พบกับ รีวิว Roborock S7 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น พร้อมถูพื้นแบบอัตโนมัติ ที่อัปเกรดปรับปรุง ความสามารถในการทำงาน ให้ฉลาดและทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับพื้นที่แม่นยำ การสั่งกำหนดให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม และควบคุมให้คอยดูแลความสะอาดภายในบ้านได้น่าประทับใจ ใน ราคา เปิดตัวที่ 22,900 บาท จากราคาปกติ 39,900 บาท
Roborock ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ระดับชั้นนำของโลก และเป็นผู้ผลิตในเครือของ Xiaomi อีกด้วย เรียกว่ามีวิทยาการในการพัฒนาระบบการทำงานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาอย่างต่อเนื่อง และในรุ่น Roborock S7 ก็ถือว่าทำงานได้ดีกว่ารุ่นก่อนมาก
ทาง Roborock ออกแบบรุ่น S7 จากการวิเคราะห์ข้อจำกัดที่มีในรุ่นก่อนๆ รวมกับคำแนะนำจากผู้ใช้ถึงปัญหาและความต้องการ รุ่นนี้จึงมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด รวมกับความสามารถด้าน AI ที่ทำให้ประมวลผลการทำงานได้ฉลาดกว่าเดิม
Unbox แกะกล่อง รีวิว Roborock S7
ตัวกล่องแพ็กเกจของ Roborock S7 ภายในจัดเซ็ตของตัวหุ่นยนต์และอุปกรณ์ใช้งานเบื้องต้นมาให้แบบเสร็จสรรพ โดยจะมีแยกบางชิ้นส่วนเอาไว้ โดยจะมีเป็น
- แท่นชาร์จ (Charging Dock
- สายไฟ
- ชุดระบบถูพื้น VibraRise พร้อมผ้าถูไมโครไฟเบอร์
- ตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
มีเอกสารมาให้ด้วย เป็นคู่มือการใช้งานกับแอป และเล่มที่หนาๆ นั่นคือคู่มือการใช้งานแบบละเอียด แนะนำว่าให้อ่านครับ แต่แอบเสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีภาษาไทย
ข้อมูล สเปค และฟีเจอร์ ที่น่าสนใจของ Roborock S7
- ขนาด 35.30 x 35.00 x 9.65 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 4.7 กิโลกรัม
- แบตเตอรี่ 5200 mAh
- มีให้เลือก 2 สี (สีขาว และ สีดำ)
- ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Roborock / Mi Home (รองรับทั้ง iOS และ Android)
- เชื่อมต่อกับระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assitant และ Amazon Alexa
- แรงดูดสูงสุด 2,500 Pa
- แปรงปัดฝุ่นหมุนเร็วสูงสุด 1,350 รอบต่อนาที
- กล่องเก็บฝุ่นขนาด 470 มิลลิลิตร มีระบบกรองฝุ่น HEPA E11
- VibraRise ระบบถูพื้นที่ 3,000 ครั้งต่อนาที พร้อมแรงกดระหว่างถู 600 กรัม
- เซ็นเซอร์ LiDAR สแกนพื้นที่โดยรอบ ด้วยความเร็ว 300 รอบต่อนาที
- เซ็นเซอร์กันตก 6 จุด
- เซ็นเซอร์ Ultrasonic ตรวจจับพรม เพื่อที่ยกเว้นการถูพื้นบนพรม
- ตัวหุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ยกตัวข้ามสิ่งกีดขวางได้สูง 2 เซนติเมตร
