Intel Core Series H เจนเนอเรชั่นที่ 11 สำหรับแล็ปท็อป นำโดยโปรเซสเซอร์รุ่นเรือธง Intel Core i9-11980HK สำหรับเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่ดีที่สุดในโลก ที่ส่งมอบประสิทธิภาพขั้นสูงสุด บนแล็ปท็อปให้แก่เหล่าเกมเมอร์ นักสร้างคอนเทนต์ และนักธุรกิจระดับมืออาชีพ พร้อมเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 5.0 กิกะเฮิรตซ์
นาย คริส วอล์กเกอร์ รองประธานบริษัทอินเทล และผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Mobile Client Platforms กล่าวว่า “โปรเซสเซอร์ Intel Core Series H เจนเนอเรชั่นที่ 11 ได้ยกระดับการเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปการสร้างคอนเทนต์ และเวิร์คสเตชันเชิงพาณิชย์ไปอีกขั้น โดยโปรเซสเซอร์ ซีรีส์ H ตัวล่าสุดนี้ เป็นภาคต่อที่น่าตื่นเต้นจากตระกูลเจนเนอเรชั่นที่ 11 สำหรับแล็ปท็อป
ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพ สูงถึงสองหลักบนคอร์เดี่ยวและมัลติคอร์ ประสบการณ์การเล่นเกมเหนือชั้น พื้นที่จัดเก็บโดยตรง และรองรับ PCIe 4.0 จำนวน 20 เลน เพื่อมอบแบนด์วิธแพลตฟอร์มระดับสูงแก่ผู้มองหาอัตราการส่งถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ H เจนเนอเรชั่นที่ 11 ยังเป็นโปรเซสเซอร์แล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม สร้างสรรค์คอนเทนต์ และเชื่อมต่อกับงานขั้นสูงทุกรูปแบบได้ตามต้องการ”
เกี่ยวกับประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างทรงพลังระดับเดสก์ท็อปบนแล็ปท็อป: ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core ซีรีส์ H เจนเนอเรชั่นที่ 11 อินเทลเดินหน้าต่อยอดความเชี่ยวชาญในการออกแบบโปรเซสเซอร์ขั้นสูงสำหรับการเล่นเกมบนพีซี เพื่อส่งมอบโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดสำหรับเกมมิ่งแล็ปท็อปให้แก่เหล่าเกมเมอร์ทั่วโลก
การขยายประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องจากโปรเซสเซอร์ Intel Core ซีรีส์ H35 เจนเนอเรชั่นที่ 11 มาสู่โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ H เจนเนอเรชั่นที่ 11 ซึ่งใช้เทคโนโลยี SuperFin ขนาด 10 นาโนเมตร มาพร้อมจำนวนคอร์สูงสุดถึง 8 คอร์และ 16 เธรด พร้อมด้วยประสิทธิภาพเทอร์โบแบบคอร์เดี่ยวและคอร์คู่ได้สูงถึง 5.0 GHz นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ยังสามารถเข้าถึงหน่วยความจำ GDDR6 ความเร็วสูงที่เชื่อมต่อกับกราฟิกการ์ดได้โดยตรง
ทำให้เหล่าเกมเมอร์สามารถสัมผัสประสบการณ์เฟรมเรตที่สูงขึ้น พร้อมความหน่วงที่ต่ำลง และสามารถโหลดรายละเอียดของเนื้อหาในเกมขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โปรเซสเซอร์แล็ปท็อปมีแบนด์วิธ PCIe โดยรวมต่อ CPU มากกว่าถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ ซีรีส์ H เจนเนอเรชั่นที่ 10 และมากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม
เกี่ยวกับแพลตฟอร์มสุดล้ำสมัย Intel Core ซีรีส์H เจนเนอเรชั่นที่ 11: โปรเซสเซอร์แล็ปท็อปนี้ มอบพลังให้แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์และนักธุรกิจให้สามารถทำงานรวดเร็วขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยองค์ประกอบและการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ตัวโปรเซสเซอร์ยังมอบเทคโนโลยี PCIe Gen 4 จำนวน 20 เลน เป็นครั้งแรกสำหรับแล็บท็อป ทั้งยังมอบการสตรีมวิดีโอความละเอียด 4k HDR/Dolby Vision รวมถึงการกำหนดค่าที่หลากหลาย พร้อมการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว และเทคโนโลยี Intel Optane แบบไฮบริด เพื่อประสิทธิภาพและความจุระดับสูง รวมถึงรองรับ Intel Killer Wi-Fi 6E (Gig +) ความเร็ว 6GHz และ Thunderbolt 4 ความเร็วสูงสุด 40 กิกะไบต์ (GB) ต่อวินาที เพื่อการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น
คุณสมบัติใหม่ของแพลตฟอร์ม ได้แก่:
- PCIe Gen 4.0 จำนวน 20 เลน พร้อมเทคโนโลยี Intel Rapid Storage ที่สามารถเปิดใช้งานได้จาก Raid 0 โดยมีจำนวนเลน PCIe รวมสูงสุดถึง 44 เลน เมื่อรวมถึง PCIe Gen 3.0 จำนวน 24 เลน จาก Platform controller hub
- รองรับมาตรฐานหน่วยความจำสูงสุดถึง DDR4-3200
- Thunderbolt 4 พร้อมความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 40Gbps
- Intel Killer Wi-Fi 6E (Gig +) แบบแยก
- รองรับ Dual Embedded Display Port ในตัว เพื่อการแสดงผลร่วมที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ อินเทลยังเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel vPro ซีรีส์ H นำโดย Intel Core i9-11950H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด และโปรเซสเซอร์แล็ปท็อปIntel Xeon ซีรีส์ W-11000 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Intel vPro® เจนเนอเรชั่นที่ 11 แพลตฟอร์มเครื่องพีซีสำหรับธุรกิจเหนือระดับนี้ ส่งมอบความปลอดภัยบนพื้นฐานฮาร์ดแวร์อย่างครอบคลุม4 ประสิทธิภาพล้ำสมัย และประสบการณ์การประมวลผลที่ทรงพลังสำหรับผู้ใช้มืออาชีพ
เช่น วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักสร้างคอนเทนต์ และนักวิเคราะห์ด้านการเงินที่ต้องทำงานกับแอปพลิเคชันแบบมัลติเธรดประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้งานอย่างคล่องตัวทั้งในและนอกสถานที่ เมื่อรวมโปรเซสเซอร์ Intel Core vPro ซีรีส์ H เจนเนอเรชั่นที่ 11 ตัวใหม่ และโปรเซสเซอร์แล็ปท็อปXeon ซีรีส์ W-11000 ที่เปิดตัววันนี้ เข้ากับแพลตฟอร์ม Intel Core vPro จะสามารถมอบประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานดังต่อไปนี้:
- หน่วยความจำ Xeon + Error Correcting Code (ECC)
- Intel Hardware Shield – พิเศษเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Intel vPro ซึ่งมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์แล็ปท็อปIntel Core vPro เจนเนอเรชั่นที่ 11 นำเสนอความปลอดภัยบนพื้นฐานฮาร์ดแวร์ที่ครอบคลุมที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจ และชิปประมวลผลที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ตัวแรกและตัวเดียวในอุตสาหกรรมที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามจากการโจมตีของมัลแวร์เรียกค่าไถ่และลอบขุดเหมืองคริปโตบนระบบปฏิบัติการ Windows ได้ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Intel Control-flow Enforcement ใหม่ล่าสุดที่ช่วยยับยั้งประเภทการโจมตีที่สามารถเล็ดรอดการตรวจจับของโซลูชันซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้
- Intel Total Memory Encryption
- Intel Active Management Technology
- Intel Deep Learning Boost