Disney+ มีจำนวนผู้สมัครสมาชิก subscriber สูงสุดเป็น New High ถึง 94.9 ล้านคนทั่วโลก จากการประกาศในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2021
ส่วนบริการสตรีมมิ่งอื่นอย่าง Hulu และ ESPN Plus มีจำนวนสมาชิก 39.4 และ 12.1 ล้านคนตามลำดับ
ตัวเลขสมาชิกของ Disney+ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากจากเดิมที่มีจำนวนสมาชิก 86 ล้านคนเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ซึ่งจำนวนผู้สมัครสมาชิกที่เพิ่มขึ้นมากน่าจะมาจากการโปรโมทรายชื่อคอนเท้นต์ที่น่าสนใจอย่างเช่น Soul จากค่าย Pixar และ The Mandalorian ซีซั่นที่สองตอนสุดท้าย
จากตัวเลขข้างต้นแปลว่า Disney ได้ก้าวข้ามเป้าหมายของยอดผู้สมัครเดิม 90 ล้านคนไปแล้ว ซึ่งบริษัทคาดเอาไว้ว่าจะใช้เวลาถึง 4 ปี ดังนั้นบริษัทได้ทำการแก้ไขแผน 4 ปีโดยกำหนดเป้าหมายใหม่ที่จะมีจำนวนผู้สมัครสมาชิก 230 – 260 ล้านคนภายในปี 2024
ข้อมูลระบุว่าตัวเลขสมาชิก 94.9 ล้านคนนั้นเป็นตัวเลขของ ณ วันที่ 2 มกราคม 2021 ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงสมาชิกที่อาจสมัครเข้ามาเพิ่มขึ้นหลังมีการเปิดตัวซีรี่ส์ทีวีเรื่องแรกของ Marvel Studios อย่าง WandaVision ที่เปิดตัวไปเมื่อ 15 มกราคม 2021 จึงมีความเป็นไปได้ที่จำนวนสมาชิกปัจจุบันน่าจะเข้าใกล้ 100 ล้านคนเข้าไปทุกที
ธุรกิจสตรีมมิ่งของ Disney เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 73% โดยมีรายได้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทยังคงมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะถึง 100 ล้านคนในไม่ช้า แม้ค่าสมาชิกรายเดือนเฉลี่ยต่อคนจะลดลงเหลือเพียง 4.03 ดอลลาร์ต่อคน จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นมากส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก Disney Plus Hotstar ที่ให้บริการเฉพาะในอินเดียและอินโดนีเซียที่คิดค่าบริการถูกกว่าตลาดประเทศอื่นๆ
ผลประกอบการของสตรีมมิ่งนั้นทำได้ดีเกินความคาดหมาย โดยบริษัททำรายได้รวม 1.625 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่คาดหวังเอาไว้ แม้รายรับจะลดลงมากกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปี ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้รายได้หดคงหนีไม่พ้นผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้ธุรกิจเรือสำราญของบริษัทต้องปิดตัวลงอีกทั้งยังมีการจำกัดจำนวนลูกค้าที่จะเข้าไปจัดงานในพาร์คต่างๆ ได้ และเป็นต้นเหตุให้โรงภาพยนตร์ชะลอการฉายหนังระดับ major blockbuster ไปหลายเรื่อง
ทั้งนี้ Disney กำลังวางแผนที่เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิก โดยจะมีการเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการในสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนหน้า ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม Disney+ จะมีราคา 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 79.99 ต่อปี ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่กำหนดไว้ 6.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 69.99 ดอลลาร์ต่อปี
ที่มา : The Verge
