SHOPLINE เปิดให้บริการเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย “ปลดล็อก” ทุกข้อจำกัดสู่ความสำเร็จบนตลาดอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ ด้วยแพลตฟอร์มการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ เอาโซลูชั่นการจัดการร้านค้าทั้งบนอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซมาไว้ในที่เดียว
นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์ Country Manager จาก SHOPLINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า SHOPLINE คือผู้นำระบบการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร ที่ช่วยผู้ประกอบการทั้งที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs ให้ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ตลาดดิจิทัลมาแล้วมากมายในหลายประเทศที่มีผู้ใช้บริการ มากกว่า 250,000 รายทั่วโลก และมีการเข้าถึงลูกค้ามากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก และในวันนี้ SHOPLINE และทีมงานในประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทยด้วยความมุ่งมั่น และต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจให้ก้าวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ได้อย่างทัดเทียมกับธุรกิจทั่วโลก ด้วยแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ ด้วยบริการระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่รองรับทั้งการทำร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจรครั้งแรกในไทย
“จุดเด่นของ SHOPLINE ไม่ได้มีแค่การนำเสนอบริการที่ครบวงจรเท่านั้น แต่เรามาพร้อมโซลูชั่นที่ออกแบบและพัฒนามาเพื่อคนไทย โดยก่อนเปิดให้บริการในประเทศไทย SHOPLINE ได้ทำการวิจัยตลาดและเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาโซลูชั่นการใช้งานอย่างต่อเนื่องกว่า 9 เดือน เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เพื่อเป้าหมายการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการและนักช้อปชาวไทยได้อย่างแท้จริง ทำให้เวลานี้ SHOPLINE เป็นผู้ให้บริการระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ให้บริการครบวงจรเจ้าแรกในประเทศไทย ที่มีทั้งโซลูชั่นบนบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์ให้สามารถใช้งานได้ง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดออกไปได้กว้างมากขึ้นในโลกออนไลน์ เพื่อนำไปสู่โอกาสการสร้างยอดขายที่เติบโตขึ้นในที่สุด”
โดยโซลูชั่นที่ออกแบบมาสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะนี้ จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดเดิม ๆ ที่ผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ต่างประสบปัญหามาแล้วในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น
● E-commerce Solution หรือ ระบบการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นหรือปรับปรุงการจัดการของร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซให้สะดวกรวดเร็ว โดยบริการนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การเปิดร้านค้าออนไลน์และระบบจัดการหลังบ้าน ได้แก่ โซลูชั่นการสร้างเว็ปไซด์สำหรับร้านค้าที่รองรับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมด้วยระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ ทั้งระบบการจัดการออเดอร์ การจัดการสต็อกสินค้า การชำระเงิน การทำ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ CRM เครื่องมือทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลและตัวติดตามทางการตลาดเพื่อช่วยด้านการเพิ่มยอดขาย ที่สามารถเชื่อมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ อาทิ Google, Facebook, LINE OA และอื่น ๆ ที่รองรับการใช้งานได้มากกว่า 18 สกุลเงิน และมีตัวเลือกหลายภาษา สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ
● Social commerce Solution หรือ ระบบการจัดการร้านค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากมาย อาทิ Shopline Live App ระบบตัวช่วยแม่ค้าออนไลน์ในการ live-streaming ขายสินค้าแบบครบวงจรที่สามารถช่วยจัดการออเดอร์ ตอบกลับลูกค้า และระบบการชำระเงิน อีกทั้งระบบการจัดการข้อความจากลูกค้า โดยมี Chatbot เพื่อการตั้งค่าคำถามที่ถูกถามบ่อย โดยสามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้
นายชนนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นตามเทรนด์ของตลาดโลก โดยปีที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดคิดเป็นมูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 270,000 ล้านบาท (ข้อมูลวิจัย “เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563 จาก Google, Temasek และ Bain & Company) โดยมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และหันมาช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอยู่บนออนไลน์มากขึ้น จึงเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในระยะข้างหน้าเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
จากเทรนด์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น แต่หากมองลึกไปกว่านั้นกลับพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการจำนวนมากยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางธุรกิจในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านทรัพยากร งบประมาณ และความรู้ด้านเทคโนโลยี และด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ “SHOPLINE” จะเป็นโซลูชั่นที่เข้ามาเติมเต็มและเสริมศักยภาพด้วยโซลูชั่นการจัดการร้านค้าออนไลน์บนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซที่จะตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างลงตัว เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถปลดล็อกและก้าวข้ามทุกขีดจำกัดได้
“มูลค่าธุรกิจ SMEs มีสัดส่วนกว่า 40% ของจีดีพี จึงถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่ที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ตลาดออนไลน์จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างในปลายอุโมงค์ ที่จะเป็นทางรอดให้กับพวกเขา โซลูชั่นการจัดการร้านค้าออนไลน์ของ SHOPLINE จึงสามารถเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดเด่นทั้งการใช้งานง่าย สะดวก และราคาไม่แพง เหมาะสำหรับ SMEs ที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดแต่สามารถได้ประโยชน์มากที่สุด”
ในโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 SHOPLINE จึงเสนอค่าบริการที่คุ้มค่าด้วยแพ็คเกจ E-commerce รายเดือนอยู่ที่ 599 บาท ส่วนรายปี 4,999 บาท แพ็คเกจ Social commerce ราคารายเดือนอยู่ที่ 599 บาท ส่วนรายปีที่ 4,999 บาท และสุดท้ายเป็นแพกเกจในแบบ ALL in One ซึ่งจัดให้แบบสุดคุ้มกับราคารายเดือนเริ่มต้นที่ 1,199 บาท และรายปีที่ 7,999 บาท
“ด้วยจุดเด่นของโซลูชั่นการจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจรของ SHOPLINE จึงเหมาะสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับที่ต้องการประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดดิจิทัล และด้วยบริการของเราที่ตอบโจทย์ทุกๆ ความต้องการ ทำให้เชื่อว่าการมาเปิดตลาดในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการอีคอมเมิร์ซไทย และมีส่วนผลักดันให้ผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นายชนนันท์ กล่าว