รีวิว Huawei FreeBuds 4i เป็นหูฟัง True Wireless อีกรุ่นที่น่าสนใจ เปิด ราคา มา 2799 บาท แต่มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC เชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ทำให้เสียงมีความหน่วงต่ำมากๆ ขนาดและน้ำหนักเบาสวมใส่สบาย และการใช้งานสนทนาตัวไมค์ก็มีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างดี
หัวเว่ยยังเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะกลุ่ม Audio ที่เป็นหูฟังแบบ True Wireless ออกมาอย่างต่อเนื่อง และทำได้ดีขึ้นมาตลอด มาในตัวรุ่นใหม่ FreeBuds 4i ก็ถือว่าเป็นรุ่นปรับสเปคจากรุ่น 4 ลงมาเล็กน้อยเพื่อให้ได้ราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น โดยที่คุณภาพนั้นถือว่ายังทำได้ดี
ข้อมูล สเปค Huawei FreeBuds 4i
- ขนาดหูฟัง 37.5 x 23.9 x 21 มิลลิเมตร
- น้ำหนักของหูฟัง ข้างละ 5.5 กรัม
- แบตเตอรี่หูฟัง 55mAh (ต่อข้าง)
- เคสสำหรับเก็บและชาร์จ ขนาด 48 x 61.8 x 27.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคส 36.5 กรัม
- แบตเตอรี่เคส 215mAh
- ไดร์เวอร์ขนาด 10 มิลลิเมตร แบบไดนามิก
- ควบคุมการใช้งานด้วยระบบสัมผัส
- เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.2
- มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างแบบ ANC (Active Noise Cancellation)
- มีให้เลือก 3 สี Ceramic White, Carbon Black และ Red
แกะกล่อง รีวิว Huawei FreeBuds 4i
แพ็กเกจของ FreeBuds 4i หน้าจากจะเหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของหัวเว่ย คือกล่องสีขาวเรียบๆ ที่มีรูปผลิตภัณฑ์ด้านหน้าและชื่อของสินค้าเป็นสีทองติดอยู่ ส่วนด้านหลังจะรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฟีเจอร์เด่นของหูฟัง
- มีระบบตัดเสียง Active Noise Cancellation
- เล่นต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมงเมื่อใช้งานคู่กับเคสชาร์จ
- เสียงใสแบบ Crystal Clear Audio
- สามารถชาร์จแค่ 10 นาทีก็ใช้ฟังพลงได้นานถึง 4 ชั่วโมง
- ไมค์สนทนามีระบบตัดเสียงรบกวน
และที่มุมล่างของกล่อง จะมี QR Code สำหรับดาวน์โหลดแอป Huawei AI Life สำหรับใช้งานคู่กับตัวหูฟัง
ในกล่องจะมีตัวเคสชาร์จพร้อมหูฟังอยู่ด้านใน เมื่อเปิดออกมาก็จะมีสาย USB แบบ USB-A to USB-C สำหรับใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้กับเคสชาร์จ
และในกล่องด้านล่างสุดจะมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารการรับประกัน และจุกซิลิโคนหูฟัง ขนาดเล็กและใหญ่ (S และ L) ส่วนขนาดกลาง (M) จะใส่อยู่กับหูฟังที่เก็บอยู่ในเคสชาร์จ
ตัวเคสชาร์จดีไซน์เป็นทรงวงรีเงางาม ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหินริมทะเล ให้ความรู้สึกหรูหราและเป็นธรรมชาติ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ Carbon Black สีดำ, Red สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ และตัว Huawei FreeBuds 4i ที่ทีมงานได้มา รีวิว เป็นสี Ceramic White สีขาวเงาวาวสุดคลาสสิค
