รีวิว Mi 11 ที่เราได้ลองสัมผัสใช้งานเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ได้ความประทับใจกับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดของ Xiaomi ที่ดีลงตัวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่รูปลักษณ์การดีไซน์ที่ดูสวยพรีเมี่ยม ประสิทธิภาพการใช้งาน และเรื่องของกล้องที่พัฒนาให้ผู้ใช้สนุกกับการถ่ายภาพและวิดีโอได้หลากหลายรูปแบบ และลูกเล่นที่แพรวพราวมากๆ แถมด้วย ราคา เปิดตัวเริ่มต้นเพียง 21,990 บาทเท่านั้น
แกะกล่อง รีวิว Mi 11
แพ็กเกจตัวกล่องของ Mi11 มาแบบสีขาวที่เรียบมากๆ มีพิมพ์ตัวเลข 11 เป็นสีทองโรสโกลด์อยู่ตรงกลาง รายละเอียดที่กล่องมีบอกฟีเจอร์หลักที่เน้นในรุ่นนี้ ตั้งแต่การรองรับเครือข่าย 5G และระบบเสียงที่ปรับแต่งโดย harman / kardon
ในแพ็กเกจนั้น จะมีอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครบ มีตั้งแต่เคสใสแบบ TPU สำหรับกันรอยเครื่อง, เข็มจิ้มถาดซิม, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น สายชาร์จแบบ USB-A to USB-C และที่สำคัญ มีอแดปเตอร์ชาร์จแบบ GaN 55w ใส่มาให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่ม และรองรับการชาร์จแบบเร็วสุดๆ
สำหรับตัวเครื่อง Xiaomi Mi 11 ที่ทางทีมงานล้ำหน้าฯ เราได้มา รีวิว จะเป็นสี Horizon Blue ที่จะเป็นสีฟ้าไล่เฉดกับสีเงิน ที่จะเปลี่ยนไปตามมุมมองและทิศทางของแสง ขอบของฝาหลังทำเป็นโค้งมุนรอบด้าน และที่มุมเป็นดีไซน์แบบ Quad-curved Glass Body จึงทำให้เครื่องมีความกระชับรับกับมือรอบด้าน
วัสดุฝาหลังเป็นกระจกที่เคลือบแบบด้านทำให้จับไม่รู้สึกลื่นมือ และยังช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือบนฝาหลังเครื่องอีกด้วย เป็นสิ่งที่ชอบมาก เพราะทำให้สีเครื่องที่เป็นเหลือบๆ แบบด้าน ดูหรูหราสวยงามดี
ชุดกล้องหลังของ Mi11 จะจัดเป็นโมดูลทรง 4 เหลี่ยมโค้งมน วางไว้ตำแหน่งมุมเครื่อง เล่นระดับของฐานที่เป็นสีโลหะแบบ gradient และตัวกล้องที่แบ่งอยู่คู่ในอีกส่วน มีใส่แหวนรอบตัวกล้องหลักให้ดูมีความเป็นกล้องถ่ายภาพมากขึ้น ดีไซน์นี้ถือว่าสวยลงตัวดูดี แต่ก็แอบมีความนูนออกมาจากด้านหลังอยู่พอสมควร
ด้านข้างของตัวเครื่อง ดีไซน์อย่างมีโค้งมนเช่นกัน ด้านข้างทางซ้ายจะเรียบๆ ไม่มีปุ่มอะไร ส่วนทางขวาจะมีปุ่มสำหรับปรับเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power เพื่อเปิดปิดเครื่องและหน้าจอ ตัวเฟรมสัมผัสที่เป็นอลูมิเนียมแบบเคลือบเงา เสริมความสวยงามรับกับฝาหลังและหน้าจอดูเป็นชิ้นเดียว
