รีวิว Samsung Smart Monitor M7 มอนิเตอร์ขนาด 32 นิ้ว 4K ที่มีฟีเจอร์ใช้งานแพรวพราวมากๆ เชื่อมต่อได้สารพัดอุปกรณ์ แถมยังมีระบบปฏิบัติการในตัว ลงแอปเพิ่มได้ ดูหนังฟังเพลงดูทีวีได้ เรียกได้ว่าเป็นจอมอนิเตอร์ที่มีอรรถประโยชน์ให้ใช้เยอะมากๆ มาใน ราคา 12,900 บาท
ซัมซุงนั้น ถือว่าเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีจอภาพ และสมาร์ททีวี ที่ครองแชมป์ขายดีทั่วโลกมา 15 ปีติดต่อกัน ความน่าสนใจของจอตัวนี้คือไม่ใช่แค่เอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ แต่ยังเพิ่มฟีเจอร์แบบสมาร์ททีวีเข้าไปด้วย ทำให้มันใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการทำงานและความบันเทิงได้ไว้ในตัวเดียว
ข้อมูล สเปค Samsung Smart Monitor M7
- หน้าจอขนาด 32 นิ้ว (697.31 x 392.23 mm) แบบ Flat
- ขนาดตัวจอ 716.1 x 424.5 x 41.8 mm (ไม่รวมขาตั้ง)
- น้ำหนักจอ 5.4 Kg (ไม่รวมขาตั้ง)
- ความละเอียด 4K UHD (3,840 x 2,160) อัตราส่วน 16:9
- มุมมองภาพ 178°
- Response Time 8ms
- Refresh rate 60Hz
- แสดงสี 16.7 ล้านสี
- ความสว่าง 200-250 50 cd/㎡
- Contrast Ratio 3,000:1
- รองรับ HDR10
- พอร์ตเชื่อมต่อ
- HDMI 2.0 2 ช่อง
- USB-C (DisplayPort) 1 ช่อง
- USB-A 3 ช่อง
- มี Game Mode และ Ultrawide Game View
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4 / 5GHz , Bluetooth 4.2
- ระบบปฏิบัติการ Tizen
- รองรับ SmartThings App
- เชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไร้สาย Samsung DEX, Remote Access, Tap View, Sound Mirroring
- มีลำโพงในตัว
แกะกล่อง Unboxing
ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับตัวกล่องแพ็กเกจจอของทางซัมซุง ที่มีความพิเศษด้วยการออกแบบเป็น samsung eco package ที่สามารถเอาไปตัดตามแบบเพื่อประกอบเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นไอเดียเพื่อ Upcycle ให้กับวัสดุและลดการทิ้งขยะให้น้อยลงด้วย
สำหรับกล่อง Smart Display จะสามารถนำไปตัดเป็นกล่องใส่ของจุกจิก หรือกระปุกออมสินได้ด้วย ใครซื้อมาก็ลองเข้าเว็บไปดูแบบเพื่อตัดกล่องมาประกอบกันได้ และในแพ็กเกจนั้นจะมีตัวหน้าจอ ให้มาพร้อมกับขาตั้ง, สาย HDMI และ สาย Power
ตัวจอนั้นออกแบบมาเรียบๆ ที่ไม่ได้เล่นเส้นสายที่ดูดวัยรุ่นโฉบเฉี่ยวเหมือนกับฝั่งจอสายเกมมิ่ง ซึ่งช่วยให้เหมาะสำหรับการวางใช้งานได้ทุกที่ ทั้งการใช้งานในบ้านหรือใช้ในสำนักงาน ด้านหน้าจอเป็นแบบเรียบที่พื้นที่เว้นขอบด้านข้างและด้านบ่นค่อนข้างน้อยมาก วัดได้เป็นระยะเพียงแค่ 7-8 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนด้านล่างจะเว้นเอาไว้หน้ากว่า และตรงกลางด้านล่างจะเป็นโลโก้ของ Samsung ที่รวมกับส่วนภาครับสัญญาณต่างๆ
