Beryl8 Plus ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ครอบคลุมโซลูชั่น CRM, ประกาศเดินหน้าอย่างเต็มตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับโซลูชั่น CRM แบบครบวงจร ได้รับเงินลงทุนจาก Salesforce Ventures ช่วยเสริมศักยภาพ เร่งขยายความเป็นผู้นำและยกระดับความเชี่ยวชาญ
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด องค์กรต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องฟันฝ่าวิกฤติและรับมือกับความท้าทายมากมายเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนตลาด CRM เช่น การมุ่งเน้นการปรับปรุงประสบการณ์สำหรับลูกค้า ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกิดใหม่ โซเชียลมีเดีย และความต้องการในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นแบบเรียลไทม์
CRM กับความท้าทายในโลกวิถีใหม่ (New Normal)
Beryl8 Plus ได้ระบุเทรนด์ 5 ข้อเกี่ยวกับ CRM ซึ่งผู้บริหารองค์กรควรจะศึกษาและพิจารณาสำหรับการพัฒนาระบบ CRM ที่มีอยู่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
A) มองเห็นและรู้จักลูกค้ารอบด้าน 360 องศา
องค์กรธุรกิจควรสร้างฐานข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียว ด้วยการบูรณาการข้อมูลจากฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ ฝ่ายการตลาด และฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โดยใช้ ID ลูกค้าชุดเดียวกัน และทุกฝ่ายจะต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าทั้งหมดได้เหมือน ๆ กัน ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะถูกสร้างขึ้นที่ใดก็ตาม
B) การสร้างช่องทางที่ครอบคลุมทุกการสื่อสารเพื่อเข้าถึงลูกค้า
องค์กรธุรกิจควรจะสามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางที่ลูกค้าสะดวกที่สุด โดยนำเสนอสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการในจังหวะเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม โดยอาจอาศัยช่องทางอื่น ๆ ที่บริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของโดยตรง เช่น ช่องทาง Social Media ต่าง ๆ
C) การปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalization)
ลูกค้าต้องการได้รับบริการแบบเฉพาะบุคคลเพิ่มมากขึ้น และคาดหวังให้บริษัทนำเสนอสินค้าและบริการที่จะมอบประสบการณ์และการให้บริการที่สอดคล้องกับประวัติการซื้อ รสนิยม บริบท และเจตนารมณ์ของลูกค้าคนนั้น ๆ
D) การดำเนินงานที่เชื่อมต่อถึงกัน
เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้า ทุกฝ่ายในองค์กรจะต้องสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ บนแพลตฟอร์มแบบครบวงจรหนึ่งเดียวที่รองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การเปรียบเทียบข้อมูล และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า
E) Big Data และ AI เพื่อ CRM ที่ตอบโจทย์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น องค์กรธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ให้เลือกดำเนินการที่เหมาะสม จัดหาข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยในการทำงาน และปรับแต่งแคมเปญ ผลิตภัณฑ์ และราคาอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือไปจากข้อมูลภายในองค์กร และจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลจากทุกแหล่งที่สามารถใช้ได้ เพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
สถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ต้องเร่งดำเนินโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และลงทุนอย่างจริงจังในเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภค เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และรองรับการทำงานจากที่บ้านหรือนอกสถานที่ ความสามารถในการรู้จักและเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างรอบด้าน 360 องศา โดยที่ทุกส่วนงานในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้อย่างทั่วถึง การใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI สำหรับการคาดการณ์เพื่อเพิ่มความรวดเร็วฉับไวในการให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของเทรนด์ดิจิทัลที่สำคัญ ซึ่งกลายเป็นความต้องการของทุกบริษัท
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบริล8 พลัส จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเทคโนโลยีคลาวด์และระบบ CRM ของ Salesforce เรามุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการฟื้นฟูและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับการตลาด การขาย การบริการ และการวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาถึงสภาพตลาดในปัจจุบัน เราเชื่อว่าความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับโซลูชั่น CRM และอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ดีในอนาคต”
อนาคตสดใสรออยู่เบื้องหน้า
นอกจากการทำธุรกิจที่ปรึกษาในประเทศไทยแล้ว Beryl8 Plus ยังทำงานร่วมกับหลาย ๆ บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค ประกอบด้วยเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้มีความต้องการคล้ายคลึงกันสำหรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเปิดสำนักงานสาขาในเวียดนามเมื่อปี 2562 คุณอภิเษกกล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ไปยังเวียดนาม โดยระบุว่า “เนื่องจากเศรษฐกิจของเวียดนามมีอัตราการเติบโตที่สูง ก่อให้เกิดความต้องการสำหรับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น รวมถึงความพร้อมของบุคลากรไอทีที่มีความเชี่ยวชาญ และทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศไทย จึงนับเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมสำหรับ Beryl8 Plus ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่”
นอกเหนือ Salesforce และโซลูชั่จาก MuleSoft,Tableau และ Einstein แล้ว Beryl8 Plus ยังสร้างผลิตภัณฑ์และบริการบนแพลตฟอร์ม Salesforce เช่น Big Data, AI และ BE8 Fast Track Industry Package บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ โดยจะโฟกัสที่ภาคธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยจะลงทุนอย่างจริงจังในการสรรหาและเพิ่มพูนทักษะให้กับบุคลากร เพื่อพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของลูกค้าอย่างครบถ้วน
Salesforce Ventures ลงทุนใน Beryl8 Plus
“หลังจากที่ได้รับเงินลงทุนจาก Salesforce Ventures เรามั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ในการสนับสนุนโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและตอบสนองความต้องการด้าน CRM ที่เพิ่มสูงขึ้นผ่านทาง Salesforce Ecosystem ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากวันที่เราเริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับ Salesforce เมื่อปี 2552 มาจนถึงการได้รับเลือกให้เป็นบริษัท Salesforce Ventures Portfolio Company รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2563 เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพลังขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และเสริมศักยภาพให้แก่องค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้ เพื่อให้สามารถก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล” นายอภิเษกกล่าวเพิ่มเติม
มร. ชาร์ลส์ วูดอลล์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายพันธมิตรและช่องทางประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Salesforce กล่าวว่า “Beryl8 Plus ได้เป็นส่วนหนึ่งใน Salesforce Ecosystem มายาวนานมากกว่า 10 ปี วันนี้เราตื่นเต้นกับการได้สานต่อความสัมพันธ์ในฐานะนักลงทุนกับบริษัทที่ปรึกษาที่เติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะพันธมิตรระบบคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคฯ ของเรา Beryl8 Plus ได้นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นหลากหลายให้แก่ลูกค้าองค์กรเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Salesforce ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการช่วยให้ธุรกิจก้าวข้ามดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่นในทุก ๆ ขั้นตอน”