รีวิว Mi 11 Lite สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก Xiaomi มีจุดเด่นที่น่าสนใจ กับความบางและเบามากๆ รวมถึงหน้าจอสวยแสดงสี 10-bit กล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียดกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพ+วิดีโอครบครัน เปิดมาดวย ราคา เพียง 8,999 บาท
Mi 11 Lite ถือว่าเป็นน้องนุชสุดท้องของตระกูล Mi 11 ของปีนี้ โดยปกติแล้ว ถ้าขึ้นชื่อว่ารุ่น Lite นั้น จะเป็นรุ่นที่ใช้ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นเรือธง แต่ปรับสเปคลงมาเพื่อให้สามารถทำราคาเริ่มต้นได้ถูกลง
แต่สำหรับ Mi 11 Lite นั้น ในการปรับสเปคลงมานั้นก็ส่วนนึง แต่มีการทำสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากๆ คือ ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีขนาดบางลงและน้ำหนักทีเบามากๆ เรียกว่าบางสุดเบาสุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้เลยล่ะ ส่วนประสิทธิภาพการใช้งานก็ยังให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดี ทั้งหน้าจอที่สวยคมชัด และยังมีกล้องที่ถ่ายได้สวยสนุกอีกด้วย
ข้อมูล สเปค Mi 11 Lite
- ขนาด 160.5 x 75.7 มิลลิเมตร
- หนา 6.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 157 กรัม
- หน้าจอ AMOLED DotDisplay 6.55 นิ้ว FHD+ (2400 x 1080) แสดงผล 10-bit รีเฟรซเรต 90Hz รองรับ HDR10
- กระจกด้านหน้า Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 732G 2.3 GHz (8nm)
- RAM 8GB
- หน่วยความจำภายใน 128GB UFS 2.2 เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- กล้องหน้า 16MP (f/2.5) ระยะ 25mm
- กล้องหลัง 3 เลนส์ Triple Camera
- กล้องหลัก 64MP (f/1.8) เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.97 นิ้ว ระยะ 26mm PDAF
- กล้องมุมกว้าง 119 องศา Ultra-Wide 8MP (f/2.2)
- กล้องมาโคร 5MP (F/2.4) Autofocus
- ลำโพงคู่สเตอริโอ
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C 2.0
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band
- Bluetooth 5.1
- มี NFC
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ด้านข้าง
- รองรับ 2 ซิม (NanoSIM)
- เครือข่าย 2G / 3G / 4G
- แบตเตอรี่ 4250 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W
- มีให้เลือก 3 สี Boba Black, Peach Pink, Bubblegum Blue
- ราคา 8,999 บาท (เปิดตัว เมษายน 2564)
Unbox แกะกล่อง รีวิว Mi 11 Lite
แพ็กเกจกล่องของ Mi 11 Lite มาเป็นสีขาวธีมเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ใน Mi 11 Series โดยที่ตัวหนังสือที่อยู่บนกล่องจะเป็นสีแบบเหลือบสะท้อนแสง ในกล้องจะมีอุปกรณ์ให้มาหลายอย่าง
นอกจากตัวเครื่องแล้ว จะมีเคสแบบ TPU แบบใสสำหรับป้องกันตัวเครื่อง มีฟิล์มกันรอยที่แปะติดมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน พร้อมทั้งมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารการรับประกัน และเข็มจิ้มถาดซิม
