รีวิว Trouver Power 11 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก พลังแรง

28 เมษายน 2021

รีวิว Trouver Power 11 เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย รุ่นใหม่จาก Trouver อีกบริษัทในเครือของ Xiaomi ที่พัฒนาอุปกรณ์เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องใช้ในบ้านออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้สะดวกสบาย มีน้ำหนักเบา แต่พลังลมในการดูดสูงถึง 20000PA สามารถททำความสะอาดได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยหัวเปลี่ยน ที่มีให้เลือกเปลี่ยนเพื่อใช้งานได้ทั้งดูดฝุ่นที่พื้น, ดูดพรม, ดูดตามซอกมุม, ดูดเบาะโซฟา, ฯลฯ ใน ราคา เอื้อมถึงได้ง่ายที่ 4,990 บาท

จุดเด่นสำหรับ Trouver Power 11 คือความเล็กกะทัดรัด น้ำหนักหลังจากประกอบแล้วอยู่ไ 1.4 กิโลกรัม และยังใช้งานได้แบบไร้สาย ทำให้สะดวกสบายที่จะถือไปใช้งานได้ทุกทีแบบไม่ต้องลากสายไฟให้เกะกะ ทั้งใช้งานในบ้าน หรือจะเอาไปดูดฝุ่นในรถยนต์ก็ทำได้สบายๆ เริ่มต้นมาเรามาแกะกล่องดูในแพ็กเกจกันก่อนเลยว่า มีอะไรให้มาบ้าง

Unbox แกะกล่อง รีวิว Trouver Power 11

ตัวกล่องแพ็กเกจของ Trouver Power 11 นั้นจะใช้วัสดุเป็นกระดาษทั้งหมด สามารถนำไปรีไซเคิลและแยกทิ้งได้สะดวก โดยจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้

ตัวเครื่อง Trouver Power 11
ท่อต่อเพิ่มความยาว (Extension Rod)
หัวดูดสำหรับดูดฝุ่น (Soft Roller Nozzle)
หัวดูดสำหรับดูดพรม (Mini-Motorized Nozzle)
หัวดูดแบบ 2-in-1
คลิปติดอุปกรณ์เสริมที่ท่อ
ตัวชุดติดตั้งกับผนัง
อแดปเตอร์ชาร์จ
คู่มือการใช้งานและดูแลรักษาเบื้องต้น

ก่อนใช้งาน อย่าลืมอ่านคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และข้อมูลการดูแลรักษาอุปกรณ์ด้วยนะ

ตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ออกแบบมาให้เราจับถือในลักษณะเหมือนไกปืน จับได้ถนัดมือและสามารถใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวก อุปกรณ์เสริมเอามาต่อจะมีตัวล็อคเป็นปุ่ม ที่ให้กดเวลาต้องการถอดเปลี่ยนได้

ปุ่มกดตรงนี้ กดเพื่อถอดชิ้นส่วนของอุปกรณ์เสริม

ตัวท่อเพิ่มความยาว สำหรับเพิ่มระยะความยาว สำหรับเอาไว้เวลาใช้ดูดพื้น หรือดูดฝุ่นตามซอกมุมหรือเพดาน ตัวท่อจะมีความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร วัสดุเป็นโลหะ เคลือบด้วยสีส้มแบบเมทัลลิก

มีตัวคลิปสำหรับเอามาหนีบติดกับตัวท่อได้ สำหรับเสียบตัวหัวต่อไว้กับตัวเครื่อง เพื่อให้ถอดเปลี่ยนระหว่างใช้งานได้สะดวก อันนี้มีข้อเตือนนิดนึง ตัวคลิปนั้นหนีบค่อนข้างแน่น จนอาจจะทำให้สีบนตัวต่อเป็นรอยได้ ไม่แนะนำให้แกะเข้าแกะออกบ่อยๆ

ในกล่องมีตัวชุดติดตั้งกับผนังให้มาด้วย โดยที่เราจะต้องเจาะยึดกับกำแพง (ในกล่องมีน็อตและพุกมาให้เรียบร้อย) โดยเมื่อติดตั้งกับกำแพง เราจะเอาอแดปเตอร์ชาร์จมาเสียบที่ด้านล่าง เพื่อให้เวลาเอาเครื่องดูดฝุ่นมาเสียบก็จะชาร์จแบตเตอรี่ได้

