เบื้องหลัง OPPO Find X3 Pro 5G สวยล้ำอวกาศ คว้ารางวัล Red Dot Design Awards ด้านการ ออกแบบ ผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต

สำหรับในปี 2021 นี้ ถ้าให้พูดถึงสมาร์ทโฟนรุ่นที่ ออกแบบ มาได้สวยที่สุด OPPO Find X3 Pro 5G ถือเป็นชื่อแรกๆ ที่ทีมงานล้ำหน้าฯ เรานึกถึงขึ้นมาทันที

แต่ทว่า การจะได้มาซึ่งความสวยงามที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงเสน่ห์อันลุ่มลึกแบบนี้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะ OPPO มีทั้งขั้นตอนกระบวนการ ตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงกรรมวิธีการผลิตที่สลับซับซ้อนมากมาย จนคว้ารางวัล Red Dot Design Awards ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต

วันนี้ เราจะมาเผยถึงเบื้องหลัง ทั้งปรัชญา แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีนวัตกรรม ว่า OPPO ทำอย่างไร จึงสามารถรังสรรค์สร้างให้ OPPO Find X3 Pro 5G ออกมาสวยสะกดสายตาได้เพียงนี้

เบื้องหลังการ ออกแบบ OPPO Find X3 Pro 5G สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพระดับไฮเอนด์แห่งอนาคต

OPPO ได้ใช้แรงบันดาลใจจากอวกาศ ในการ ออกแบบ OPPO Find X3 Pro 5G โดยการใช้เทคโนโลยีวิศวกรรมชั้นสูง ที่ใช้วัสดุเป็นกระจกชิ้นเดียว ขึ้นรูปแบบไร้รอยต่อ และมีความโค้งมนต่อเนื่องทั้งตัวเครื่อง ไม่ใช่แค่แค่ด้านข้างหรือขอบเครื่อง แต่ในส่วนของโมดูลกล้องหลังที่นูนขึ้นมา ก็ยังทำให้มีความโค้งเว้า

จะเห็นว่า ทุกจุดรอบตัวเครื่องไม่มีส่วนที่เป็นเหลี่ยมมุมเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้คุณถือเครื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติและสบายกระชับมือมากๆ เป็นความสวยงามที่ราบเรียบและสุนทรีย์เมื่อสัมผัส

และนี่คือเบื้องหลังเทคโนโลยีขั้นสุดยอดของทาง OPPO ที่ใช้ในการออกแบบและผลิต OPPO Find X3 Pro 5G ที่มีขั้นตอนดังนี้

การจะทำกระจกชิ้นเดียว ให้ขึ้นรูปออกมาโค้งเว้าได้แบบนี้ ต้องใช้การออกแบบและกระบวนการผลิตที่สลับซับซ้อนมากๆ เริ่มตั้งแต่การวางตำแหน่ง Control points ที่มีมากกว่า 2,000 จุด เพื่อกำหนดและควบคุมเส้นโค้งในมิติของฝาหลังกระจกได้อย่างแม่นยำ

Find X3 Pro ออกแบบ

จากฝ่ายออกแบบก็ส่งต่อไปยังทีมวิศวกร ในการวัดคำนวนส่วนโค้ง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Zebra Analysis ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้กันในระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการฉายเส้นลายลงบนกระจก เพื่อวัดควบคุมความเรียบของพื้นผิว ให้สม่ำเสมอในทุกจุดตลอดทั้งแผ่น

Find X3 Pro ออกแบบ

มาสู่ขั้นตอนการผลิตที่ต้องผ่านกระบวนมากกว่า 100 ขั้นตอน อัดรีดกระจกบนแม่พิมพ์กราไฟต์ ภายใต้อุณหภูมิสูงกว่า 700 องศาเซลเซียส เพื่อให้ได้รูปทรงโค้งอย่างที่ต้องการ