ด้านหลังเป็นลวดลายเส้นเรียงกันแนวนอน จะมีแทบเส้นยาวๆ ตรงกลาง เป็นส่วนระบายความร้อน มีโลโก้ Samsung ติดอยู่เล็กๆ ไม่เกะกะสายตา ค่อนข้างชอบกับความเรียบ ทำให้เวลาวางใช้งานดูไม่โดดเด่นมากจนเกินไป
ฐานตั้งจะมีใช้เป็นตัวน็อตยึด 2 ตัว ที่สามารถปรับให้ก้มเงยได้ ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าดีไซน์ของขาตั้งจอนั้นเรียบไปหน่อย คือเป็นสีดำ และฐานเป็นแผ่นเเหล็กเรียบๆ ไปเลย โดยมีสายยางเล็กๆ เอาไว้ช่วยจัดระเบียบสายที่เสียบด้านหลังเครื่อง แต่ก็ดีตรงที่มีขนาดเล็กทำให้ไม่เกะกะพื้นที่บนโต๊ะ
ที่ด้านหลังมีช่องรูน้อต 4 จุด สำหรับยึดกับขาตั้งแบบ VESA Mount เพื่อติดกำแพง หรือจะติดกับขาจับหน้าจอเพื่อเพิ่มพื้นที่ด้านล่างจอ หรือปรับระดับความสูงและตำแหน่งของจอได้สะดวกมากขึ้น ด้วยตัวจอที่แม้ว่าจะขนาดใหญ่ 32 นิ้ว แต่น้ำหนักยังพอเอาไปใส่ใช้กับขาจับหน้าจอได้สบายๆ
พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ จะอยู่ด้านหลังทั้งหมด โดยจะมีช่อง USB-A แบบ 2.0 จำนวน 3 ช่อง สำหรับเป็น HUB เอาไว้เสียบอุปกรณ์ต่างๆ (กรณีต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB-C) และมีช่องสำหรับ Kensington Lock
ถัดมาจะมีช่องสำหรับ HDMI ให้มา 2 ช่อง (พอร์ตที่ 1 รองรับ ARC) และช่อง USB-C ที่รองรับ Display Port และจ่ายไฟให้ที่ 65W และฝั่งซ้ายสุดจะเป็นช่องสำหรับสาย Power
ด้านใต้ของจอทางซ้ายและขวา จะมีช่องของลำโพงแบบสเตอริโออยู่ด้วย คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี รองรับเรื่องเสียงให้ทั้งกับการเชื่อมต่อโน้ตบุ๊คและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเอาไว้สำหรับเล่นแอปในตัวจอเอง แต่ว่าตัวเสียงของจอนี้ไม่รองรับเชื่อมต่อเข้าทาง AUX ต้องเป็นเสียงที่มาจาก HDMI หรือ USB-C หรือเชื่อมต่อมาแบบไร้สายผ่าน Bluetooth
ขนาดของจอในแนวกว้างอยู่ที่ 69 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่ ถ้าใช้กับโต๊ะทำงานขนาดมาตรฐาน 120×60 cm ก็ถือว่ากินไปเกินครึ่งโต๊ะแล้ว อาจจะเหลือพอสำหรับวางเคสคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คข้างๆ ได้
ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจใน Samsung Smart Monitor M7
Samsung Smart Monitor M7 ถือว่าเป็นจอมอนิเตอร์ที่มีแนวคิดการใช้งานที่ต่างจากหน้าจอทั่วไป และมีใส่ฟีเจอร์พิเศษหลายอย่าง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างที่ไม่มีในมอนิเตอร์รุ่นอื่นๆ ผมจะมาแนะนำทีละอย่างไปพร้อมๆ กันเลยนะ
