มีรายงานว่า Starbucks มีความกังวลและพิจารณาที่จะ ปิดเพจ Facebook ของตัวเอง หลังจากผิดหวังเรื่องการจัดการกับพฤติกรรมและคอมเมนต์ต่างๆ แนว hateful comment ที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังขึ้นภายในเพจ
เว็บไซต์ BuzzFeed News ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของทาง Facebook ที่ดูแลธุรกิจระหว่าง Facebook และ Starbucks บอกว่า ทาง Starbucks รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งกับข้อความคอมเมนต์ รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังขึ้นบนแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่การที่ Startbucks จะตัดสินใจ ปิดเพจ ลบบัญชีออกจากแพลตฟอร์ม Facebook
ความผิดหวังดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ว่าเพจจะโพสต์ข้อความประเด็นใดก็ตาม เช่น Black Lives Matter (BLM) , LGBTQ , ความยั่งยืนของระบบชีววิทยา ไปจนถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทางเพจมักจะมีข้อความคอมเมนท์เชิงลบเสมอ นั่นเป็นเหตุให้ Starbucks เริ่มคิดและพิจารณาว่าควรจะทำเพจ Facebook ต่อไปหรือไม่
Starbucks เองไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยบริษัทจัดให้มีทีมงานที่พยายามช่วยคัดกรองคอมเมนท์เชิงลบและคอมเมนท์ที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง แต่ทีมงานก็ยังพบเจอคอมเมนท์ประเภทดังกล่าวอยู่บ่อยๆ จนทำให้เกิดคำถามไปถึงการทำงานของอัลกอริทึมของทาง Facebook ว่ามันทำงานยังไงกันแน่ และช่วยในการคัดกรองคอมเมนท์เหล่านี้ได้หรือไม่
การตัดสินใจจะปิดเพจหรือไม่ของ Starbucks นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านการปฏิบัติและการรับมือ Hate Speech ของ Facebook นอกจากนี้ Starbucks ยังเป็นหนึ่งในบริษัทกว่าหลายร้อยบริษัทที่เข้าร่วมแคมเปญที่ชื่อ “Stop Hate for Profit” โดยหยุดการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook (แบรนด์ดังอื่นๆ ที่ร่วมแคมเปญ เช่น Unilever Coca-Cola , The North Face และ Patagonia เป็นต้น)
ไม่เพียงแต่ Starbucks เท่านั้นที่เผชิญกับปัญหาดังกล่าว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางพรีเมียร์ลีกที่เป็นลีกการแข่งขันสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ และทีมฟุตบอลต่างๆ กว่า 20 ทีมรวมตัวกันคว่ำบาตร Facebook และ Instagram เป็นเวลา 4 วัน เพื่อต้องการให้ Facebook นั้นตระหนักถึงปัญหาเรื่อง Hate Speech ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นบนแพลตฟอร์ม และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ Facebook ออกมาตรการการรับมือกับปัญหานี้อย่างจริงจังและดีขึ้นกว่าเดิม
ที่มา : BuzzFeed News