ด้านบนของขอบเครื่อง จะมีการตัดป้านให้เรียบไม่เป็นโค้งมน จะมีให้เห็นชัดๆ กับข้อความ Sound by harman / kardon อยู่ข้างๆ กับช่องลำโพงเสียง ซึ่งจะมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน และพอร์ต IR Blaster สำหรับใช้งานคู่กับแอปรีโมทเพื่อใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้
ด้านล่างก็จะเป็นตัดป้านลบความโค้งของขอบเช่นกัน จะมีช่องของลำโพง ที่ดีไซน์เล่นระดับดูสวยงาม และทำงานคู่กับลำโพงด้านบนเป็นเสียงแบบสเตอริโอ, รูไมค์สำหรับเสียงสนทนา, ช่องเสียบแบบ USB-C สำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูล และช่องของถาดซิม
ถาดซิมจะเป็นแบบ 2 Nano SIM ใส่ที่ด้านบนและด้านล่างของถาด เป็นถาดแบบขนาดเล็ก และไม่มีช่องสำหรับใส่เพิ่ม microSD
หน้าจอของ Xiaomi Mi11 จัดมาให้มีขนาดใหญ่ถึง 6.81 นิ้ว มีเว้นช่องแบบ DotDisplay สำหรับกล้องหน้าอยู่ที่มุมด้านซ้ายบน พาเนลของจำเป็นแบบ AMOLED ที่มาพร้อมกับความคมชัดระดับ Super Resolution WQHD+ หรือที่ความละเอียด 1440 x 3200 พิกเซล แสดงผลสีแบบ 10-bit ทำให้ได้ภาพสีที่สวยสดมากๆ
ค่ารีเฟรชเรตก็จัดมาให้แบบสุดยอด อยู่ที่ 120Hz และยังมีค่า Touch Sampling rate ที่ 480 Hz ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีค่าความลื่นไหลในการสัมผัสดีที่สุดตอนนี้ ซึ่งตัวสเปคจอของ Mi11 นั้น อยู่ในเกรดระดับ A+ ของทาง DisplayMate เลย
ความพิเศษของหน้าจอยังไม่หมดแค่นี้ เพราะยังออกแบบให้เป็น Quad-Curved Display ที่ขอบทั้ง 4 ด้านเป็นโค้งลงไปกับขอบเครื่อง ทำให้มีความสวยงามดูเต็มตาเต็มพื้นที่มากขึ้น และกระจกก็ใช้เป็น Corning Gorilla Glass Victus รุ่นล่าสุด ที่มีความทนทานต่อการตกกระแทก และป้องกันการเกิดรอยขูดขีดได้ดีกว่าเดิม
สำหรับด้านความปลอดภัย ตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วแบบซ่อนไว้ใต้จอ การใช้งานเพื่อสแกนปลดล็อคเครื่องทำได้รวดเร็วและแม่นยำดีมาก
ให้พูดกันในส่วนของเรื่องดีไซน์ ผมว่าครั้งนี้ลงตัวและสวยมากๆ กับ Mi11 ความเรียบง่ายและดีไซน์ให้เครื่องมีความโค้งมนรอบทั้งเครื่อง ตั้งแต่หน้าจอไปจนขอบเครื่องและฝาหลัง การทำสีและวัสดุให้ความพรีเมียมทันทีที่สัมผัส ขนาดเครื่องกำลังดี 164.3 x 74.6 มิลลิเมตร และหน้า 8.06 มิลลิเมตร ถือว่าไม่ได้หนาเลย ส่วนน้ำหนักก็ทำได้ดี อยู่ที่ 196 กรัมเท่านั้น
ประสิทธิภาพภายใน และการใช้งาน