ตัวตลับจะมีคำว่า “Huawei” อยู่ด้านหน้า โดยจะมีไฟแสดงสถานะการทำงานโดยจะแสดงปริมาณแบตเตอรี่ (สีเขียวแบตเต็ม, สีแดงแบตใกล้หมด) และสีขาวกระพริบแสดงสถานะพร้อมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ โดยที่ด้านข้างเคสจะมีปุ่มเอาไว้กดค้าง 5 วินาทีเพื่อเปิดโหมดเชื่อมต่อ
เปิดฝาเคสมา จะเห็นตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างเสียบเก็บเอาไว้ โดยจะมีความแน่นหนาเพราะมีระบบแม่เหล็กล็อคให้ติดกับในเคส ไม่ให้หลุดออกหรือหล่นหายได้ง่าย (ซึ่งก็ต้องออกแรงงัดเอาหูออกจากเคสนิดหน่อย) โดยตัวจุกยางซิลิโคนที่ติดมาให้กับหูจะเป็นขนาด M แกะออกเพื่อเปลี่ยนขนาดกับหูฟังที่ใส่แถมมาในกล่องได้
ดีไซน์ของหูฟัง เป็นแบบ In Ear ที่เวลาสวมใส่ต้องอุดตัวจุกยางเข้ากระชับกับรูหู ตัวก้านไมค์จะสั้นกว่า FreeBuds 3i เล็กน้อยแต่ก็ยังสวมใส่ได้กระชับไม่หลุดง่าย
ทดสอบลองใช้งาน
Huawei FreeBuds 4i สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android และ iOS โดยจะใช้ได้เต็มทุกฟังค์ชั่นกับสมาร์ทโฟนของ Huawei ที่เป็น EMUI 10 ขึ้นไป แต่กับรุ่นอื่นๆ ก็ยังใช้งานได้ไม่มีปัญหา
ในการเชื่อมต่อนั้น สามารถทำได้ด้วยการ Pairing ผ่าน Bluetooth ได้เหมือนอุปกรณ์ทั่วไป โดยที่ในระบบ Android แนะนำให้ทำการดาวน์โหลดแอป Huawei AI Life เพื่อใช้ปรับตั้งค่าและใช้อัปเดทเฟิร์มแวร์ของตัวหูฟังได้
สำหรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของ Huawei จะมีความสะดวกกว่า โดยหลังจากที่ทำการเชื่อมต่อครั้งแรกไปแล้ว ในการใช้ครั้้งต่อไป เพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จ ก็จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาที่หน้าจอสมาร์ทโฟน บอกสถานะแบตเตอรี่ของตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างและเคสชาร์จ ว่ามีแบตเหลืออีกเท่าไร
ในการควบคุมการใช้งาน ที่ตัวของหูฟังทั้ง 2 ข้าง จะมีเซ็นเซอร์ควบคุมแบบสัมผัส โดยแตะที่บริเวณด้านบนของก้านหูฟัง โดยจะเป็น Shortcut เพื่อสั่งได้ 2 แบบคือ แตะค้างไว้ 3 วินาที (Touch & Hold) และการแตะ 2 ครั้งติดต่อกันเร็วๆ (Double-Tap) โดยคำสั่งนี้จะไปเลือกปรับได้ภายในแอป Huawei AI Life โดยมีคำสั่งที่เลือกได้ดังนี้
Double-Tap แตะ 2 ครั้งติดต่อกันเร็วๆ เราจะเลือกคำสั่งได้ 2 คำสั่ง แยกกันที่หูข้างขวาและข้างซ้าย
- เล่น / หยุดเล่นเพลง
- เล่นเพลงถัดไป
- เล่นเพลงก่อนหน้า
- เรียกระบบผู้ช่วยเสียง Voice Assistant
- ปิดการใช้งาน Double-tap
แตะค้างไว้ 3 วินาที (Touch & Hold) จะเอาไว้สำหรับการเลือกเปลี่ยนโหมดลดเสียงรบกวนรอบข้างแบบ Active Noise Cancelling โดยจะเลือกจะเปิดหรือปิดการใช้งาน และยังเลือกระบบการทำงานของ ANC ได้ 3 แบบด้วยกันคือ
- Noise Cancelling เปิดใช้ระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงภายนอก เพื่อให้รับฟังเพลงได้อย่างเต็มอรรถรส
- Off ปิดระบบตัดเสียง
- Awareness เป็นการเปิดรับเสียงจากภายนอกเข้ามา ทำให้เราได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
ลองแล้ว ชอบ/ไม่ชอบ