Smart Monitor เมื่อจอมอนิเตอร์ มีระบบปฏิบัติการติดตั้งมาให้ด้วย
ปกติจอมอนิเตอร์ เราก็เอาไว้ใช้สำหรับเสียบใช้งานกับคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค ไม่ก็อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อแสดงภาพ แต่กับ Smart Monitor M7 ของซัมซุงแตกต่างไป ด้วยการใส่ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่มีอยู่ในสมาร์ททีวีของซัมซุงมาให้ด้วย
ทำให้มันสามาาถทำงานแบบ Stand Alone โดยไม่ต้องเสียบอุปกรณ์ก็ได้ โดยมีรีโมทคอนโทรลมาให้ด้วยเหมือนกับสมาร์ททีวีเลย ซึ่งตัวจอยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อใช้งานอื่นๆ อย่าง คีย์บอร์ด, เมาส์ และลำโพงผ่าน Bluetooth และเชื่อมต่อออนไลน์ผ่าน WiFi ได้ภายในตัว
โดยการทำงานจะควบคุมผ่านระบบ SmartThings ของ Samsung ที่เป็น HUB เพื่อให้สั่งงานผ่านระบบ Assitant ต่างๆ ได้อีกด้วย
เชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อแสดงผล
การเชื่อมต่อแบบมีสายถือว่าเป็นพื้นฐาน แต่ Smart Monitor M7 จะรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไร้สาย ทั้ง Wireless DeX ที่ให้ใช้งานสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตของซัมซุง ในรูปแบบ PC ผ่านหน้าจอใหญ่ได้อย่างสะดวกสบาย คุณสามารถทำงานเอกสาร, ประชุมออนไลน์, เล่นเน็ต ฯลฯ ผ่านจอใหญ่ได้อย่างง่ายได้
และยังรองรับ Tap View กับการเล่นไฟล์ภาพหรือวิดีโอขึ้นบนจอใหญ่ เพียงแค่แตะโทรศัพท์กับหน้าจอ หรือจะใช้เป็นแบบ Mirroring สะท้อนภาพหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นจอใหญ่ก็ได้ด้วย
สตรีมดูหนังฟังเพลงเล่นเน็ตได้จากตัวจอ ไม่ต้องต่ออุปกรณ์อะไรก็เล่นได้เลย
จะดีแค่ไหน เมื่อจอมอนิเตอร์ของคุณมีแอปแพลตฟอร์มความบันเทิงมาให้แบบครบครัน โดยไม่ต้องต่อคอมก็เปิดเล่นสตรีมได้จากตัวเองได้เลย ผ่านการควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล โดยมีแอปชื่อดังให้ใช้งานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Netflix
- Amazon Prime Video
- YouTube
- Google Play Movie & TV
- Apple TV
- HBO GO
- AIS Play
- VIU
- TIDAL
- Spotify
- Facebook Watch
ใช้งาน Microsoft Office 365 ได้เลย
อีกความสะดวก ที่ให้ทำงานบนจอของ Smart Monitor M7 โดยไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป เราสามารถเชื่อมต่อบัญชี Office 365 แล้วทำงานเอกสารต่างๆ บนคลาวด์ได้เลย ซึ่งควบคุมผ่านคีย์บอร์ดและเมาส์เหมือนกับการทำงานบนคอมได้ทันที
ทำงานแบบ Remote Access เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทางไกลผ่านหน้าจอ