คราวนี้ เรามาดูรอบตัวเครื่อง สำหรับ Roborock S7 ที่ทางทีมงานเราได้มา รีวิว จะเป็นสีขาว ที่เป็น Global Version ซึ่งจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ
บนตัวหุ่นจะมีปุ่มควบคุมอยู่ 3 ปุ่ม
- ปุ่มแรกเป็นคำสั่ง Spot Cleaning/Child Lock โดยกด 1 ครั้ง จะเป็นสั่งใช้โหมด Spot Cleaning และกดค้างไว้ 3 วินาที จะเปิดโหมด Child Lock ป้องกันไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี่ยงมากดปุ่มบนตัวเครื่อง (ปิดโหมดให้กดค้าง 3 วินาทีอีกครั้ง)
- ปุ่มตรงกลางเป็นปุ่ม Power กดค้างไว้เพื่อเปิดปิดเครื่อง และกด 1 ครั้งจะเป็นการสั่งให้ทำความสะอาดในโหมดที่ตั้งไว้ โดยไฟที่ปุ่มจะบอกสถานะของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ให้ด้วย
- ปุ่มสุดท้าย เป็นปุ่ม Dock กดเพื่อสั่งให้หุ่นวิ่งกลับไปที่แท่นชาร์จทันที
โดยที่ด้านบนเหนือปุ่ม จะแถบสัญญาณไฟแสดงสถานะของการทำงาน โดยไฟสีขาว จะแจ้งว่ากำลังดูดฝุ่น, สีน้ำเงินคือดูดพร้อมถูพื้น, สีส้มเป็นการขึ้นแจ้งเตือน และเมื่อหุ่นจอดที่แท่นชาร์จก็จะเป็นไฟสีเขียวกระพริบ เมื่อแบตเติมก็จะเป็นสีเขียวค้างไว้
ด้านบนของตัวหุ่นตรงด้านที่เป็นโลโก้ Roborock จะเป็นฝาที่เปิดขึ้นมาได้ ข้างในจะจุดไฟสัญญาณ WiFi แสดงผลเป็นสีฟ้า ถ้าเชื่อมต่อแล้วจะเป็นสีฟ้าค้างไว้ แต่ถ้ากระพริบจะเป็นการรอเชื่อมต่อ โดยมีช่องสำหรับ Reset ระบบอยู่ข้างๆ
ด้านในนี้จะมีกล่องสำหรับเก็บฝุ่นอยู่ด้วย สามารถกดสลักเพื่อดึงออกมา ในกล่องเก็บฝุ่นจะแยกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เก็บฝุ่น ดึงเปิดฝาด้านข้างแล้วนำฝุ่นไปเททิ้ง และฝาด้านบนเป็นส่วนของฟิลเตอร์ HEPA ที่กรองฝุ่นได้ในระดับ PM2.5, เกษรดอกไม้ และเชื้อราได้) เราสามารถถอดออกมาปัดฝุ่นแล้วใช้ต่อได้
มาดูส่วนของเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ Roborock ใส่ไว้รอบตัวเพื่อให้มันสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและเคลื่อนที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด
จุดแรกคือ LiDAR ที่อยู่ด้านบนของหุ่น เป็นเซ็นเซอร์วัดระยะที่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนมากจะมีเอาไว้ใช้งานกับยานพาหนะแบบไร้คนขับ มันสามารถวัดระยะรอบตัวได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าสภาพแสงในห้องจะน้อยหรือมืดก็ตาม โดยเซ็นเซอร์จะมีครอบกันกระแทกเอาไว้เรียบร้อย
ด้านข้างเป็นเซ็นเซอร์วัดระยะจากกำแพง เซ็นเซอร์เวลาหุ่นถอยหลังเข้าแท่นชาร์จ