ที่ด้านฐานของด้ามไกปืน จะเป็นส่วนของแบตเตอรี่ ความจุ 2500mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และมีช่องสำหรับเสียบอแดปเตอร์ชาร์จอยู่ที่ด้านหน้าของตัวแบตเตอรี่

ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเป็นหน้าจอ LED ที่จะแสดงสถานะของเครื่อง บอกปริมาณแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซนต์ โดยปกติจะดับอยู่ ให้กดปุ่มเพื่อปลุกหน้าจอได้ โดยปุ่มล่างจะเป็นปุ่มเลือกปรับโหมดการทำงาน ซึ่งเลือกได้ทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ

ECO โหมดประหยัดพลังงาน จะใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสุด 60 นาที
Med ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสุด 30 นาที
Turbo โหมดทำงานแรงสุด ใช้งานแบตเตอรี่ได้นาน 10 นาที

และจะมีปุ่มรูปกุญแจ จะเป็นปุ่มล็อคปุ่มไกปืนสำหรับสั่งดูดฝุ่น ให้เปลี่ยนจากกดค้างเพื่อทำงาน เป็นแบบ Toggle เพื่อสั่งเปิดและหยุดทำงานแทน

ด้านบนของตัวเครื่อง จะเป็นถังเก็บฝุ่น ออกแบบมาให้โปร่งใส ทำให้เรามองเห็นปริมาณฝุ่นที่ดูดมาเก็บเอาไว้ มีปุ่มกดที่ด้านหน้าเพื่อแกะเอาถังออกไปเทฝุ่นทิ้งได้

สเปคเบื้องต้น

น้ำหนัก (เฉพาะตัวเครื่องดูดฝุ่น) 1.4 กิโลกรัม
แบตเตอรี่ 2500mAh
กำลังไฟ 400W
ใช้งานได้นานสุด 60 นาที
ใช้เวลาชาร์จ 4 ชั่วโมง
ถังเก็บฝุ่นความจุ 0.4L
มีตรวจกรองฝุ่น HEPA

ทดสอบลองใช้

เริ่มต้นมาแกะอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา ให้ทำการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ก่อนเริ่มใช้งาน จะใช้วิธีเสียบไว้กับเครื่อง, ถอดแบตไปเสียบชาร์จ หรือติดตั้งตัว Wall Mount ก็ได้แล้วแต่สะดวก โดยดูที่ไฟด้านข้างของแบตเตอรี่ ถ้าหากกำลังชาร์จอยู่ไฟจะกระพริบ และเมื่อชาร์จเต็มแล้วไฟก็จะสว่างค้าง หลังจากนั้นตัวเครื่องก็จะเข้าสู่ Power Safe Mode

ทีนี้ มารู้จักกับหัวดูดแต่ละอย่างกันบ้าง ว่าเหมาะสำหรับการใช้งานอะไรบ้าง

หัวดูดสำหรับดูดฝุ่น (Soft Roller Nozzle)

เป็นหัวดูดหลักสำหรับการทำความสะอาดพื้น แนะนำให้ใช้งานร่วมกับตัวท่อต่อเสริมความยาว ที่ตัวหัวดูดจะมีมอเตอร์ช่วยหมุนลูกกลิ้งอยู่ด้วย โดยตัวลูกกลิ้งจะหุ้มด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์และแปรงปัดฝุ่น ที่จะช่วยกวาดฝุ่นให้ลมดูดฝุ่นขึ้นไปเก็บที่ถังของเครื่อง และตัวข้อต่อสามารถพับทำมุมได้ 0-90 องศา

เหมาะสำหรับการทำงานบนทุกพื้นผิวในบ้าน ทั้งพื้นไม้, พื้นปูน, กระเบื้อง หินอ่อน มีข้อควรระวังคือ ห้ามถูบนพื้นเปียกเด็ดขาด เพราะตัวลูกกลิ้งจะเก็บน้ำและอาจทำให้เครื่องเสียหายได้