สเปคภายในของ Mi11 นั้น จัดเต็มตั้งแต่ตัวชิปเซ็ต ที่ใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 888 ผลิตบนสถาปัตยกรรม 5nm รองรับ 5G ด้วยโมเด็ม X60 เชื่อมต่อไร้สาย WiFi6 ภายในมีระบบช่วยระบายความร้อนแบบ LiquidCool
ส่วน RAM 8GB แบบ LPDDR5 ที่มีค่าบัสสปีดสูงถึง 6,400 Mbps และหน่วยความจำในเครื่องมีให้เลือกได้ 2 ขนาดคือ 128GB และ 256GB เป็นแบบ UFS 3.1
กางดูสเปคแล้วถือว่าสดใหม่สุดสำหรับปี 2021 ถ้าทดสอบ Benchmark คือได้ระดับต้นๆ หัวตารางแน่นอน ระบบปฏิบัติการเป็น MiUI 12 (พร้อมรองรับอัปเดตเป็น 12.5) บนพื้นฐานของ Android 11 หน้าตาการใช้งานที่เรียบและเข้าใจง่าย ใช้ไม่ยาก
แบตเตอรี่ที่มีความจุ 4600 mAh รองรับระบบการชาร์จเร็ว ที่มีอแดปเตอร์ชาร์จ 55W แบบ GaN แถมมาให้ในกล่อง ซึ่งเป็นอแดปเตอร์เทคโนโลยีใหม่ ทำให้มีขนาดที่เล็กลงโดยที่มีกำลังไฟมากขึ้น และมีความร้อนในการชาร์จที่น้อยลง เราสามารถชาร์จแบตฯจาก 0-100% ภายใน 45 นาที และยังมี Wireless Charge 50W และชาร์จไร้สายแบบ reverse charging 10W
การใช้งานระหว่างวัน แบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้เต็มวันได้สบายๆ แต่ถ้าหากใช้งานที่หนักหน่วง อย่างการเล่นเกม, ถ่ายภาพถ่ายวิดีโอ ก็จะใช้ได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งการมีเทคโนโลยีชาร์จที่เร็วทำให้สามารถเติมไฟใส่แบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว
เกมเมอร์ต้องถูกใจ ด้วยสเปคที่เป็นชิปเซ็ตรุ่นท้อปสุดของปี 2021 และเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ใหม่สุด การเล่นเกมหนักๆ จึงเป็นเรื่องที่หายห่วงไปได้เลย พร้อมลุยกับเกมได้ทุกเกม อย่างเกมกราฟฟิคสวยขั้นเทพอย่าง Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้แบบไหลลื่นในระดับกราฟฟิคขั้นสูงได้อย่างสบายๆ
ด้านเสียง ตัวลำโพงที่เป็นสเตอริโอ และจูนโดย harman / kardon ทำให้เสียงเวลาเล่นเกม หรือดูภาพยนตร์ ดู Netflix ก็ได้อรรถรสที่ดีมาก หรือถ้าเป็นการฟังผ่านหูฟังไร้สาย ยังรองรับการเชื่อมต่อได้ 2 คู่ได้พร้อมกันได้อีกด้วย
กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ ที่มีลูกเล่นสนุกๆ เพียบ
กล้องหน้าของ Mi11 ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มีซอฟต์แวร์ในการถ่ายเซลฟี่ได้ดีในทุกสถานการณ์ มีโหมดบิวตี้ที่ปรับแต่งความสวยงามใบหน้าได้แบบเป็นธรรมชาติ และโหมด AI Portrait ปรับแต่งภาพถ่ายบุคคลที่จำลองแสงแบบ Cinematic หรือจะปรับเบลอฉากหลังก็ทำได้