ด้านล่างสุดในกล่อง จะมีอุปกรณ์เสริม ตัวหางหนูที่เป็นตัวแปลงพอร์ต USB-C ให้เป็นช่องหูฟัง 3.5mm (แต่ในกล่องไม่มีแถมหูฟังให้นะ โดยที่จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จกำลังไฟ 33W พร้อมสาย USB-A to USB-C สำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
มาดูกันที่ดีไซน์ตัวเครื่อง เริ่มจากฝาหลังกันเลย หน้าตาของ Mi 11 Lite มีสไตล์แบบเดียวกับรุ่นพี่ที่อยู่ในตระกูล Mi 11 Series ด้วยตัวโมดูลกล้องที่มีการเล่นระดับ จัดวางอยู่ในฐานทรงสี่เหลี่ยมโค้งมนอย่างกับโลโก้ใหม่ของ Xiaomi โดยมีเล่นระดับ 2 ชั้น และมีใส่วงแหวนรอบเลนส์กล้องหลักมาให้ด้วย ถือเป็นดีไซน์ที่สวยและลงตัวดีทีเดียว
ด้านหลังเครื่องเป็นกระจก มีโลโก้ Xiiaomi อยู่ทางซ้ายล่าง สีของเครื่อง Mi 11 Lite ที่ทางทีมงานเราได้มา รีวิว จะเป็นสีน้ำเงิน Bubblegum Blue ที่เป็นการไล่เฉดน้ำเงินกับสีฟ้า บนพื้นผิวสัมผัสกระจกแบบด้าน ทำให้เกิดรอยนิ้วมือขณะที่จับเครื่องน้อย โดยสีของเครื่องจะมีอีก 2 สีให้เลือก คือ สีดำ Boba Black และสีชมพู Peach Pink
เฟรมเครื่องเป็นวัสดุโพลีคาร์บอเนต ทำสี โทนเดียวกับฝาหลังเครื่อง โดยจะมีความโค้งมนรอบทั้ง 4 ด้าน ด้านข้างของเครื่อง ฝั่งซ้ายจะเรียบๆ ไม่มีช่องหรือปุ่มใดๆ ส่วนทางขวาจะมีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง และปุ่ม Power ที่รวมเอาเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ด้วยกัน โดยเป็นปุ่มแบบนูนขึ้นมาจากขอบเครื่อง ทำให้มีความสวยงามและกดสแกนนิ้วมือได้ง่ายกว่าแบบที่เป็นปุ่มเรียบๆ เว้าเข้าไปในขอบเครื่อง
ขอบด้านบนของตัวเครื่อง มีช่องของไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับช่วยตัดเสียงรบกวนขณะที่สนทนา และช่อง IR Blaster สำหรับส่งสัญญาณอินฟราเรด ใช้คู่กับแอปรีโมทคอนโมทคอนโทรลเพื่อควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้
ส่วนทางขอบด้านล่างของเครื่อง จะมีช่องลำโพง, พอร์ต USB-C, รูไมโครโฟนสนทนา และช่องถาดซิม
โดยตัวถาดซิมของ Mi 11 Lite เป็นแบบ Hybrid ที่ใส่ได้ 2 ซิมขนาด Nano SIM โดยในช่องของซิม 2 จะเลือกได้ว่าจะใส่เป็นซิมหรือ microSD เพื่อใช้เพิ่มหน่วยความจำภายในเครื่อง
ดูกันที่หน้าจอ มาในดีไซน์แบบ Punch-Hole เจาะรูเว้นไว้สำหรับกล้องหน้า อยู่ตรงบริเวณมุมซ้ายด้านบน ซึ่งมีขนาดรูค่อนข้างเล็ก หน้าจอขนาดใญ่ 6.55 นิ้ว เป็นแบบ AMOLED 10-bit แสดงผลได้มากกว่า 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10 และมีค่ารีเฟรชเรตที่ 90Hz
ถือว่าเป็นหน้าจอที่คุณภาพสูงมาก สำหรับสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึงหมื่นบาท โดยจะมีกระจก Gorilla Glass 5 ครอบไว้ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี และทนทานต่อแรงกระแทก โดยขอบกระจกจะมีโค้งมนแบบ 2.5D รับกับขอบเครื่องให้สัมผัสที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น