ในฝั่งด้านหน้าของหุ่น ขอบเครื่องจะเป็นเหมือนกันชนที่ขยับได้ เป็นเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้รู้เวลาวิ่งชนกำแพงหรือสิ่งกีดขวาง เพื่อที่มันจะได้ทำการหลบหลีก โดยจะมีเซ็นเซอร์อยู่ด้านขวาสำหรับตรวจจับกำแพงด้านข้าง ส่วนเซ็นเซอร์ใหญ่จะเป็นตัววัดเพื่อกะระยะตอนวิ่งเข้าแท่นชาร์จ
พลิกมาที่ด้านใต้เครื่องกันบ้าง จะมี Cliff Sensor สำหรับตรวจจับกันตกจากที่สูง เวลาวิ่งไปเจอบันได ซึงจะมีด้วยกันถึง 6 ตัว และยังมีเซนเซอร์ตรวจจับพรม ที่ใช้ Ultrasonic เพื่อให้หุ่นสามารถรู้ว่ากำลังวิ่งอยู่บนพรม การทำงานของการดูดจะเร่งให้ลมแรงขึ้นและหยุดการถูพื้นบนพรม
ใบพัดสำหรับกวาดฝุ่นเป็นแบบ 5 ใบ หมุนเร็วสูงสุด 1,350 รอบต่อนาที โดยการทำงานของมันจะหมุนช้าเร็วตามลักษณะของพื้นผิว รวมถึงเวลาที่วิ่งเข้าในช่วงริมกำแพงหรือซอกมุม ก็จะหมุนเร็วขึ้นเพื่อกวาดฝุ่นให้สะอาด
ล้อของ Roborock S7 นั้นออกแบบมาให้สามารถวิ่งได้บนพื้นผิวของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นไม้ กระเบื้อง หิน หรือบนพรม และยังสามารถยกตัวขึ้นสูง เพื่อข้ามสิ่งกีดขวางอย่างธรณีประตูได้ด้วย
ตรงกลางจะเป็นส่วนแปรงกวาดฝุ่นใต้เครื่องเพื่อให้ลมดูดฝุ่นขึ้นไปเก็บ ออกแบบมาเป็นรูปเกลียวที่ช่วยให้กวาดเส้นผม เศษฝุ่นเล็กๆ ขึ้นไปได้ง่ายขึ้น
ส่วนท้ายสุดกับระบบถูพื้น VibraRise ที่ชุดผ้าถูพื้นไมโครไฟเบอร์ เราจะต้องรูดใส่กับตัวฐานที่แยกอยู่ตอนแกะออกมาจากกล่อง แล้วเอามาประกอบติดกับตัวเครื่อง
ซึ่งด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นจุดของถังน้ำกดตรงสลักสีส้มแล้วดึงออกมาได้เลย โดยจะมีจุกยางสำหรับใส่น้ำเพื่อใช้ในการถูพื้น
เตรียมพร้อมก่อนเริ่มใช้งานครั้งแรก
ถึงเวลามาเริ่มใช้งานกันดีกว่า เริ่มต้นมาจัดแจงประกอบชุดผ้าถูแล้วติดตั้งให้เรียบร้อย ถอดเอาถังน้ำไปใส่น้ำ ที่เป็นน้ำสะอาดเปล่าๆ ไม่ต้องใส่น้ำยาถูพื้น แล้วเอามาติดตั้งที่ตัวหุ่นให้เรียบร้อย
ติดตั้งตัวแท่นชาร์จที่เป็น Docking แนะนำให้เลือกตำแหน่งที่อยู่ริมกำแพง หรือตำแหน่งที่ไม่เกะกะเวลาเดิน และไม่มีอะไรกีดขวางใกล้ๆ ตอนเข้าออก
แต่ก่อนจะเริ่มทำงาน เรามาเข้าสู่กระบวนเชื่อมต่อหุ่นให้ออนไลน์และทำงานกับแอปในสมาร์ทโฟนกันก่อน โดยในมือถือ ให้เข้าไปในแอปสโตร์ เพื่อดาวน์โหลดแอป Roborock มาติดตั้ง จากนั้นเเข้าไปเริ่มใช้งานโดยลงทะเบียนผู้ใช้ในระบบให้เรียบร้อยจนกระบวนการเข้าสู่การเพิ่มหุ่นยนต์เข้าในระบบ
กดปุ่ม Power ค้างที่หุ่นเพื่อเปิดเครื่อง เปิดฝาบนเพื่อดูไฟสัญญาณ WiFi ให้เป็นลักษณะกระพริบ (ถ้าไม่กระพริบ ให้กดปุ่มซ้าย-ขวาข้างปุ่ม Power ค้างไว้) จากนั้นก็เข้าไปทำในกระบวนการของแอป ที่จะให้เชื่อมต่อสัญญาณ WiFi ในบ้านกับหุ่นให้เรียบร้อย เลือกตำแหน่งของหุ่นว่าอยู่ที่ห้องไหนในบ้าน ก็เป็นอันเรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้ว