หรือถ้าจะทำงาน WFH คอมอยู่ที่ออฟฟิศ ก็สามารถใช้คำสั่ง Remote Access เพื่อไปควบคุมทำงานคอมพิวเตอร์ในระยะไกลได้ด้วย โดยจะรองรับใน Windows 10 Pro และ Mac OS 10.5 ขึ้นไป
ปรับแสงสว่างหน้าจอให้แบบ Adaptive
ตัวหน้าจอจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่างรอบข้าง เพื่อทำการปรับความสว่างของจอให้อัตโนมัติ เพื่อให้ดูภาพได้ในระดับที่พอดีที่สุด รวมถึงยังมีโหมดถนอมสายตา เพื่อช่วยลดอการปวดล้า ตาพร่า เมื่อใช้สายตาหน้าจอเป็นเวลานานๆ
เชื่อมต่อพร้อมชาร์จไฟผ่าน USB-C
ตัวพอร์ต USB-C ที่มีมาให้ใน Smart Monitor M7 สามารถปล่อยกระแสไฟ 65W เมื่อเอาโน้ตบุ๊คที่รองรับการชาร์จไฟผ่าน PD ก็สามารถนำมาเสียบเพื่อใช้ต่อขึ้นจอใหญ่พร้อมทั้งชาร์จไฟไปได้ในตัวพร้อมๆ กัน รวมถึงยังเปลี่ยน USB-A 3 พอร์ตด้านหลังจอเป็น HUB เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้อีกด้วย
ส่วนสมาร์ทโฟนของ Samsung ที่รองรับ DeX ก็เอามาเสียบแล้วใช้งานขึ้นหน้าจอพร้อมชาร์จไปด้วย
ระบบคำสั่งเสียง Bixby
ที่รีโมทคอนโทรลจะมีปุ่มรูป ไมค์อยู่ กดค้างจะเป็นการเรียกผู้ช่วย Bixby ขึ้นมาเพื่อรับคำสั่งการทำงานแบบเสียง ซึ่งตอนนี้จะยังไม่รองรับภาษาไทย เราจะสั่งได้เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น นอกจากนี้ตัวระบบไมค์บนรีโมท ถ้าใช้ในแอป YouTube จะเอาไว้พูดเป็นคำสั่งค้นหาคลิปได้ (อันนี้รองรับไทย)
ประสบการณ์หลังทดสอบใช้งานจริง
เป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 32 นิ้ว สัดส่วน 16:9 ที่ถือว่าใหญ่โตกว่าขนาดทั่วๆ ไปที่คนเราจะเคยชินกับ 24 นิ้ว หรือ 27 นิ้ว ซึ่งความใหญ่ของมันให้มากับความละเอียด 4K UHD ทำให้แสดงผลภาพได้พื้นที่ๆ กว้างมากขึ้นกว่าเดิม โดยคมชัดมากกว่าจอ FHD ถึง 4 เท่า การใช้งานจึงสามารถวางจอเอาไว้ไกลจากตัวเราได้มากกว่าเดิม เพราะจอที่กว้างแล้วเป็นแบบ Flat ระยะที่เปิดแล้วมองได้เต็มพื้นที่จอ จะอยู่ราวๆ 60-100 cm ขนาดจอที่ใหญ่ และพื้นที่ๆ มากขึ้น ทำให้คุณเปิดโปรแกรมแสดงผลแบ่งครึ่ง ก็ยังใช้งานได้สบายๆ
น้ำหนักของจอที่เกือบๆ 5 กิโลกรัม ติดตั้งกับชุดขาตั้งแล้ว ถ้าใช้งานกับโต๊ะที่ไม่มีความแข็งแรงมาก ก็อาจจะมีโคลงเคลงอยู่บ้าง ส่วนตัวผมเอามาลองติดตั้งกับขาจับหน้าจอแบบ VESA ก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา และยังสะดวกในการเลื่อนตำแหน่ง, ระยะ เพื่อการใช้งาน และเพิ่มพื้นที่ใช้งานบนโต๊ะได้มากขึ้น
และด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน แนะนำว่า จะเหมาะกับโต๊ะที่มีหน้ากว้างตั้งแต่ 120-150 cm ขึ้นไป เพราะคุณอาจจะไม่เหลือที่สำหรับวางคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์อื่นๆ บนโต๊ะ ส่วนความกว้างของโต๊ะ ก็ควรอยู่ที่ 60-75 cm ก็จะได้ระยะในการทำงานที่กำลังดี สบายตา