ดีไซน์ของ Mi 11 Lite ถือว่าสวยดูดีลงตัว หน้าจอขนาดใหญ่เต็มตา และที่น่าทึ่งมากก็คือ ความบางของเครื่อง เพราะบางมากๆ เพียงแค่ 6.8 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งตอนนี้สมาร์ทโฟนที่มีความบางมากๆ เต็มที่ก็อยู่ราวๆ 7-8 มิลลิเมตร แต่ Mi 11 Lite นั้นทำได้น้อยกว่านั้น ทำให้เวลาจับแล้วสัมผัสได้ว่ามันบางเข้ามือ แถมยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 157 กรัมเท่านั้น
ประสิทธิภาพการใช้งาน
ชิปเซ็ตที่เลือกใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 732G ความเร็วสูงสุดที่ 2.3 GHz ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 8nm สำหรับรุ่นที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นรุ่นหน่วยความจำ 128GB และ RAM 8GB
สเปคนี้แล้ว ถ้าเรื่องของประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับกลางลงมาล่างนิดๆ ผลทดสอบด้วย Geekbench ทำคะแนนในส่วนของ Single-core ได้ 557 และ Multi-core ที่ 1714
ตัวระบบปฏิบัติการเป็น MiUI 12 เวอร์ชั่นล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 11 ทำงานร่วมกับหน้าจอที่เป็น 90Hz ทำให้ได้ความรู้สึกในการใช้งานทั่วไป ดูไหลลื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนหน้าแอป, เล่น Facebook, LINE เลื่อนไถฟีดหน้าจอได้แบบเนียนๆ ตา
ส่วนของการเล่นเกม ตัวระบบของ MiUI 12 มี Game Turbo ที่ช่วยทั้งเรื่องปรับระบบทรัพยากรในเครื่องให้เล่นเกมได้ดีขึ้น ทั้งเรื่องกราฟฟิค เฟรมเรต และการควบคุมสัมผัส ให้ดียิ่งขึ้น ปรับ Contrast ของภาพให้สูงขึ้น และปรับเรื่องปิดการแจ้งเตือนระหว่างเล่น และยังเลือกปรับแยกได้ในแต่ละเกมอีกด้วย
ลองเล่นเกมอย่าง ROV เลือกเล่นภาพแบบ HD ตัวเกมเล่นที่ 60fps ได้ค่อนข้างนิ่ง มีแกว่งบ้างแต่ก็แทบไม่รู้สึก การบังคับถือว่ากดแม่นติดนิ้วดี ด้วยตัวจอรุ่นนี้มี Touch Sampling หรืออัตราการตอบสนองที่ไวถึง 240Hz ช่วยให้ตัวเครื่องที่แม้ว่าไม่ได้เป็นสเปคตัวแรงมากนัก ก็ยังเล่นเกมได้ประสบการณ์ที่ดีอยู่
ทางด้านของแบตเตอรี่ เห็นเครื่องบางๆ เบาๆ แบบนี้ แต่ก็ให้แบตเตอรี่มามากถึง 4250 mAh และมีระบบชาร์จไว 33W มาให้ด้วย ซึ่งเราหาไม่ค่อยได้ในสมาร์โฟนรุ่นต่ำหมื่น ที่จะให้ระบบชาร์จไว้ระดับนี้มาด้วย (แน่นอนว่ามีที่ชาร์จแถมมาให้ในกล่องเรียบร้อย) การใช้งานทั่วไปถือว่าอยู่ได้เต็มวันได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร หากมีการใช้งานหนักๆ ถ่ายรูปหรือเล่นเกม ก็สามารถเสียบชาร์จเติมให้แบตเต็มได้โดยไม่ต้องรอนาน
รุ่นนี้มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาด้วย เป็นแบบรวมอยู่ในปุ่ม Power ที่ติดไว้อยู่ด้านข้างเครื่อง ส่วนตัวชอบปุ่มสแกนแบบนี้มากกว่าสแกนที่หลังเครื่อง เพราะเป็นตำแหน่งปุ่มที่เราต้องกดเพื่อเปิดหน้าจออยู่แล้ว ก็คือกดทีเดียวพร้อมปลดล็อคได้เลย ความเร็วในการสแกนถือว่าดีและแม่นยำ และดีไซน์ตัวปุ่มเป็นแบบปุ่มนูนออกมาเหมือนปุ่มกดปกติ ไม่ได้เป็นแบบบุ๋มลงไป ทำให้ตัวเครื่องดูสวย และสแกนนิ้วได้ถนัดกว่า