จากการทดลองใช้ ถือว่าดูดฝุ่นได้ดี แรงลมระดับ Eco หรือ Mid ก็สามารถจัดการกับฝุ่นตามพื้น, เส้นผม, ขนสัตว์เลี้ยง ได้อย่างสบาย แต่ถ้าเป็นเศษกระดาษชิ้นใหญ่ หรือฝุ่นปริมาณมากๆ แนะนำให้ใช้โหมด Turbo ได้เลย

หัวดูดสำหรับดูดพรม (Mini-Motorized Nozzle)

สำหรับหัวดูดตัวนี้ จะมีหน้ากว้างน้อยกว่าแบบสำหรับดูดพื้น และตัว Roller ออกแบบมาเป็นแบบเกลียวที่มีแปรงปัดฝุ่น พร้อมมอเตอร์ที่ทำรอบความเร็วได้มากกว่า จึงเหมาะสำหรับเอาไว้ดูดฝุ่นบนพื้นผิวอย่างพรม รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์อย่าง โซฟาผ้า, เตียงนอน, หมอน ที่มักจะมีฝุ่นขนาดเล็กๆ ซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก

การใช้หัวดูดตัวนี้แนะนำให้เลือกความเร็วเป็น Turbo เลย เพื่อที่จะได้ดูดฝุ่นเล็กฝุ่นน้อยขึ้นมาให้ได้มากที่สุด ถ้าสังเกตฝุ่นที่ดูดด้วยหัวแบบนี้ จะได้ฝุ่นที่มีความละเอียดออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งฝุ่นแบบนี้คือสาเหตุของโรคภูมิแพ้และทางเดินหายใจ

หัวดูดแบบ 2-in-1

จะมีลักษณะเรียวยาว ที่เลือกเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้ 2 อย่างในตัวเดียวคือ แบบปกติที่เป็นหัวดูด และแบบมีแปรง การใช้งานเหมาะสำหรับเอาไว้จัดการกับฝุ่นตามซอกมุมต่างๆ, หยากไย่เกาะบนหลังคา, หลังตู้ ใช้เสียบต่อท่อเพื่อความยาว เพื่อให้ยื่นไปดูดได้ถนัดมากขึ้น

เลือกหัวดูดแบบมีแปรง แล้วใช้ลมระดับ Eco ยังเอาไว้จัดการฝุ่นทั่วไป อย่างเช่น ดูดฝุ่นที่อยู่บนคีย์บอร์ด, ฝุ่นตามพื้นในรถยนต์ ถือว่าเป็นหัวดูดอเนกประสงค์ที่ใช้เก็บกวาดฝุ่นที่ซุกซ่อนตามซอกซอยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

จุดที่น่าสนใจในการใช้งาน Trouver Power 11 ก็คือการปรับล็อคปุ่ม (Electronic Lock) โดยปกติการบังคับจะเป็นแบบไกปืนคือกดค้างไว้เพื่อให้ทำงาน แต่เราสามารถเลือกเป็นแบบล็อคปุ่มให้ทำงานต่อเนื่องได้ กด 1 ครั้งเป็นเริ่มทำงาน แล้วกดอีกทีเป็นหยุดทำงาน ทำให้สะดวกไม่ต้องกดปุ่มค้างให้เมื่อย เวลาที่ใช้งานต่อเนื่องนานๆ

การดูแลรักษา และ เรื่องควรรู้

เมื่อใช้งานแล้ว ก็ต้องรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดและดูแลรักษาตัวเครื่องกันด้วย สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเลยก็คือ ตัวถังเก็บฝุ่น ให้หมั่นเอาไปเททิ้งหลังและทำความสะอาดให้เรียบร้อย

การถอดถังเก็บฝุ่น จะมีปุ่มอยู่ที่ด้านหน้าถัง เมื่อกดแล้วดันขึ้นก็จะถอดถังออกมาได้ แล้วจะมีปุ่มรูปถังขยะ กดแล้วจะเปิดฝาด้านหน้าของถังออก ให้ฝุ่นหล่นออกมาจากถังได้

และถ้าต้องการล้างทำความสะอาดตัวถัง ให้ถึงตัวถังอะเคลิกใส ให้ออกจากตัว Cyclone ที่เป็นสีส้ม (ดึงได้เลยไม่มีสลักล็อค) เอาตัวถังใสไปล้างน้ำให้สะอาดได้เลย

