แท็บเล็ต ยังเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สามารถช่วยให้การเคลียร์งานเป็นไปได้อย่างราบรื่นจนกลายเป็นของสำคัญของหลายๆ คนที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว เป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองบนโต๊ะทำงานของหลายๆ คน และบ่อยครั้ง ยังเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหลักเวลาพนักงานออฟฟิศอย่างเราต้องออกไปทำงานนอกสถานที่อีกด้วย
สิ่งสำคัญสำหรับการเลือกแท็บเล็ตเพื่อใช้ในการทำงาน นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ต้องดูทันสมัยและเสริมลุคความเป็น Professional ให้กับผู้ใช้งานแล้ว แท็บเล็ตเครื่องนั้นๆ ควรมีฟีเจอร์ที่รองรับการใช้ทำงานทั้งในและนอกออฟฟิศได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งต้องช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยบทความนี้ได้รวบรวมฟีเจอร์สำคัญบนแท็บเล็ตสุดคุ้ม HUAWEI MatePad รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มนุษย์เงินเดือนเจนใหม่อย่างเราไม่ควรมองข้าม หากต้องการแท็บเล็ตสักเครื่องไว้เป็นอุปกรณ์ไอทีคู่ใจในการทำงาน
จอต้องใหญ่ ไมค์ต้องดี พร้อมประชุมออนไลน์ได้ทุกที่ ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
ปัจจุบันพนักงานออฟฟิศอย่างเรามักจะต้องออกไปลุยงานนอกสถานที่ หรือต้องทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แท็บเล็ตจึงเป็นอุปกรณ์ไอทีสารพัดประโยชน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานในยุค New normal นี้สุดๆ โดยเฉพาะการใช้ประชุมงานทางไกลกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานจากนอกสถานที่ เพราะแท็บเล็ตส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับกล้องและลำโพงในตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ทุก Teleconference มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอใหญ่มากกว่า 10 นิ้วขึ้นไป
และมีความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD (1920×1080) ขึ้นไป เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ส่วนกล้องหน้าก็ควรมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 5 MP เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถมองเห็นคุณได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้แท็บเล็ตที่ใช้ควรมาพร้อมกับลำโพงไม่น้อยกว่า 4 ตัวขึ้นไป พร้อมด้วยไมโครโฟนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถประชุมได้แบบไม่มีสะดุดแม้ไม่ได้ใส่หูฟัง นอกจากนี้ หากแท็บเล็ตคู่ใจรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุดอย่าง Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 6 จะช่วยให้สัญญาณภาพและเสียงมีความเสถียรและลื่นไหลยิ่งขึ้นอีกด้วย
สเปกต้องแรง เปิดแอปฯ ต้องไว ใช้งานได้ไม่มีหน่วง
สเปกเครื่องเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามขณะพิจารณาเลือกแท็บเล็ตมาใช้เพื่อการทำงาน แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมเลือกชิปเซ็ตประมวลผลแรงๆ บนแท็บเล็ตสำหรับใช้เล่นเกมเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง สเปกเครื่องมีผลกับการใช้ทำงานเป็นอย่างมาก เพราะสเปกดีๆ จะช่วยให้การเปิดแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานเอกสาร สไลด์พรีเซนเตชั่น หรือโปรแกรมเสิร์ชเอนจิ้นหาข้อมูลต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอโหลดโปรแกรมให้เสียอารมณ์ รวมทั้งยังสามารถเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้หลายตัวและสามารถสลับการใช้งานไปมาได้อย่างราบรื่น ซึ่งหน่วยความจำ (RAM) ของเครื่องก็ไม่ควรน้อยกว่า 4 GB และตัวเครื่องก็ควรจะมีความจุข้อมูล (ROM) อย่างน้อย 64 GB ขึ้นไป
อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำ เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เหนือกว่า
แค่ฟีเจอร์ปกติที่มาพร้อมแท็บเล็ตอย่างเดียวคงดูเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปสำหรับการใช้แท็บเล็ตทำงานในยุค Remote working แบบนี้ หากอยากทำงานให้สะดวกสบายและเสร็จทันกำหนดได้เร็วและดีกว่าเดิม แท็บเล็ตในมือต้องมาพร้อมฟีเจอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่นฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน HUAWEI MatePad อย่าง Multi-screen Collaboration ที่ช่วยผสานการทำงานแบบไร้รอยต่อข้ามดีไวซ์ของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ขึ้นไปผ่าน HUAWEI Share ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ งานที่ทำค้างอยู่ หรือข้อมูลต่างๆ ก็รับส่งกันไปมาได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ส่วนฟีเจอร์ Multi-Window ที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นมาเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม ก็ลงตัวสุดๆ สำหรับการทำงานแบบ Multi-tasking เพราะผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานได้ 2 หน้าต่างในเวลาเดียวกันเพียงแค่ปัดซ้ายที่ด้านขวาของหน้าจอ เลือก 2 แอปฯ ที่ต้องการเปิดใช้งานพร้อมกัน ซึ่งสามารถเปิดได้พร้อมกันสูงสุด 3 แอปฯ แค่นี้ก็เพิ่มความสะดวกได้อีกหลายเท่าตัว นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์เพื่อการใช้งานแอปพลิเคชันให้สนุกกว่าเดิม คือ HUAWEI APP Multiplier ที่ช่วยเติมเต็มความฟินจากการเปิดใช้งาน 2 หน้าจอได้ใน 1 แอปพลิเคชันเช่น Pantip, Lazada, และ JD Central