เริ่มอย่างแรกกับเรื่องของเสียงก่อนเลย คาแรคเตอร์เสียงของ Huawei FreeBuds 4i นั้นจะเด่นในส่วนของเสียงร้องมากกว่าเบส ถ้าฟังเพลงจะเหมาะกับแนว POP ส่วนใครที่ชอบเสียงแนวเบสหนักๆ อาจจไม่ค่อยตึบตับมากนักกับหูฟังรุ่นนี้
ตัวไมโครโฟนสนทนา ถือว่าทำงานได้ค่อนข้างดีในการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง เสียงที่คุยไปยังปลายสายมีความคมชัดแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเงียบสงัด ยังคงมีเสียงรอบข้างเข้ามาบ้างแต่ก็ค่อนข้างบางๆ
แต่ส่วนที่ผมค่อนข้างประทับใจมากๆ คือความหน่วงของเสียงที่ Low Latency ทำได้ดีมากๆ ในสเปคที่ระบุมาบอกว่าจะทำงานในระบบนี้ได้กับ EMUI ของ Huawei แต่จากที่ได้ลองกับทั้งใน iOS และ Android รุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน คือเวลาที่เล่นเกมหรือดูหนังดูคลิป เสียงกับภาพนั้นแทบจะไม่มีดีเลย์ให้รู้สึกเลย เล่นเกมกดปุ่มเกิดเสียงอะไรก็ดังพร้อมกันทันที ถือว่าทำได้ดีมาก
ขนาดและน้ำหนักของทั้งตัวหูฟังและเคสชาร์จ พอเหมาะพอเจาะ เบาสวมใส่สบาย ตัวเคสก็เล็กพกพาได้ง่าย แบตเตอรี่เองก็ถือว่าอึดดีมากๆ ตามสเปคคือชาร์จเต็มจะใช้ฟังเพลงได้นานต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง และถ้าใช้คู่กับเคสชาร์จก็ได้นานสุดถึง 22 ชั่วโมง เรียกว่าใช้งานได้ 1-2 วันได้สบายๆ แต่อายุการใช้แบตเตอรี่ก็จะแปรผันตามระดับเสียงที่เปิดและโหมด ANC ว่าเปิดใช้งานอยู่ด้วยหรือเปล่า
รวมถึงหูฟังเองก็มีระบบชาร์จเร็วมาให้ด้วย หาแบตหูฟังหมด เสียบเก็บใส่เคสชาร์จแค่ 10 นาที ก็ได้พลังไฟพอสำหรับฟังเพลงได้นานถึง 4 ชั่วโมงเลย
แต่ก็มีหลายส่วนที่เป็นข้อจำกัดอยู่บ้าง อย่างเช่น ระบบ Wear detection จากที่ผมได้ลองทดสอบตอนนี้ มีใช้ได้เฉพาะสมาร์ทโฟนของ Huawei เท่านั้น จะไม่รองรับในการใช้งานกับ iPhone และสมาร์ทโฟน Android แบรนด์อื่น ซึ่งอาจจะต้องรอการอัปเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ในอนาคตอีกที
ส่วนตัวระบบ ANC ก็ไม่สามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ เลือกได้แค่เปิดหรือปิดใช้งาน รวมถึงการปรับค่าเสียง Equalizer ก็ไม่มีให้เลือกด้วยเช่นกัน
สรุปแล้ว Huawei FreeBuds 4i ทำได้ดีกับหูฟัง True Wireless ในงบราคาไม่ถึง 3,000 บาท การใส่ระบบตัดเสียงรบกวน ANC มาให้ด้วยถือว่าดีมาก เพราะหาได้ยากที่จะใส่มาให้ในหูฟังในระดับราคานี้ เสียงอยู่ระดับกลางๆ แต่ดีมากคือ Low-latency เล่นเกมดูคลิปเสียงตรงไม่มีดีเลย์
ราคา และ การวางจำหน่าย
Huawei FreeBuds 4i วางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคา 2,799 บาท สำหรับใครที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคา – 4 เมษายน 2564 รับฟรี HUAWEI FreeBuds 4i CASE สีดำ มูลค่า 299 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้านของ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ HUAWEI Online Store, Shopee, Lazada และ JD Central
สามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ consumer.huawei.com/th/audio/freebuds4i/