ส่วนที่ประทับใจมาก คือการดูหนังดูซีรี่ย์ ด้วยตัวหน้าจอเป็น AMOLED และยังเป็นแบบ 10-Bit ที่มีขอบเขตการแสดงสีได้มากกว่าพันล้านสี คือเปิดดู Netflix นี่สีสวยคมชัดดีมาก และตัวลำโพงก็เป็นสเตอริโอด้วย คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี แล้วพอเครื่องมันเบาๆ ถือดูหรือนอนดูก็ไม่ค่อยเมื่อยมืออีกด้วย
ลองกล้องถ่ายภาพ
กล้องของ Mi 11 Lite กล้องหน้าเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 ความละเอียดไม่ได้เยอะมาก แต่ถ่ายเซลฟี่มาอยู่ในระดับที่โอเค โดยทำงานร่วมกับตัวซอฟท์แวร์ที่มีทั้ง AI, โหมด Beauty, ฟิลเตอร์ และลูกเล่นเอฟเฟคจำลองแสงแบบสตูดิโอแบบของ Mi ที่มีให้เลือกใช้อย่างเยอะ
กล้องหลังนั้น เป็นเซ็ตอัพแบบ 3 กล้อง ที่มีกล้องหลักความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.97 นิ้ว ทำงานร่วมกับเลนส์ Ultra-wide 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2) และเลนส์มาโคร 5 ล้านพิกเซล f/2.4 โดยที่ได้ระบบกล้องของรุ่นพี่มา ทำให้ 3 เลนส์สามารถถ่ายออกมาได้ทั้งระยะปกติ ระยะกว้าง และระยะใกล้ เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพในแต่ละวันได้สบายๆ
กล้องหลัก 64MP มีความคมชัดที่ดี ในสภาพแสงสว่างสามารถเก็บรายละเอียดพร้อมสีสันได้ดี
เลนส์มุมกว้าง Ultra-Wide ช่วยให้เก็บภาพได้กว้างมากขึ้น เหมาะทั้งสำหรับถ่ายทิวทัศน์ หรือจะเอาไว้ถ่าย Portrait ในมุมแปลกๆ ก็เวิร์ค
เลนส์มาโคร ก็เก็บซูมภาพวัตถุในระยะใกล้ๆ ได้ประมาณ 4 เซนติเมตร ได้มุมมองดูของเล็กๆ ให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น
โหมดถ่ายภาพกลางคืน เก็บส่วนรายละเอียดและสีสันได้ค่อนข้างดี ไม่มีการฟุ้งเบลอของแสง ทำให้เห็นภาพยามค่ำคืนได้สวยขึ้น ถ่ายได้ทั้งมุมปกติและมุมกว้าง แต่เสียดายมีเฉพาะถ่ายภาพด้วยกล้องหลังนะ ถ่ายเซลฟี่กล้องหน้ายังไม่มีโหมดกลางคืน และไม่มีวิดีโอกลางคืนด้วยเช่นกัน
ถ่ายภาพบุคคล Portrait ทำได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง การวัดระยะปรับเอฟเฟคเบลอฉากหลังดูเป็นธรรมชาติ แล้วยังมีการปรับแต่งด้วย AI ให้สวยมีสไตล์มากยิ่งขึ้น
ซอฟท์แวร์แต่งภาพของระบบ ดีแบบไม่ผิดหวัง ปรับสีใส่ฟิลเตอร์ได้ หรือปรับ Beauty ทีหลังก็ทำได้เช่นกัน และถ้าถ่ายมาเป็นแบบ Portrait จะสามารถมาเลือกปรับโฟกัสเบลอฉากหลัง หรือปรับเอฟเฟคแสงต่างๆ ได้
และของเด็ดประจำของ Mi กับคำสั่งเปลี่ยนท้องฟ้าให้สวย ก็ใส่มาให้ด้วยเช่นกันใน Mi 11 Lite ถ่ายภาพมาท้องฟ้าสีอาจจะไม่ถูกใจ จะเปลี่ยนแบบใหม่ หรือเปลี่ยนเป็นแสงยามเย็น กลางคืน หรือจะมีแสงเหนือ เห็นทางช้างเผือกก็ตามแต่ใจ
วิดีโอถ่ายได้ถึง 4K 30fps และยังมีระบบลดการสั่นไหวของภาพใส่มาให้ด้วย ช่วยให้ถือเดินถ่ายวิดีโอได้ภาพที่ลื่นไหลมากขึ้น ที่สำคัญ ยังใส่โหมดภาพยนตร์ที่มีเอฟเฟกต์ลูกเล่นถ่ายวิดีโอสำเร็จรูปมาให้เล่นมากมาย รวมถึงหมวด VLOG , Clone, วิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว, วิดีโอคู่ ฯลฯ ให้มาเหมือนรุ่นพี่อีกด้วย
ทดสอบ รีวิว Mi 11 Lite ลองใช้แล้ว ชอบแค่ไหน?