จอเป็น refresh rate 60 Hz ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจสายเกมมิ่ง ที่ต้องการจอรีเฟรชเรตสูงๆ แต่มันเพียงพอสำหรับการทำงานทั่วไป งานเอกสาร หรืองานคอมพิวเตอร์กราฟฟิค 2D แต่งภาพ Photoshop และเล่นเกมคอนโซลได้แบบไม่มีปัญหา
รีโมทคอนโทรล ช่วยให้การใช้งานต่างๆ สะดวกดีมาก และรีโมทเชื่อมต่อกับจอผ่าน Bluetooth ไม่ได้เป็นอินฟราเรด เวลาสั่งงานก็ไม่จำเป็นต้องชี้ไปที่จอ กดสั่งได้ทันที เลือกใช้ควบคุมปรับการทำงานเปลี่ยนโหมด หรือควบคุมแอพดูหนังฟังเพลงได้ครบจบในรีโมทตัวเดียว
ลำโพงเสียงที่ให้มากับจอ เสียงอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งถ้าคุณซีเรียสเรื่องเสียงอาจจะต้องหาเครื่องเสียงพวกลำโพงซาวด์บาร์มาเชื่อมต่ออีกชุด แต่ต้องเลือกที่เป็นแบบต่อผ่าน WiFi, Bluetooth หรือผ่าน HDMI แบบ ARC เพราะตัวจอไม่มีพอร์ตเสียง Audio Out
พอร์ตเชื่อมต่อมีเป็น HDMI 2 ช่อง กับ USB-C DisplayPort ถือว่าเพียงพอสำหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้หลายเครื่อง หรือจะเอาไว้เสียบเครื่องเกม
การใช้งานกับตัวจอแบบไม่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์อะไร ก็ถือว่าทำงานได้ในระดับค่อนข้างดี อย่าง Office 365 ที่ใช้ผ่านคลาวด์ได้ ก็อาจจะอืดบ้างตามความเร็วเน็ตของเรา และอาจจะไม่คุ้นชินกับคีย์บอร์ดที่ต่างจาก Mac และ Windows เล็กน้อย แต่การใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน (โดยเฉพาะกับ Smsung Galaxy S และ Note) ทำได้ดีมากๆ สะดวกในการเอาข้อมูลจากมือถือไปขึ้นจอใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
เรื่องความบันเทิง ทำได้ดีมาก มีแอปสตรีมมิ่งชั้นนำทั้งต่างประเทศและของไทย เรียกว่าครบถ้วนเลยล่ะ หรือใครเป็นสายเปิดหนังดูจากไฟล์ที่บันทึกไว้ ก็เอามาเสียบผ่าน USB เพื่อเปิดเล่นได้เลย
ค่าสีของจอ รองรับ HDR10 และยังปรับ Preset ตามรูปแบบการใช้งาน หรือจะไปเข้าโหมด Expert เพือ่ปรับแบบละเอียดก็ได้ หรือใครจะเลือกเป็น Adaptive เพื่อปรับเองอัตโนมัติ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
Samsung Smart Monitor M7 เหมาะสำหรับใคร?
หลังจากที่ผมได้ทดสอบลองใช้มาสักพักใหญ่ๆ ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย จนอยากจะเรียกว่ามันเป็น Smart TV ที่ใช้งานเป็นมอนิเตอร์ได้ด้วย (ฮา) ฟีเจอร์ที่มากมายทำให้จอมอนิเตอร์สามารถทำอะไรได้มากกว่าแค่ต่อสัญญาณภาพ จึงครอบคลุมความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายมาก โดยผมจะแนะนำว่ามันเหมาะกับใครบ้าง?
