Gojek

Gojek มุ่งเป็นแพลตฟอร์ม แบบ Zero Emissions, Zero Waste & Zero Barriers ในปี 2030

Gojek เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตรายแรกใน SEA ที่จัดทำรายงานความยั่งยืน มุ่งเป็นแพลตฟอร์ม แบบ Zero Emissions, Zero Waste & Zero Barriers ในปี 2030 

Gojek (โกเจ็ก)  ประกาศเป้าหมายที่จะก้าวเป็นแพลตฟอร์มแบบ Zero Emissions, Zero Waste and Zero Barriers ภายในปี 2030 ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปีฉบับแรกซึ่งเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าและการนำแนวคิดการดำเนินธุรกิจยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) ไปปรับใช้ ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจของบริษัทที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกและคุณค่าให้แก่ผู้คนและโลกอย่างยั่งยืน  

เพื่อเอื้อประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วนในอีโค่ซิสเต็มของบริษัทและเพื่อเน้นย้ำและสร้างการรับรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม การดำเนินงานของ Gojek จึงให้ความสำคัญกับทั้งสามด้านเป็นหลัก คือ 1) ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม (ผ่านแคมเปญ GoGreener) เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายหลัก คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Zero Emissions) และการสร้างขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste)2) ความก้าวหน้าทางสังคมและเศรษฐกิจ (ผ่านแคมเปญ GoForward) และ 3) ความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของทุกคน (ผ่านแคมเปญ GoTogether) เพื่อความสำเร็จของเป้าหมายด้านการแบ่งแยกทางสังคมเป็นศูนย์ (Zero Barriers)

รายงานความยั่งยืนของ Gojek ถือเป็นฉบับแรกที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทอินเตอร์เน็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยข้อมูลที่เปิดเผยและเอกสารต่างๆ ที่ใช้ ได้รับการรับรองจากบริษัท PricewaterhouseCoopers (PwC) อินโดนีเซีย ทั้งนี้ Gojek  เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในภูมิภาคด้านการนำแนวคิดความยั่งยืนมาใช้ในการประกอบธุรกิจ และยังยินดีเปิดเผยผลการดำเนินงานในด้านความยั่งยืนทั้งหมดอย่างโปร่งใส

เควิน อลูวี, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ของ Gojek กล่าวว่า “Gojek เองเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและการเติบโตของธุรกิจมาโดยตลอด ความมุ่งมั่นนี้อยู่ในดีเอ็นเอของเราและเป็นเหตุผลที่หลายๆ คนเลือกมาทำงานที่นี่ เมื่อธุรกิจเราเติบโตขึ้น จึงยิ่งจำเป็นมากขึ้นในการพัฒนาวิธีที่จะวัดผลและพัฒนาด้านความรับผิดชอบต่อสังคม  และสร้างมาตรฐานในฐานะผู้นำอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญต่อทั้งเราและสังคมโดยรวม และนี่คือเหตุผลที่เราขยายสเกลการดำเนินงานในด้านความยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นหัวใจหลักขององค์กรเรา Gojek หวังว่าเราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยั่งยืนแก่สังคม พาร์ทเนอร์ และโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ และสามารถนำเราไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จลุล่วงในระยะยาว”

อันเดร โซลิสต์โย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ของ Gojek กล่าวเพิ่มว่า “ภาคเอกชนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเริ่มลงมือแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมซึ่งกำลังบ่อนทำลายโลกและชุมชนของเราในขณะนี้ Gojek เองยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของขนาดธุรกิจและความแข็งแกร่ง โดยมีผู้ใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นล้านๆ คนในทุกวัน การแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างยั่งยืนจึงถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา การยึดหลักแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ได้มาตรฐานในอุตสาหกรรมนี้ จะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกส่วนของอีโค่ซิสเต็ม และยังเป็นแนวทางให้บริษัทอื่นๆ ในภูมิภาคสามารถปฏิบัติตามด้วย ปัญหาเหล่านี้เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเรา เราจึงตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากเรา เพื่อประโยชน์ของประเทศอินโดนีเซีย ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก”

Gojek ได้เริ่มเดินหน้าทำเป้าหมายให้เป็นจริงในหลายส่วน และจะมีการประเมินผลและเปิดเผยข้อมูลในด้านความยั่งยืนในทุกปี 