จัดเต็มแอปฯ เพื่อการทำงานและความบันเทิง
จะใช้แท็บเล็ตทำงานทั้งที แอปฯ ดีๆ ต้องมีครบให้สมกับเป็นมืออาชีพไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ในเครือ Microsoft Office อย่าง Word, Excel, Teams, และ PowerPoint หรือ Zoom ก็สามารถหาโหลดเก็บไว้ใช้งานบนแท็บเล็ตได้ง่ายๆ ผ่านคลังแอปฯ ของคนรุ่นใหม่อย่าง HUAWEI AppGallery ที่รวบรวมแอปฯ จากหลากหลายหมวดหมู่เอาไว้มากมายและครบครัน รวมไปถึงแอปฯ เพื่อความบันเทิงอย่าง LINE TV แอปจากช่องการ์ตูนญี่ปุ่นอันดับ 1 ของไทย Cartoon Club หรือแอปฯ ซื้อของออนไลน์อย่าง Lazada และ JD Central ไม่ว่าจะแอปฯ ยอดฮิตตัวไหนสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ก็มีครบจริงๆ ผู้ใช้งานจึงไม่ต้องหวั่นในวันที่มีงานเยอะหรืองานด่วน เพราะมีตัวช่วยดีๆ เป็นแอปฯ ต่างๆ ใน HUAWEI AppGallery ให้ทำงานได้สำเร็จอย่างเต็มประสิทธิภาพและยังสามารถปลีกเวลาไปผ่อนคลายง่ายๆ ด้วยหลากหลายแอปฯ เพื่อความบันเทิง
ใช้ทำงานได้ยาวๆ แบบถนอมสายตา
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ต้องคำนึงถึงเวลาเลือกแท็บเล็ตสำหรับการทำงานก็คือฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า เพราะหน้าจอที่สว่างจ้าเกินไปจากแสงชนิดนี้ คือตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นจึงควรมองหาแท็บเล็ตที่มีตรารับรองมาตรฐานการลดแสงสีฟ้าอย่าง TÜV Rheinland หรือมีฟีเจอร์การเปิดโหมด eBook ที่ช่วยปรับแสงทั้งหมดบนหน้าจอให้อ่อนลง เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการใช้จอนานๆ เช่น อาการแสบตาหรือล้าตา ทำให้สามารถใช้แท็บเล็ตทำงานต่างๆ ได้ตลอดทั้งวันอย่างไร้กังวล นอกจากนั้น อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องความทนทานของแบตเตอรี่ในตัวแท็บเล็ตที่ต้องใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน โดยแบตเตอรี่ของแท็บเล็ตควรมีความจุไม่ต่ำกว่า 7,000 – 8,000 mAh รองรับการเปิดทิ้งไว้ได้นานเกินกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องมาเสียเวลาปิดเครื่องแล้วเสียบปลั๊กชาร์จไฟใหม่หลายรอบในแต่ละวัน
สรุปง่ายๆ ว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเลือกแท็บเล็ตเอาไว้ใช้ทำงานประกอบไปด้วย หน้าจอต้องใหญ่ แบตเตอรี่ต้องอึด ไมค์กับลำโพงต้องดี มีฟีเจอร์พัฒนาพิเศษเพื่อประสบการณ์การใช้งาน เป็นมิตรต่อดวงตาด้วยฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า และมีสเปกแรงรองรับการใช้งานได้ทุกแอปฯ ซึ่งในบรรดาแท็บเล็ตที่วางตลาดอยู่ในตอนนี้ แท็บเล็ตน้องใหม่อย่าง HUAWEI MatePad รุ่นใหม่ล่าสุดสี Midnight Grey ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่วัยทำงาน โดยตัวเครื่องใช้หน้าจอความละเอียด 2000 x 1200 พิกเซล ขนาด 10.4 นิ้ว มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 84%
นอกจากนี้ยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ในการลดแสงสีฟ้าอีกด้วย สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังของ HUAWEI MatePad มีความละเอียดถึง 8 MP ทั้งยังมีลำโพงและไมโครโฟนอีกอย่างละ 4 ตัว การันตีด้วยการรับรองคุณภาพจาก harman/kardon เพื่อรองรับการใช้ประชุมออนไลน์ ที่สำคัญ HUAWEI MatePad ตัวล่าสุดนี้ยังมาพร้อมกับการอัปเกรดด้วยชิปเซ็ตใหม่ Kirin 820 ขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาถึง 2.36 GHz และการ์ดจอ Mali-G57 ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี GPU-Turbo
เพื่อมอบประสบการณ์ภาพอันลื่นไหลและประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งยังมีหน่วยความจำ 4 GB ความจุข้อมูลที่มากถึง 128 GB และมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 7,250 mAh สามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ใครที่อ่านสเปกเครื่องแล้วสนใจถอยมาใช้เป็นแท็บเล็ตคู่กาย สามารถเป็นเจ้าของ HUAWEI MatePad ได้ในราคาเพียง 9,990 บาท โดยสามารถหาซื้อกันได้ที่ HUAWEI Experience Store หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ HUAWEI MatePad ได้ที่ https://bit.ly/3sgb7qt หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ที่นี่