สำหรับกล้องหลัง เป็นแบบ 3 ตัว ที่มีกล้องหลักเป็น 108MP รูรับแสง f/1.9 ทำงานร่วมกับกล้อง Ultra-Wide 13MP มุมกว้าง 123 องศา และกล้องเทเลมาโคร 5MP
เสียวหมี่นั้นเป็นแบรนด์แรกที่ใช้กล้องหลังความละเอียด 108MP ซึ่งครั้งนี้พัฒนาตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ทำงานในการถ่ายภาพ+วิดีโอได้ดี ชนิดที่ว่าสามารถเก็บทุกความประทับใจได้ในทันทีที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมา
สโลแกนของ Mi 11 ก็คือ Movie Magic ใช่แล้วครับ เสียวหมี่เน้นเรื่องการถ่ายวิดีโอกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ซึ่งทำออกมาได้น่าประทับใจดีมาก อย่างแรกที่ทึ่งมาก็คือระบบกันสั่น ที่เลือกปรับได้ 2 ระดับ ทำให้การถ่ายวิดีโอซีนที่ต้องเดินนั้น ไม่มีสั่นไปมาของกรอบภาพ นิ่งระดับที่พอๆ กับใช้กิมบอลถือถ่ายเลย
การถ่ายวิดีโอกล้องหลัง สามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดถึง 8K 30fps ส่วน 4K และ 1080p จะถ่ายได้ที่ 60fps เรื่องโฟกัสก็ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว รวมถึงสีสันและการถ่ายในสภาพย้อนแสงหรือเวลากลางคืน ก็ทำได้ดี รวมถึงยังเลือกถ่ายวิดีโอเป็น HDR10+ ได้ด้วย
และความเป็น Movie Magic ของ Mi11 นั้น ก็คือการใส่โหมดถ่ายวิดีโอแบบพิเศษ ที่มีลูกเล่นการถ่ายแบบซีนในภาพยนตร์ได้ด้วยการกดถ่ายแบบไม่ต้องมีความรู้เรื่องเทคนิคกล้องก็ถ่ายได้สบายๆ ในโหมดเอฟเฟคภาพยนตร์ มีลูกเล่นเจ๋งๆ หลายอย่างให้เล่น เช่น
- Zoom Magic เป็นซีนถ่ายซูมเข้าหาตัวแบบโดยที่ฉากหลังมีการซูมออก ให้ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้น การถ่ายก็เพียงแค่กดถ่ายแล้วเดินเข้าหาแบบ ระบบ AI จะประมวลการทำเอฟเฟ็คให้อัตโนมัติ
- Slow Shutter ปรับสปีดชัตเตอร์ในการถ่ายวิดีโอให้ช้า สำหรับเวลาถ่ายตอนกลางคืนแล้วแพนตามการเคลื่อนไหว เพื่อให้ได้แสงไฟในฉากลากเป็นเส้น
- หยุดเวลา เทคนิคถ่ายเบิ้ล 2 อย่างในเฟรม ให้ส่วนนึงหยุด แล้วอีกฝั่งยังเคลื่อนไหว ให้เราเอาไปครีเอทช้อตสนุกๆ ได้ไม่เหมือนใคร
- Night Timelapse เอามือถือติดกับขาตั้งกล้องแล้วถ่ายเก็บความเคลื่อนไหวตอนกลางคืน ซึ่งจะได้ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ โดยที่แสงสว่างสีสวยงาม
- โลกคู่ขนาน เป็นการถ่ายแบบสะท้อนเงาครึ่งจอ ก็เอาไว้เล่นลูกเล่นได้แปลกๆ เช่นกัน
และยังมีโหมดวิดีโอ สำหรับถ่ายลูกเล่นสนุกๆ อย่างอื่นได้อีก เช่น Short Video สำหรับถ่ายคลิปสั้น, VLOG Mode เป็นการถ่ายวิดีโอแล้วนำไปตัดต่อประกอบกับธีมให้อัตโนมัติ และ Dual Video ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน
นอกจากลูกเล่นที่เยอะแยะแพรวพราว อีกสิ่งสำคัญในการถ่ายวิดีโอก็คือ การบันทึกเสียง ระบบไมค์ของ Mi11 ถือว่าใช้งานได้ดีมาก ด้วยระบบ Smart Noise Reduction มาช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างการถ่ายวิดีโอ ให้เสียงพูดของเราชัดเจนมากขึ้น
สำหรับการใช้งานในเวลากลางคืนหรือว่าแสงน้อย ก็ทำได้ดี กล้องของ Mi11 สามารถจัดการเรื่องแสง สี และความคมชัดได้เป็นอย่างดี โดยที่ภาพที่บันทึกจะไม่มีแสงฟุ้งที่เกิดแสงจ้า ส่วนแสงสีต่างๆ ก็ให้ค่าที่คมสดใส รวมถึงเก็บรายละเอียดในภาพทั้งส่วนเงาและสว่างได้ค่อนข้างดี คือไม่สว่างพร่าหรือเป็นเงามืด และภาพก็ไม่ได้ถ่ายกลางคืนให้สว่างจะผิดธรรมชาติ
อีกทีเด็ดของกล้องในรุ่นนี้ก็คือเลนส์เทเลมาโคร ที่สามารถซูมเก็บรายละเอียดในวัตถุเล็กๆ ได้อย่างคมชัดเจนมากๆ ทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ ทำให้ได้ภาพมุมมองที่แปลกและน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวเท่าที่ทดสอบ ต้องบอกว่า นี่เป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายมาโครได้สวยที่สุดเท่าที่เราเคยได้ลองมา
ส่วนการถ่ายภาพนิ่ง ก็ทำได้ดีแบบหายห่วง ด้วยเซ็นเซอร์กล้องหลัก 108MP เก็บรายละเอียดได้ดี ทำงานร่วมกับ AI และซอฟท์แวร์ทำให้ถ่ายภาพได้ดีในทุกสภาพแสงอย่างสวยงาม การถ่าย HDR เฉลี่ยแสงได้ดี
ลูกเล่นในการแต่งภาพของ MiUI ก็ยังมีให้ครบถ้วน ทั้งปรับแต่ง ปรับสี ใส่ฟิลเตอร์ แต่ที่เด่นสุดก็คือการเปลี่ยนท้องฟ้า ที่ AI จะตรวจภาพแล้วให้เราเลือกธีมของท้องฟ้าใส่ซ้อนเข้าไปในรูป ให้ได้บรรยากาศเปลี่ยนไปได้หลากหลายห้วงเวลา เป็นสีสันลูกเล่นที่เปลี่ยนภาพถ่ายวิวให้สวยแปลกตา
นี่คือภาพต้นฉบับ จะะห็นว่าฟ้าดูช่างไม่สดใสเลย เปลี่ยนให้เป็นฟ้าที่สวยสว่างได้ เป็นท้องฟ้ายามเย็น สังเกตสีของภาพก็เปลี่ยนไปด้วย หรือจะเปลี่ยนให้เป็นกลางคืนเลยก้ได้
สรุปในส่วนของกล้อง Mi 11 ก็ต้องปรบมือให้เพราะว่าทำได้ดีอย่างที่เน้นเป็นสิ่งหลักของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ กล้องถ่ายได้สวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ มี AI และระบบมาช่วยให้การถ่ายภาพไฟล์ออกมามีคุณภาพ และปรับแต่งตัดต่อเพื่อเอาไปแชร์ต่อได้ง่ายและรวดเร็ว ทำงานแบบจบในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้อย่างสบายๆ
สรุป รีวิว Mi 11 คุ้มมั้ย กับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้?
