวเฟรมเรือนและฝาหลัง วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนต สีดำด้าน ที่ด้านหลังตัวเรือน จะมีเซ็นเซอร์แสงสำหรับใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และค่าออกซิเจนในเลือด โดยจะมี contact 2 จุดเพื่อแตะกับเขี้ยวของแท่นชาร์จสำหรับการชาร์จไฟ
สายนาฬิกาที่แถมมากับตัวเรือน วัสดุเป็นซิลิโคน ส่วนตัวรู้สึกว่าตัวสายค่อนข้างแข็งและกระด้างไปนิดนึง ซึ่งตัวสายนี้ สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย เพียงแค่ดันเขี้ยวที่อยู่ด้านใต้ ก็ถอดได้แล้ว และหาสายนาฬิกาแบบมาตรฐานทั่วไปมาเปลี่ยนใส่เองได้เลย
ด้วยที่ต้วเรือนวัสดุเป็นพลาสติก ทำให้มันมีน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงแค่ 32 กรัมเท่านั้น ใส่แล้วไม่รู้สึกว่าหนักข้อมือหรือรำคาญเวลาที่ออกกำลังกายหรือใส่นอน รวมถึงการกันน้ำ สามารถกันได้ที่มาตรฐาน 5ATM คือ ลึก 50 เมตร ใช้สวมใส่เล่นกีฬาว่ายน้ำได้ หรือใส่อาบน้ำก็ไม่มีปัญหา
สรุปสำหรับส่วนของดีไซน์ Mi Watch ทำออกมาได้ดูดีเลยทีเดียว ด้วยรูปแบบที่ดูเรียบๆ สีดำ หน้าจอที่ใหญ่ทรงกลม หน้าจอแสดงผลเป็น AMOLED ที่สีสันสวยคมชัด ทำให้เวลาใส่แล้วเหมาะเจาะ เข้ากับการแต่งกายได้หลากหลาย ไม่ดูฉูดฉาดหรือโดดเด่นจนเกินไป แต่จะมีติดอยู่ตรงที่ขนาดหน้าปัดที่ค่อนข้างใหญ่ จะมีปัญหากับสาวๆ ที่ข้อมือเล็ก อาจจะใส่แล้วรู้สึกดูใหญ่เกินไป
Connect การทำงานและเชื่อมต่อ
Xiaomi Mi Watch ทำงานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านทาง Bluetooth 5.0 LE ที่รองรับได้ทั้งระบบ Android ได้ทุกแบรนด์ ไม่ต้องเป็น เสียวหมี่ก็ใช้ได้ ขอให้เป็น Android 4.4 ขึ้นไป หรือจะใช้ iPhone ก็ไม่มีปัญหา รองรับได้ตั้งแต่ iOS 10.0 ขึ้นไป โดยการทำงานคุณจะต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่น Xiaomi Wear เสียก่อน
ในแอปฯ เราจะต้องทำการติดตั้งและลงทะเบียนผู้ใช้ Xiaomi Account ให้เรียบร้อย ตั้งค่าข้อมูลน้ำหนัก ส่วนสูง อายุ เพศ ให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้จัดการเรื่องข้อมูลสุขภาพได้ถูกต้อง จากนั้นไปจัดการตั้งค่าในส่วการแจ้งเตือน Notification ต่างๆ กับ แจ้งเตือนสายเรียกเข้า เพราะตัว Default นั้นตั้งเป็นปิดไว้
เมนูหลักในแอปฯ Xiaomi Wear จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ
- สถานะ คือหน้าแรกที่เข้ามาในเว็บ จะบอกสถิติข้อมูลกิจกรรม การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การนอน ฯลฯ
- ออกกำลังกาย เป็นการสั่งเริ่มกิจกรรมการออกกำลังกาย ทั้งการวิ่งกลางแจ้ง, ลู่วิ่ง, การเดิน, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง
- โปรไฟล์ เป็นส่วนการปรับแต่งการตั้งค่า Mi Watch ตั้งแต่เปลี่ยนหน้าจอ Watch Face, การแจ้งเตือน, คู่มือการใช้ และการอนุญาตต่างๆ
การใช้งานตัวนาฬิกา
เมื่อเราเซ็ตค่าเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว จากนี้เราก็มีหน้าที่สวมใส่ Mi Watch เอาไว้ตลอดเวลา เพื่อที่จะเก็บข้อมูลกิจกรรม การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย รวมไปถึงการนอนของเรา เพื่อนำไปวิเคราะห์ด้านต่างๆ ให้เรา