พลิกที่ด้านท้ายของถัง จะมีตัวฟิลเตอร์ HEPA ที่กรองฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายระหว่างที่ดูดฝุ่น สามารถดึงออกมาได้เช่นกัน ด้านในมีฟองน้ำสีดำ

ทุกชิ้นส่วนของถังเก็บฝุ่นสามารถล้างทำความสะอาดได้ โดยล้างด้วยน้ำเปล่าก็พอ ไม่ต้องใช้น้ำยาใดๆ โดยทุกครั้งที่ล้างทำความสะอาด จะต้องตากแดดให้แห้งสนิท แนะนำว่า ตัวถังเก็บฝุ่น ควรล้างทำความสะอาดทุกเดือน ส่วนตัวชุด Cyclone และตัวชุดกรองฝุ่น HEPA ควรทำทุก 3-4 เดือน

ตัวหัวดูด Soft Roller ก็สามาถถอดออกเพื่อเอาไปทำความสะอาดได้ด้วยเช่นกัน พลิกขึ้นมาจะมีสลักล็อกอยู่ด้านข้าง กดแล้วดันขึ้นแล้วเอาตัวลูกกลิ้งไปซักทำความสะอาดได้เลย ส่วนตัวโครงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด

ตัว Mini-Motorized จะมีตัวล็อคอยู่ด้านข้าง ใช้เหรียญบิดปุ่มมาที่สัญลักษณ์ Unlock ก็จะแกะออกได้ เอาพวกเศษผมที่พันทิ้ง เอาลูกกลิ้งไปล้างทำความสะอาด ตากแดดให้แห้งสนิท ค่อยเอามาประกอบเพื่อใช้งานต่อ

นอกจากนี้มีข้อควรรู้และต้องระวังในการใช้งานอีก

ห้ามเอาไปใช้ดูดบนพื้นผิวที่เปียกน้ำเด็ดขาด
ระวังอย่านำไปใช้ดูดวัตถุที่มีความแข็ง หรือมีความคม อย่างเศษกระจกหรือตะปู เพราะอาจจะมีเศษของมีคมเข้าไปทำลายระบบดูดภายใน และติดที่ลูกกลิ้งได้
ตำแหน่งวางเครื่องสำหรับเสียบชาร์จระหว่างไม่ได้ใช้งาน ไม่ควรติดตั้งไว้ในที่ๆ มีอุณภูมิสูงหรือมีความชื้น อย่างห้องครัวหรือห้องน้ำ และควรติดตั้งไว้ในบ้าน

Trouver Power 11 ลองแล้วดีมั้ย? คุ้มค่าหรือเปล่า?

ด้วยประสิทธิภาพของระบบ AERO4.0 มอเตอร์ดิจิทัลแบบคู่ ที่ทำความเร็วรอบได้สูงสุดถึง 100,000 รอบ/นาที ทำแรงลมดูดได้ที่ระดับ 20000PA เป็นกำลังที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทำความสะอาดบ้านเรือนที่อยู่อาศัยทั่วไปได้สบายๆ

ความสะดวกสบายที่เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย คุณสามารถเดินถือไปทำความสะอาดได้ทั่วบ้านโดยไม่ต้องวุ่นวายลากสายลากเครื่องไปทั่วบ้าน และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม ทำให้ใช้งานได้สบายๆ หัวต่อสำหรับทำความสะอาดมีให้เลือกเปลี่ยนได้หลายแบบ ครอบคลุมการทำความสะอาดได้ทั้งพื้น, พรม, ซอกมุมใต้ตู้, โซฟา, ที่นอน, หมอน หรือเอาไปทำความสะอาดในรถก็ได้ด้วย เรียกได้ว่าใช้งานครบจบทุกความต้องการในการดูแลความสะอาดบ้านได้ในตัวเดียว

หรือถ้าใครที่บ้านมีพื้นที่จำกัด หรือเป็นคอนโดมิเนียม Trouver Power 11 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยขนาดที่เล็ก กินพื้นที่ในการจัดเก็บน้อยมาก แถมดีไซน์ยังสวยดูมินิมอลอีกด้วย