Mi11 เรียกได้ว่าพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้เรียกว่าทำล้ำนำหน้าคู่แข่งในตลาดไปเยอะมาก เสียวหมี่ออกแบบให้ Mi11 มีประสิทธิภาพด้านของสเปคภายใน กล้องที่ดี ในขนาดตัวเครื่องบางและเบา โดยยังยึดหลักเรื่องการตั้งราคาให้ไม่สูงมาก
จะเห็นว่าสเปคนั้นเลือกที่ใหม่สุดและดีที่สุด กล้องก็พัฒนาต่อเนื่องกับเซ็นเซอร์ 108MP ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และมีกล้องเทเลมาโคร ทำให้สามารถถ่ายมุมระยะใกล้วัตถุมากๆ ได้อย่างคมชัด ต่างจากเลนส์มาโครทั่วไปที่ถ่ายได้ในระยะใกล้แต่รายละเอียดนั้นไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
ซอฟท์แวร์การใช้กล้องทั้งถ่ายภาพและวิดีโอ ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่ก็ใส่ลูกเล่นในการถ่ายมาให้อย่างเยอะมาก มีเป็นโหมดเลือกแล้วใช้ถ่ายได้ทันทีแบบที่ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการใช้กล้อง ก็สามารถถ่ายและวิดีโอในซีนแบบภาพยนตร์ได้ง่ายๆ เพียงแค่กดคลิ้กเดียว
Xiaomi เปิดตัว ราคา ของ Mi11 เริ่มต้นเพียง 21,990 บาท เรียกว่า เป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงที่ราคาคุ้มกับสเปคที่ได้มากๆ ยิ่งถ้าใครซื้อช่วงพรีออเดอร์นั้นจะยิ่งคุ้มมากๆ
Mi11 จึงเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกด้านและไลฟ์สไตล์ กล้องที่ถ่ายภาพสวย ถ่ายวิดีโอได้สุดยอด ซอฟท์แวร์ที่ใช้ง่ายรองรับการอัปเดตต่อได้หลายปี และพร้อมใช้งาน 5G ในไทยได้ทันที เรียกว่ารุ่นนี้ครบรสลงตัวที่สุดในราคาที่คุ้มที่สุด
ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ Mi11 และผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่ ได้ทาง Facebook Xiaomi Thailand
สเปค Xiaomi Mi11
Display | 6.81” AMOLED quad-curve DotDisplay with TrueColor 20:9 Aspect ratio, WQHD+ 120 Hz refresh rate 480Hz touch sampling rate Color contrast ratio: 5,000,000:1 (typ) 900nits (typ), 1500nits max brightness (typ) Color gamut: Supports DCI-P3 Color accuracy: JNCD≈0.38,△E≈0.41 10-bit color depth HDR 10+, SGS Eye Care Display Certification |
Color | Anti-glare frosted glass: Midnight Gray/ Horizon Blue |
Body | Corning® Gorilla® Glass Victus™ |
Dimensions | 164.3mm x 74.6mm x 8.06mm 196g(glass) |
Performance | Qualcomm® Snapdragon™ 888 5nm power-efficient manufacturing process Octa-core design, ultra-large core Arm Cortex-X1 AdrenoTM 660 GPU, 6th generation Qualcomm® AI engine X60 modem for lightning-fast 5G connectivity Enhanced LPDDR5 3200MHz RAM + UFS 3.1 storage Variants: 8GB+128GB, 8GB+256GB |
Rear camera | 108MP wide-angle camera 1/1.33” sensor size, f/1.85, 7P lens – OIS, AF 0.8μm pixel size, 1.6μm 4-in-1 Super Pixel 13MP ultra-wide angle camera 123° FOV, f/2.4 aperture 5MP telemacro camera f/2.4, AF (3cm-10cm) |
Front camera | 20MP in-display selfie camera 0.8μm pixel size, 1.6μm 4-in-1 Super Pixel f/2.4 aperture |
Connectivity | Dual SIM, dual 5G standby Wi-Fi 6 Multi-functional NFC and IR blaster USB Type-C |
Unlock | In-screen fingerprint sensor with heart rate monitoring Face unlock |
Charging | 4,600mAh (typ) battery 55W wired and 50W wireless fast charging 10W reverse wireless charging |
Audio | Dual speakers, SOUND BY Harman Kardon Hi-Res Audio Certification Hi-Res Audio Wireless Certification |
Motor | X-axis linear vibration motor |
System | MIUI 12 based on Android 10 |
Storage variants | 8GB+128GB8GB+256GB |