การใช้งานเราจะควบคุมผ่านทางระบบสัมผัสที่จอ และปุ่มที่ด้านข้าง กดที่ปุ่ม Home เพื่อเรียกหน้ารวมเมนุและแอพต่างๆ ที่มีติดตั้งมาให้ในนาฬิกา ที่มีทั้งการบันทึกกิจกรรมการออกกำลังกาย การดูค่าด้านสุขภาพต่างๆ อันนี้เราสามารถดูได้แบบวันต่อวัน ถ้าจะดูย้อนหลังจะต้องไปเปิดดูในแอปบนสมาร์ทโฟน
เวลาเลือกใช้งานในแต่ละแอป ถ้าต้องการ back ย้อนกลับ ให้ปัดบนหน้าจอจากทางซ้ายมาขวา และที่หน้า Home ที่เป็นหน้าปัดหลัก เมื่อปัดจากบนลงล่าง จะแสดงข้อความแจ้งเตือน
และถ้าปัดจากล่างขึ้นบน จะเรียกเมนูด่วนสำหรับปรับเมนูด่วน อย่างการเปิดปิดไฟหน้าจอเพื่อใช้เป็นไฟฉาย, ปิดเปิดระบบปลุกจอเมื่อยกมือขึ้นดู, ตั้งนาฬิกาปลุก, โหมดห้ามรบกวน, สั่งเปิดจอค้าง และเข้าเมนู Setting
ปัดเลื่อนซ้ายขวาที่หน้า Home จะเอาไว้ดูข้อมูลจาก Widget ที่เราตั้งเอาไว้ (ไปปรับเปลี่ยนได้ที่ในแอปฯ) ใช้ดูกราฟของ อัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าความเครียด, ข้อมูลการนอน, สภาพอากาศ, วัด SpO2, ควบคุมการเล่นเพลง, ข้อมูลกิจกรรมตลอดทั้งวัน
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ของ Xiaomi Mi Watch
ต้องถือว่า Mi Watch มีการออกแบบการใช้งาน และฟีเจอร์มาให้ค่อนข้างครบถ้วนลงตัว มีทุกอย่างที่สมาร์ทวอทช์ควรจะมี รีวิว นี้เราจะพูดถึงฟีเจอร์ที่มีให้มาในเครื่อง ที่น่าสนใจ และไม่อยากให้คุณลืมที่จะใช้งานมัน
การออกกำลังกาย : อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่า Mi Watch รองรับการเล่นกีฬา และกิจกรรม มากมายถึง 117 โหมด โดยที่ตัวนาฬิกามี GPS สำหรับระบุพิกัดใส่มาให้ด้วย ทำให้การใช้งานกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ปั่นจักรยาน เดิน สามารถเก็บข้อมูลเส้นทาง, ระยะทาง, ความเร็ว ฯลฯ ได้จากตัวนาฬิกาเอง ไม่ต้องดึงข้อมูล GPS ในสมาร์ทโฟน แถมยังมีโหมดสำหรับกีฬาหนักๆ อย่าง วิ่งเทรล, ปีนเขา, ฟิตเนส, เครื่องเล่นอุปกรณ์ต่างๆ ไปจนถึงไตรกีฬาก็ยังใช้ได้ด้วย เรียกได้ว่า ครอบจักรวาลสำหรับคนออกกำลังกาย
ระหว่างการออกกำลังกาย แสดงผลข้อมูลตัวใหญ่มองชัดดี และที่ขอบรอบจอจะแสดงโซนของ HR เราแบบ 5 โซน สำหรับใครที่อยากออกกำลังกายแบบคุมโซนก็ทำได้
อีกทั้งการวิเคราะห์ความฟิตของร่างกาย มีการประเมินค่า VO2Max มาให้ด้วย ซึ่งเวลาที่คุณออกกำลังกายวิ่งบ่อยๆ ค่าความฟิตตรงนี้จะมีขึ้นมา ที่จะประเมินได้ว่าคุณออกกำลังกายดีแค่ไหน และร่างกายมีความฟิตแข็งแกร่งในระดับใด
ตรวจจับการนอนที่ละเอียด : Mi Watch สามารถตรวจจับการนอนได้ค่อนข้างละเอียด แบ่งเป็น 4 stage คือ การหลับลึก, หลับตื้น, REM และการตื่นนอน ระบบจะนับและประเมินให้คะแนนว่า การนอนของเราเพียงพอ และมีคุณภาพหรือไม่
วัดค่า SpO2 : การวัดค่าออกซิเจนในเลือด กลายเป็นสิ่งที่ต้องสนใจ เพราะส่งผลต่อกับสุขภาพของเราแบบฉุกเฉิน ยิ่งในสภาวะที่ COVID-19 ยังคงระบาด ไวรัสตัวนี้ผลกับทางเดินหายใจและระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งตามปกติแล้ว เราควรมีค่าอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดที่ระดับ 90% ขึ้นไป ร่างกายถึงจะอยู่ในสภาพปกติ หากพบว่าน้อยกว่านี้ ถือเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังมีปัญหาแล้ว โดยการตรวจเช็ค จะต้องยืนนิ่งๆ แล้วกดเช็คจึงจะได้ค่าที่แม่นยำ