ในการเชื่อมต่อครั้งแรก จะมีการสั่งอัปเดต Firmware อยู่ แนะนำให้ทำการอัปให้เรียบร้อยก่อนเริ่มใช้งาน และหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ
เตรียมพร้อมหุ่นกับแอปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาเตรียมความพร้อมของห้องเราด้วย! ห้องนั้นควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีข้าวของ สายไฟ ฯลฯ วางเกะกะที่พื้น เพื่อให้หุ่นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
สั่งงาน + ควบคุมผ่านแอป Roborock
เริ่มต้นทำงานกันได้เลย ให้วางหุ่นไว้กลางห้อง ครั้งแรกที่มันเริ่มทำงานในห้องที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน มันจะเริ่มปักหมุดแท่นชาร์จ แล้ววิ่งทำความสะอาดครั้งแรก โดยเริ่มวิ่งชิดกำแพงวนไปทางทวนเข็มนาฬิกา ถ้าเปิดดูในแอป เราจะเห็นว่ามันจะสแกนพื้นที่รอบห้อง เพื่อสร้างแผนที่สำหรับการทำงาน
เราจะปล่อยให้มันวิ่งวนเพื่อกำหนดพื้นที่ทั้งห้องเลยก็ได้ แต่แนะนำให้อยู่ดูและเดินตาม เพราะมันอาจจะวิ่งและชนข้าวของบางอย่างล้มได้ (แรงน้องเยอะนะ บอกเลย) แต่ถ้าผมแนะนำคือ ถ้าหุ่นเริ่มทำงานแล้ววิ่งไปสักพักจนเริ่มเห็นโครงสร้างของห้องพอเป็นรูปเป็นร่าง เราสามารถ Pause ให้หยุดทำงานชั่วคราว และเราทำการ Edit แผนที่ได้
โดยให้เรากำหนดจุดอย่าง โซนห้ามเข้า เป็นกรอบสีแดง เพื่อไม่ให้หุ่นวิ่งไปบริเวณนั้นเด็ดขาด เราใช้กำหนดตำแหน่งอย่าง โต๊ะทำงานที่ไม่อยากให้มันวิ่งเข้าไป, โซฟา หรือพัดลมตั้งพื้น ส่วน กำแพงที่มองไม่เห็น จะคล้ายๆ กับโซนห้ามเข้า แต่จะใช้เป็นการลากเส้นแทน เพื่อกำหนดไม่ให้หุ่นวิ่งเข้าไป และ โซนห้ามถู ที่เราเลือกได้เองว่าตรงนี้แค่ดูดฝุ่นแต่ไม่ต้องถูเองก็ได้
เมื่อวางโซนคร่าวๆ แล้ว ก็ให้หุ่นทำงานต่อและดูว่ามันวิ่งในโซนที่เราต้องการครบหรือเปล่า มันจะวิ่งรอบห้องเลาะตามกำแพงก่อน จากนั้นจะแบ่งห้องเป็น 4 ส่วนแล้วทยอยวิ่งวนจนเก็บพื้นที่ทำความสะอาดจนครบทั้ง 4 จุด แล้วมันก็จะวิ่งกลับไปยังแท่นชาร์จเอง
เราสามารถใช้งานมันแยกในหลายๆ ห้องได้ด้วย โดยเปิดประตูให้มันวิ่งไปยังห้องที่เชื่อมต่อเพื่อสแกนพื้นที่ได้ ดังนั้นการใช้งานครั้งแรกควรปล่อยให้มันเก็บพื้นที่ให้ครบตามห้องที่เราต้องการให้มันทำงาน จากนั้นค่อยมาเข้าในแอปเพื่อกำหนดตำแหน่งจากแผนที่ๆ มันสร้างขึ้นมา
โดยการสร้างแผนที่เพื่อสั่งใช้งาน สามารถจดจำได้สูงสุดถึง 4 แผนที่ ซึ่งมากเพียงพอสำหรับการทำความสะอาดบ้านทั้งหลังได้สบายๆ
