เนื่องจากราคาของสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงดึงดูดให้ผู้คนกลับมาทำเหมืองเพื่อขุดเงินคริปโตกัน
ข้อมูลจากดัชนีการใช้ไฟฟ้าของ Cambridge Bitcoin หรือ Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index (CBECI) ระบุว่าการบิตคอยน์ในปี 2020 นั้นใช้กำลังไฟ 120 กิกะวัตน์ต่อวินาที แปลงค่าได้เป็น 63 เทราวัตต์ – ชั่วโมง ต่อปี มีผลทำให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นต่อปี นำไปสู่ภาวะโลกร้อน โดย CBECI ตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณพลังงานที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์ในปัจจุบันเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประจำปีของประเทศอาร์เจนตินา
เพื่อจัดการกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานขุดบิตคอยน์ Microsoft กำลังเสนอแนวทางพัฒนาระบบการขุดเงินคริปโตที่ช่วยให้ผู้คนขุดเงินคริปโตได้ด้วยการตรวจสอบการทำงานของสมองของผู้คนและข้อมูลไบโอเมตริกซ์ส่วนบุคคลอื่นๆ แนวคิดของ Microsoft ตัวนี้จะช่วยขจัดความจำเป็นในการใช้อุปกรณ์ขุดเงินคริปโตโดยเฉพาะออกไป
เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา Microsoft Technology Licensing ได้เผยแพร่สิทธิบัตรที่ชื่อ Cryptocurrency system using body activity data หรือ ระบบสกุลเงินคริปโตโดยใช้ข้อมูลกิจกรรมของร่างกาย จากเอกสาร มีรายละเอียดวิธีล่าสุดของการขุดเงินคริปโตด้วยการใช้ข้อมูลที่รับจากกิจกรรมร่างกายของแต่ละบุคคล
สิทธิบัตรอธิบายว่า ระบบทำงานโดยบล็อกเชนส่งข้อมูลที่คำนวณแล้วจากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่กับตัวบุคคลไปยังเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งระบบการขุดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ติดตามร่างกายเพื่อใช้ตรวจจับกิจกรรมของผู้ใช้ที่ต้องการขุดสกุลเงินดิจิทัล
เซ็นเซอร์ อาจเป็นเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ , เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ , กล้องถ่ายรูป , เครื่องสแกน fMRI หรืออื่นๆ ที่สามารถวัดหรือตรวจจับกิจกรรมของร่างกายได้
นอกจากนี้ Microsoft ยังอธิบายเรื่องคลื่นสมอง เช่น แกมม่า เบต้า เดลต้า เป็นต้น ถึงความแตกต่างและจะวัดผลได้อย่างไรเพื่อประเมินการทำงานต่างๆ ของสมอง เช่น เมื่อทำสมาธิ
สิทธิบัตรกล่าวว่า เพื่อพิสูจน์การทำงานของบล็อกเชน เซิร์ฟเวอร์จะมีการส่งข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงไปยังผู้ใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลกิจกรรมของร่างกาย โดยข้อมูลนั้นอาจอยู่ในรูปแบบของการดูโฆษณาในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งจากโซเชียลมีเดีย หรือจากเว็บไซต์เฉพาะ จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งกลับไปยังระบบสกุลเงินคริปโต ซึ่งจะมีการตรวจสอบแฮชที่ผู้ใช้สร้างขึ้นจากข้อมูลกิจกรรมของร่างกาย แล้วพิจารณาว่าเวกเตอร์ของกิจกรรมของร่างกายมีความสัมพันธ์ หรือความคล้ายคลึงกับเวกเตอร์ที่ถูกต้องที่กำหนดโดยอัลกอริทึมของระบบสกุลเงินคริปโต ถ้าทุกอย่างถูกต้องตรงกัน ผู้ใช้จะได้รับเงินคริปโตเป็นการตอบแทน
หากกิจกรรมของร่างกายของผู้ใช้งานอาจถูกนำไปใช้ในกระบวนการขุดสกุลเงินดิจิทัลได้ มันจะช่วยลดการพึ่งพาอุปกรณ์การขุด รวมไปถึงการลดกำลังไฟที่ใช้ในการขุดไปได้มาก เป็นผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนให้ดีขึ้นได้
ที่มา : TECHSTARTUPS