ทานาห์ ซัลลิแวน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนของ Gojek กล่าวว่า “ด้วยความที่มีเวลาไม่ถึง 10 ปีในการจะบรรลุเป้าหมาย SDGs เราจึงต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้  การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ พร้อมกับการยึดมาตรฐานและการรับรองคุณภาพสากล รวมถึงการใช้กลยุทธ์การดำเนินงานที่ขับเคลื่อน

ด้วยดาต้า ทำให้เราสามารถมั่นใจว่าแผนการของเรานั้นแข็งแกร่ง สอดคล้องต่อความต้องการ และสร้างผลกระทบได้มากที่สุด เราเองทราบดีว่าเป้าหมายนี้ไม่อาจทำให้สำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว เราจึงจะสร้างเน็ตเวิร์คของพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดเดียวกับเราเพื่อเร่งการพัฒนา โดยอาศัยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญ และความสามารถของทุกฝ่ายให้เป็นประโยชน์”

Dr. Allinnettes Adigue หัวหน้าฝ่าย ASEAN Regional Hub แห่ง GRI กล่าวว่า “การพัฒนาความยั่งยืนขององค์กรส่งผลดีต่อทั้งผู้คน โลก และประโยชน์ของบริษัทในระยะยาว เพราะว่าในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถประกอบธุรกิจได้บนดาวเคราะห์ที่ตายแล้ว ดังนั้นคำถามที่ว่าบริษัทควรจัดทำรายงานความยั่งยืนหรือไม่นั้นจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป รายงานความยั่งยืนเป็นทางออกในระยะยาวอย่างแน่นอน แต่ปัญหาก็คือรายงานพวกนั้นถูกต้อง ตรงประเด็น และสื่อสารอย่างชัดเจนแค่ไหนถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่มีความจำเป็นต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง ไม่ใช่แค่เพียงแค่บางกลุ่มเท่านั้น

“มาตรฐาน GRI ซึ่งเป็นกรอบการรายงานที่ได้รับการนำมาใช้มากที่สุดในโลก ไม่ใช่เป็นเพียงแผนการรายงานเท่านั้น แต่เป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่องค์กรต่างๆ ทั่วโลกในการใช้บรรทัดฐานเดียวกันเพื่อตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืน ไปจนถึงการประมาณ วิเคราะห์ และรายงานความคืบหน้า ซึ่งจะช่วยพัฒนาผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรฐาน GRI นี้จะช่วยให้บริษัทเลือกโฟกัสแต่ประเด็นสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผ่านการนำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณ การประเมินผลเชิงบรรยาย และระบบแบบ Indicator-Based” 

สนับสนุนความเป็นอยู่ของคนในสังคมในช่วง COVID-19

Gojek ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ทุกคนในระบบอีโค่ซิสเต็มเพื่อลดผลกระทบจาก COVID-19 ผ่านการสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยและสุขภาพของทุกฝ่าย การคิดค้นโปรดักส์และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ และการเพิ่มช่องทางหารายได้ให้แก่พาร์ทเนอร์ร้านค้าและพาร์ทเนอร์คนขับ  อีกทั้งในปี 2020 Gojek ได้ก่อตั้งมูลนิธิ Anak Bangsa Bisa (YABB) เพื่อช่วยสนับสนุนพาร์ทเนอร์ของบริษัทและคนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยได้รับเงินบริจาคถึง 1 แสนล้านรูเปียห์ (ราว  216 ล้านบาท)จากผู้บริหารระดับสูงและพนักงาน  และอีก 2 หมื่นล้านรูเปียห์ (ราว 43 ล้านบาท) จากโครงการบริจาคเพื่อการกุศลของบริษัทและโปรแกรมบริจาคอื่นๆ

นอกจากนี้ Gojek ยังให้การสนับสนุนผู้บริโภคและชุมชนโดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายขนาดใหญ่ของบริษัท ในการอัพเดทข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวทางด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย รวมไปถึงเปิดตัวฟีเจอร์และโปรแกรมต่างๆ อีกมากมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 และให้กำลังใจบุคลากรแนวหน้า 

สามารถอ่านรายงานความยั่งยืนฉบับเต็มได้ที่นี่