การสั่งงานผ่านแอป จะสามารถสั่งการทำงานที่ซับซ้อนกว่าโหมดอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดรอบการทำงานในการทำความสะอาดแต่ละครั้ง หากต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ และยังจัดตารางการทำความสะอาดเป็นช่วงเวลาได้ อย่างเช่น ตอนเช้าให้ทำความสะอาดห้องทำงาน ตอนเที่ยงให้ทำความสะอาดในห้องนอน บ่ายทำความสะอาดห้องนั่งเล่น เป็นต้น
การกำหนดตำแหน่งการทำความสะอาด ยังเลือกกำหนดโซนเองได้ โดยลากกำหนดบนแผนที่ห้อง เพื่อสั่งตำแหน่งให้หุ่นวิ่งออกไปทำความสะอาด และเลือกกำหนดได้หลายๆ โซน ซึ่งหุ่นก็จะไล่ทำความสะอาดตามที่กำหนด
แถมด้วยยังมีโหมดการบังคับหุ่นยนต์ให้ทำงานแบบใช้แอปควบคุมเป็น Remote Control เองก็ได้ด้วย
และในแอปยังปรับค่าการทำงานทั้งการดูดฝุ่นและการถู ว่าให้มีความเข้มข้นของการทำงานมากน้อยแค่ไหนตามที่เราต้องการได้อีกด้วย และยังตั้งค่าอย่างเสียงพูดแจ้งการทำงาน ที่มีให้เลือกเป็นภาษาไทยด้วยนะ
นอกจากโหมดทำงานหลักแล้ว ยังมีอีกโหมดคือ Spot Cleaning โดยให้เรากดที่ปุ่มซ้ายที่หุ่น มันจะบอกให้เรานำไปวางในจุดที่ต้องการ โดยรัศมีการทำความสะอาดจะอยู่ที่ 1.5 เมตร โดยมันจะวิ่งวนทำความสะอาดเฉพาะจุดนั้น เหมาะสำหรับเวลาที่พื้นห้องมีน้ำหกเลอะสกปรก ก็ยกไปบริเวณนั้นแล้วสั่งทำงานได้เลย
ซึ่งถ้าไม่อยากยกไปวางเอง ก็กดสั่งจากในแอปได้ด้วยเช่นกัน โดยปักหมุดเป้าหมาย แล้วก็สั่งให้ทำความสะอาดเฉพาะจุดได้เลย
การทำงานบนพรม ถือว่าน่าประทับใจด้วย นอกจากมันจะสามารถตรวจจับการทำงานเวลาเจอพรมได้เอง คือเมื่อวิ่งขึ้นพรม ระบบถูพื้นจะหยุดโดยส่วน VibraRise จะยกขึ้นไม่ให้โดนพรม แรงลมและการหมุนของแปรงลูกกลิ้งก็จะถูกเร่งให้แรงขึ้น และการวิ่งก็จะช้าลง เพื่อให้สามารถดูดฝุ่นบนพรมได้สะอาด
และถ้าคุณทำการเชื่อมต่อแอป Roborock กับระบบคำสั่งเสียง อย่าง Google Assistant คุณสามารถพูดเพื่อสั่งให้มันทำความสะอาดได้เลย อย่างเช่นพูดว่า “ทำความสะอาดห้องนอน” หุ่นก็จะเริ่มทำงานโดนวิ่งไปที่ห้องนอน (ที่เราตั้งไว้) ก็ยิ่งสะดวกสบายเข้าไปอีก
สิ่งที่ควรรู้ และ ข้อควรระวัง
การใช้งาน Roborock S7 เรื่องประสิทธิภาพ การทำความสะอาด เรียกได้ว่าดีเยี่ยม แต่ก็มีหลายอย่างที่เราอยากจะแนะนำให้ระวังสำหรับการใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้รู้และเข้าใจ
- น้ำที่ใส่ในแท้งค์นั้น ต้องเป็นน้ำเปล่าที่สะอาด ไม่ใส่น้ำยาถูพื้น เนื่องจากอาจจะเข้าไปอุดตันในท่อหรือปั้มน้ำได้
- ถ้าไม่ใช้งานนานๆ หลายวัน ให้ถอดแท้งค์น้ำ อย่าใส่แช่ไว้ และก่อนจะใช้งานทุกครั้ง เช็คให้น้ำเต็มถังด้วย
- ผ้าถูพื้น หมั่นนำไปซักทำความสะอาดอยู่เสมอ อย่าทิ้งให้ฝุ่นสิ่งสกปรกหมักหมม เพราะจะซักยากและเวลาใช้ถูจะทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ
- หมั่นเช็ดทำความสะอาดเซ็นเซอร์ต่างๆ ด้วย บางครั้งมีฝุ่นไปจับ ทำให้ความแม่นยำในการทำงานผิดพลาดได้
- ถังเก็บฝุ่น และฟิลเตอร์กรองฝุ่น สามารถล้างทำความสะอาด แล้วตากให้แห้งก่อนนำมาใช้
- ชิ้นส่วนในการทำความสะอาดมีอายุการใช้งาน ทั้งผ้าถู, ใบพัดปัดฝุ่น, แปรงกวาดฝุ่น ฯลฯ ในแอปมีช่วยบอกได้ว่าแต่ละส่วนใกล้ครบอายุหรือยัง ควรเปลี่ยนเพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่มีปัญหา
ฝุ่นหมั่นเอาไปเททิ้งด้วยนะ ผ้าเวลาที่ใช้งานเสร็จ แนะนำให้ซักทุกครั้ง
สรุป รีวิว Roborock S7 ดีมั้ย? คุ้มค่าน่าซื้อแค่ไหน?
RoborockS7 ถือว่าเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีฟีเจอร์การทำงานระดับสูง แต่การใช้งานนั้นเรียนรู้และใช้ได้ไม่ยาก ตัวแอปออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมาก คือถ้าจะใช้ธรรมดากดสั่งที่ตัวหุ่นก็ได้ หรือจะใช้สั่งผ่านแอปก็ช่วยให้ลงรายละเอียดและวางแผนการทำความสะอาดได้อย่างที่ต้องการ
ประสิทธิภาพการทำความสะอาด ถือว่าดีมาก ระบบการปัดกวาดดูดฝุ่น ดูดได้เกลี้ยงดีมาก และระบบถูที่มีแรงกดกระแทกระหว่างถูด้วย พร้อมมีระบบปั้มน้ำ SnapMop Electric Water Pump ควบคุมระดับความชุ่มของผ้าที่ถูได้ ทำให้พื้นสะอาดกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นทั่วๆ ไปที่จะเป็นแค่เอาผ้าลากๆ ไประหว่างที่ดูดฝุ่น อันนี้ถือว่าประทับใจมากๆ เพราะห้องนั้นสะอาดไม่มีฝุ่น ไม่เหนียวหนึบเวลาเดิน ซึ่งผมรู้สึกว่า มันทำความสะอาดกว่าที่ผมเคยเก็บกวาดถูห้องที่ผ่านๆ มาซะอีก
แถมยังฉลาดในการสั่งให้ทำความสะอาดเป็นจุด ตำแหน่งห้อง และเป็นมิตรกับพรมที่เลือกได้ว่าจะหลบพรมหรือขึ้นไปทำความสะอาด โดยไม่ต้องถูให้พรมเปียกหรือเลอะได้ด้วย และในการทำความสะอาดบนพรม ตัวแปรงสามารถดูดฝุ่นได้ดีมาก
ระบบสามารถคำนวนเส้นทางในการวิ่งทำความสะอาดได้อย่างฉลาด คือความเร็วในการวิ่งจะไม่เท่ากัน ในบริเวณริมกำแพงที่มักจะมีฝุ่นอยู่ มันจะวิ่งช้าๆ เพื่อเก็บฝุ่นได้ดีขึ้น และในเส้นทางที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง มันก็จะวิ่งเร็ว พอใกล้ๆ กำแพงหรืออะไรที่ขวางก็จะชะลอความเร็ว
ถ้าหากถามว่า ด้วยราคาค่าตัวของ Roborock S7 ที่อยู่ค่อนข้างสูง กับความสามารถในการทำงาน ถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อมาใช้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า มันช่วยให้พื้นบ้านของคุณสะอาดอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่คุณสั่งให้มันทำงานอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งบ่อย พื้นบ้านของคุณก็จะมีฝุ่นหรือความสกปรกสะสมน้อยลง จากการใช้ จะเห็นได้ว่า ความสกปรกของผ้าเวลาที่ถูกน้อยลง และปริมาณฝุ่นที่ดูดแต่ละครั้งก็น้อยลงด้วย