ประเมินความเครียด และพลังงานของเรา : เป็นการทำระบบออกมาเป็นกราฟ ให้เราเห็นสภาพความเครียดของเรา ว่าอยู่ในระดับไหน และมีกราฟพลังงาน ที่ประเมินจากเวลาการพักผ่อนกับกิจกรรมในแต่ละวัน ให้เราเห็นได้ว่า เราพักผ่อนมากน้อยเพียงพอหรือไม่
รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ : เสียวหมี่ทำการบ้านมาดีมากกับเรื่องนี้ การแสดงผล และเมนูต่างๆ รองรับฟอนท์ภาษาไทย แสดงผลอ่านออกได้แบบสวยงาม รวมกับหน้าปัดที่มขนาดใหญ่ เรียกว่ามองเห็นอ่านง่ายชัดเจนมาก
เปลี่ยน Watch Face ได้เยอะมากๆ : ในระบบเปลี่ยนหน้าปัดของ Mi Watch จะมีให้เลือกผ่าน Online ของแอปฯ Xiaomi Wear ในตอนเปิดตัวนี่ เข้าไปไถๆ ดูก็มีให้เลือกมากกว่า 100 แบบเลยทีเดียว
มี Alway on Display : เราเลือกให้นาฬิกาแสดงผลตัวเลขเวลาเอาไว้ตลอดได้ เพื่อความสะดวกในการดูเวลา ซึ่งมีให้เลือก 6 แบบ แต่ก็จะมีผลทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย
แบตเตอรี่ที่อึดมาก : คือสิ่งที่ดี และเชื่อว่าทุกคนจะชอบ จากที่ผมได้ลองทดสอบชาร์จจนเต็ม 100% และใช้งานตามปกติ มีการเปิดแจ้งเตือน และออกกำลังกายบ้าง ตามสเปคแล้ว เสียวหมี่บอกว่า แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานสุดถึง 16 วัน ซึ่งจากที่ลองแล้วต้องบอกว่า อันนี้ทำได้จริงไม่ได้โม้ เพราะเท่าที่ลองแบบใช้เต็มที่ แบตเตอรี่ก็ยังอยู่ได้ 13-14 วันเลย
สรุป รีวิว Xiaomi Mi Watch
น่าใช้หรือไม่ คุ้มราคาหรือเปล่า?
จากที่ได้ทดสอบใช้งานจริงเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ถือว่า Mi Watch ทำออกมาได้ดีเกินคาดมาก ตัวแอปฯ Xiaomi Wear นั้น อาจจะยังมีฟีเจอร์ไม่มาก แต่ก็ครอบคลุมการใช้งานพื้นฐานและการออกกำลังกายทั้งหมด ถ้าใครอยากได้เอาไว้ใช้ออกกำลังกาย ไม่ได้กะเน้นเพื่อพัฒนาศักยภาพหรือเป็นนักกีฬา ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ใช้งานได้เลย
ยังมีหลายส่วนที่มีขาดไปอยู่บ้าง เช่น ไม่มี ไมค์และลำโพง จึงไม่สามารถใช้งานเพื่อรับสายและสนทนาผ่านตัวนาฬิกา หรือการใช้สั่งคำสั่งเสียงได้, ไม่สามารถใส่เพลงไว้ในนาฬิกา เพื่อเอาไว้ฟังระหว่างออกกำลังกาย
แต่ถึงอย่างไร ด้วยราคาค่าตัวของ Xiaomi Mi Watch นั้น อยู่ที่เพียง 3,490 บาท เท่านั้น ถือว่าทำได้คุ้มกับฟีเจอร์และการใช้งานที่ทำได้ในระดับน่าพึงพอใจ อะไรที่ขาดๆ ไปก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นข้อด้วย ดังนั้น ใครที่อยากได้สมาร์ทวอทช์ในงบ ราคา เบาๆ สามพันกว่าบาท ก็เอาไว้ใส่วิ่ง ปั่นจักรยาน ตามติดกิจกรรมและสุขภาพได้ ใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS ตัวนี้ถือว่าน่าใช้มากๆ เลย
สำหรับใครที่สนใจ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง JD Central
ข้อมูล สเปค Xiaomi Mi Watch
- หน้าจอ AMLED ขนาด 1.39 นิ้ว (454 x 454 พิกเซล)
- น้ำหนัก 32 กรัม
- เซ็นเซอร์ PPG Heart rate Monitor แบบเรียลไทม์, SpO2, วัดความเครียด และลมหายใจ, Gyro
- มี GPS + เข็มทิศดิจิตอล ในตัว
- กันน้ำ 5ATM
- แบตเตอรี่ LiPo 420mAh ใช้งานสูงสุด 16 วัน
- ราคา 3,490 บาท