Microsoft จะยอมลดรายได้จากการขาย PC Game ผ่านทาง Microsoft Store จากเดิม 30% เหลือ 12% ซึ่งทางนักพัฒนาเกมต่าง ๆ จะได้รับเงินจากรายได้ตรงนี้มากขึ้น โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป
การแบ่งรายได้ 12% ต่อ 88% นี้ทำให้ Microsoft Store มีนโยบายที่ตรงกันกับ Epic Games Store เมื่อเทียบกับ Steam ซึ่งเป็นผู้นำตลาด PC Game ที่เคยได้ส่วนแบ่งแบบ 30 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็ลดลงเหลือ 25 เปอร์เซ็นต์และ 20 เปอร์เซ็นต์สำหรับเกมที่ทำกำไรได้เยอะ
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วฮาร์ดแวร์สำหรับเกมคอนโซลจะวางขายเป็นส่วนเสริม รวมไปถึงการสมัครสมาชิกเพื่อทำกำไร เพราะผู้ถือแพลตฟอร์มรายใหญ่ส่วนมากยังคงคิดค่าธรรมเนียมแบบ 30% กันอยู่
“นักพัฒนาเกมเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเกมที่ยอดเยี่ยมมาให้ผู้เล่นของเรา และเราต้องการให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มของเราเช่นกัน” Matt Booty หัวหน้าสตูดิโอเกมของ Xbox กล่าว
“ส่วนแบ่งรายได้ที่ชัดเจนและไม่ผูกมัดนี้ หมายความว่านักพัฒนาสามารถนำรายได้ไปพัฒนาเกม เพื่อให้ผู้เล่นได้เล่นเกมดี ๆ มากขึ้น และพบกับความสำเร็จทางการค้าที่มากขึ้นเช่นกัน”
Booty กล่าวเพิ่มเติมว่า Microsoft Store กำลังทำการทดสอบโดยมุ่งเน้นไปที่ “การปรับปรุงความน่าเชื่อถือในการติดตั้ง และความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น” โดยจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดูเหมือนว่า Microsoft จะขยาย Xbox Game Pass ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ และส่วนแบ่งรายได้ที่น่าสนใจน่าจะกระตุ้นให้นักพัฒนาเกมพีซีเปิดตัวเกมบน Store ของ Microsoft มากขึ้น แปลว่าเราจะได้เล่นเกมพีซีบน Xbox Game Pass มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังประกาศเกี่ยวกับ Halo Infinite ที่จะเปิดตัวบน PC และคอนโซล Xbox ในปลายปีนี้ แถมยังรองรับการเล่นแบบ crossplay และ cross-progression ด้วย โดยเกม Halo: The Master Chief Collection นี้มีผู้เล่นมากกว่า 10 ล้านคนนับตั้งแต่ที่มันเปิดตัวบน Xbox Game Pass for PC
ที่มา eurogamer