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอยากจะเก็บกวาดเช็ดถูพื้นห้องบ่อยๆ ยิ่งเป็นประเภทกลางวันออกไปทำงานเย็นกลับบ้าน จะทำความสะอาดทีก็คือวันหยุด นั่นก็คือในบ้านก็จะมีฝุ่น เส้นผม ฯลฯ และยิ่งถ้าบ้านของคุณมีสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าสุนัข หรือแมว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถือว่าเป็นตัวช่วยลดปริมาณขนของน้องๆ ที่ร่วงอยู่ตามพื้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งรุ่นนี้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเส้นผมยาวๆ ไปพันกับแปรงปัด โดยออกแบบแปรงใหม่ไม่ให้เส้นผมเข้าไปพันที่แกนอีกต่อไป
ตัวแบตเตอรี่นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้มันสามารถทำงานต่อเนื่องได้นานและทำความสะอาดได้เป็นพื้นที่กว้าง โดยการชาร์จเต็ม 100% จะสามารถทำความสะอาดได้พื้นที่มากสูงสุดถึง 300 ตารางเมตร ทำงานต่อเนื่องได้นานสุด 180 นาที เรียกว่า ถูบ้านได้ทั้งหลังได้สบายๆ โดยการชาร์จแบตเตอรี่นั้นใช้เวลาไม่ถึง 6 ชั่วโมง (ชาร์จแบบจาก 0-100%) และยังฉลาดด้วย AI Recharging คำนวนการชาร์ให้แบตเตอรี่เพียงพอต่อพื้นที่ๆ ต้องทำความสะอาด
ในอนาคต จะมีสินค้าเป็นตัวแท่นชาร์จ Docking ที่จะมียูนิตเก็บฝุ่นออกจากถังเก็บฝุ่นในเครื่องให้อัตโนมัติ ช่วยให้สะดวกในการนำฝุ่นไปทิ้งง่ายขึ้น
ราคา และการจำหน่าย Roborock S7
Roborock S7 ราคา เปิดตัว 22,900 บาท จากราคาปกติ 39,900 บาท จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยโดย Roborock Thailand สินค้านั้นรับประกัน 2 ปีเต็ม ทุกชิ้นส่วน (รวมแบตเตอรี่) *เงื่อนไขการรับประกันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
สามารถหาซื้อ Roborock S7 ได้แล้ว ที่ Roborock Store ชั้น 4 Central World Tel. 0823881688 และช่องทางสั่งซื้อออนไลน์มากมาย
- Roborock Official Store บน Shopee (ค้นหาว่า “Roborock”) : bit.ly/RoborockOfficialStore
- Roborock Official Store บน Lazada (ค้นหาว่า “Roborock”) : bit.ly/Lazada_RoborockOfficialStore
- Roborock Official Store บน JD Central (ค้นหาว่า “Roborock”) : https://bit.ly/3jT8lUp
- Line MyShop : https://shop.line.me/@roborockthailand
ติดตามอัปเดตข่าวสาร สินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Roborock ได้ทาง https://www.roborockthailand.com Facebook: https://www.facebook.com/roborocktha , Instagram : https://www.instagram.com/roborockthailand/ และ Line Official Account : @RoborockThailand