คนที่ใช้งาน MacBook : Smart Monitor M7 นั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนใช้งาน Mac มากๆ โดยเฉพาะ MacBook ไม่ว่าจะ MacBook Air หรือ MacBook Pro (หรือจะ Mac mini ก็เวิร์คอยู่) เพราะการเชื่อมต่อผ่าน USB-C ที่ทำงานเป็นทั้ง DisplayPort ต่อกับพอร์ต Thunderbolt ของ Mac ได้โดยไม่ต้องใช้อแดปเตอร์ HDMI มันยังจ่ายไฟ 65W เพื่อชาร์จไฟให้กับ MacBook ของเรา และยังใช้ USB-A ด้านหลังจอเป็น HUB ต่ออุปกรณ์ได้อีก 3 ชิ้น
คุณกลับบ้านมา เอา MacBook เสียบกับ USB-C เส้นเดียวก็พร้อมใช้งานในโหมดเดสก์ท็อปได้ทันที ไม่ต้องพ่วงสายอะไรให้วุ่นวาย จริงๆ กับแล็ปท็อปรุ่นอื่นก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องเป็นรุ่นที่รองรับ Thunderbolt ด้วยนะ
และการใช้งานไร้สายกับ Mac และ iPhone ก็ยังทำได้ด้วย เพราะตัวจอรองรับ Apple Air Play ให้คุณสตรีมวิดีโอ เพลงรูปภาพ หรือ Mirror ภาพมาบนหน้าจอได้ด้วย ผมจึงบอกว่า Smart Monitor M7 นั้นเหมาะกับสาวก Apple จริงๆ
สายเล่นเกมคอนโซล : ต้องบอกก่อนเลยว่า สายคอมพิวเตอร์เกมเมอร์แล้ว จอตัวนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไรนัก ด้วยตัว Refresh rate ที่สูงสุดแค่ 60 Hz และไม่รองรับฟีเจอร์เกมทั้ง G-Sync, FreeSync ถ้าคุณซีเรียสกับจุดนี้ อาจจะแนะนำให้ข้ามตัวนี้ไป
แต่ถ้าคุณเป็นสายคอนโซล ไม่ว่าจะเป็น PlayStation 4, PlayStation 5 หรือ Nintendo Switch บอกเลยว่าเหมาะมาก ด้วยหน้าจอ 4K UHD มี HDR10 ค่ารีเฟรชเรต 60Hz ถือว่าเพียงพอแล้วกับการเล่นเกมคอนโซล
อยากได้จอเดียวจบ ใช้แทนทีวีด้วยเลย : อยากจะบอกว่า หน้าจอขนาด 32 นิ้ว มันเหมาะจริงๆ สำหรับเด็กหอ, คนที่อาศัยอยู่คอนโดมิเนียม หรืออยากได้จอสำหรับเอาไว้ใช้ในโต๊ะทำงานในห้องนอน เพราะด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ หากคุณจะมีทั้งจอมอนิเตอร์และทีวี ก็อาจจะลำบากที่จะจัดวางได้ แต่นี่คือการประสานรวมร่างเอาไว้ในตัวเดียว ต่อคอมก็ทำงาน อยากบันเทิงก็เปิดแอปดูได้เลย โดยที่รองรับคมชัดถึงระดับ 4K
ใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ของ Samsung : อันที่จริงฟีเจอร์ใช้งานต่างๆ นั้นมีสนับสนุนกับ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ได้หมดทุกระบบทั้ง iOS และ Android แต่ก็มีฟีเจอร์พิเศษที่ทำมาให้กับสมาร์ทโฟนของ Samsung เป็นพิเศษ ทั้ง DeX และ Tapview คุณเชื่อมต่อมือถือขึ้นจอใหญ่ได้แบบรวดเร็วทันใจ และใช้งานได้มากกว่าเดิม ขนาดที่ว่าไม่ต้องมีคอม ต่อ Samsung Galaxy รุ่นที่รองรับ DeX ก็ต่อคีย์บอร์ด, เม้าส์ ทำงานจอใหญ่ได้เลย
Smart Monitor M7 พร้อมวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ราคา 12,900 บาท เป็นราคาที่กำลังดีกับจอ 4K UHD ขนาด 32 นิ้ว สามารถดูรายละเอียดสินค้าและสถานที่จำหน่ายได้ที่ www.samsung.com