ปกติแล้ว เวลาสมาร์ทโฟนออกรุ่น Lite มา เราจะคิดว่าเป็นรุ่นลดสเปคเพื่อเอามาขายได้ในราคาถูก แล้วหลายๆ อย่างที่เคยมีในรุ่นปกติจะหายไป แต่กับ Mi 11 Lite ทำหลายๆ อย่างให้มีจุดเด่นที่น่าสนใจเพื่อมาทดแทนความเร็วแรงของสเปคที่ลดทอนลงมา
ตั้งแต่การออกแบบตัวเครื่องให้มีความบางและเบามากๆ เรียกว่า บางเบาสุดในท้องตลาดตอนนี้แล้ว โดยที่ได้หน้าจอเป็น AMOLED 10-bit 90Hz ที่ถือว่าเป็นเกรดดีมากสำหรับสมาร์ทโฟนระดับราคาไม่เกิน 10,000 บาท แบตเตอรี่ให้มาใหญ่พอสำหรับใช้งานสบายๆ ทั้งวัน ส่วนสเปคภายใน เลือกตัวท็อปสุดคือ RAM 8GB และ ROM 128GB ทำให้ยังได้ประสบการณ์ใช้งานที่ไหลลื่นได้ดีอยู่
กล้องนั้น อาจจะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ยังทำงานได้น่าประทับใจ กล้องหลัง 64 ล้านพิกเซลพอได้ซอฟท์แวร์กล้องตัวล่าสุดของ Mi ที่มีอภินิหารปรับแต่งภาพออกมาได้เยอะมาก จึงเป็นกล้องมือถืออีกรุ่นที่ใช้งานได้คล่องมือ ถ่ายสนุก เก็บโมเม้นต์ในแต่ละวันได้อย่างที่ต้องการ
Mi 11 Lite เปิดตัวแล้วในไทย วางจำหน่าย ราคา 8,999 บาท โดยขายแบบ Exclusive เฉพาะที่ Banana มีโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อระหว่าง 5-18 เมษายนนี้ รับ Mi True Wireless Earphone Basic 2 มูลค่า 999 บาท ฟรีทันที
จุดเด่น
- สมาร์ทโฟน ที่บางและเบาที่สุดในท้องตลาดตอนนี้
- กล้องหลัง 64MP ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ MiUI ถ่ายสนุก ลูกเล่นเยอะ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
- จอ AMOLED 10-bit ให้สีสันที่สวยงามคมชัด
- ค่ารีเฟรชเรต 90Hz ให้ความรู้สึกไหลลื่นในการใช้งานดีมาก
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เต็มวัน พร้อมระบบชาร์จไว 33W
- ลำโพงคู่สเตอริโอ
- Qualcomm Snapdragon 732G
- RAM 8GB ROM 128GB
- สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home แบบนูนขึ้นมา ใช้ถนัด+สแกนเร็วแม่นยำ
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ 5G (ยังไม่แน่ใจว่าจะมีเข้ามาจำหน่ายในไทยหรือเปล่า)
- ถาดซิมเป็น Hybrid ช่องที่ 2 ต้องเลือกระหว่างใส่ซิมหรือ microSD
- แอปติดตั้งมากับเครื่องค่อนข้างเยอะ