เมื่อได้รูปทรงแล้ว ก็จะข้าสู่กระบวนการ CNC แบบ 12-axis ในการเจาะตำแหน่งกล้องและเก็บรายละเอียดของพื้นผิวอย่างปราณีต จากนั้นจึงนำไปทำสีที่ใช้เทคนิคเคลือบแบบ OC0+ เป็นการพ่นหมึกลงบนพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้บริเวณผิวเรียบมีแสงสะท้อนมากขึ้น และช่วยลดโอกาสที่กระจกจะแตกร้าวเมื่อตกหล่นกระแทก โดย 50% ของฟิล์มที่ติดอยู่ด้านในของกระจก ก็จะช่วยป้องกันการแตกร้าว และไม่ก่อให้เกิดอันตรายหากเสียหายจากแรงกระแทก

Find X3 Pro ออกแบบ

สีของ OPPO Find X3 Pro 5G นั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 สีด้วยกันคือ สีดำ Gloss Black เป็นสีดำที่ผ่านกระบวนการเคลือบแบบพิเศษ เพื่อให้ฝาหลังมีการสะท้อนคล้ายเซรามิกแบบสี Gloss Black มอบความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งและความงดงามอันล้ำลึก

และอีกสีคือ สีฟ้า Blue ที่ทำผิวสัมผัสของกระจก 2 แบบ 2 โทนในแผ่นเดียว ด้วยกระบวนการผลิตแบบใหม่ที่ใช้วัสดุ frost matte ที่ให้สัมผัสแบบแก้วที่มีความนุ่นวลดั่งผ้าไหม อีกทั้งยังเคลือบสารที่ป้องกันการเกิดรอยเปื้อนและรอยนิ้วมือได้อย่างหมดจด ทำให้ฝาหลังดูสวยงามได้ตลอดเวลา

จะเห็นได้ว่า ความสวยงามที่เรียบง่ายนี้ ต้องออกแบบอย่างพิถีพิถันและใช้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากๆ กว่าจะได้กระจกฝาหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G แต่ละชิ้น ต้องใช้เวลาในกระบวนผลิตมากกว่า 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และที่ต้องปรบมือให้กับการออกแบบตัวเครื่อง ที่นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังทำออกมาให้มีความบางและเบาได้อย่างเหลือเชื่อ OPPO Find X3 Pro 5G ใช้หน้าจอ AMOLED ความละเอียด QHD+ ที่ใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แต่ตัวเครื่องนั้นมีความบางอยู่ที่ 8.26 มิลลิเมตร และหนักเพียงแค่ 193 กรัมเท่านั้น

OPPO Find X3 Pro ออกแบบ

OPPO Find X3 Pro 5G คว้ารางวัล Red Dot Design Awards 2021 ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์

เป็นสิ่งการันตีให้กับความทุ่มเทในการออกแบบของทาง OPPO เพราะว่ารางวัล Red Dot Design Awards ถือเป็นการแข่งขันด้านการออกแบบในระดับมืออาชีพ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และคณะกรรมการพิจารณาด้านการออกแบบจากผลิตภัณฑ์หลายพันชิ้นที่่ส่งมาจาก 60 ประเทศทั่วโลก

และด้วยการออกแบบที่ผสมผสานความงามแบบเรียบหรูคลาสสิก เข้ากับความล้ำสมัยแห่งอวกาศในยุคอนาคตได้อย่างน่าประทับใจ จึงทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G คว้ารางวัล Red Dot Design Awards 2021 ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์มาครองได้

เปิดประสบการณ์ สมาร์ทโฟนที่สุดแห่งพันล้านสี ทั้งหน้าจอและกล้อง

OPPO Find X3 Pro 5G มาพร้อมเทคโนโลยีแห่งสีสัน 10 bit Full-path Colour Engine ระบบการประมวลสีแบบครบวงจร ตั้งแต่ตัวกล้องถ่ายภาพ ไปจนถึงการแสดงผลบนหน้าจอ ให้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์สีที่นุ่มนวลและสมจริงได้มากถึงหนึ่งพันล้านสีครั้งแรกของโลก และมี Adaptive Refresh Rate 120Hz ให้ความไหลลื่นในการแสดงผลบนจออย่างละมุนตา

กับครั้งแรกที่ใช้กล้องหลักแบบคู่ 1 พันล้านสี บนกล้อง Wide-angle และ Ultra-wide-angle ความละเอียด 50MP และเซ็นเซอร์ Sony IMX766  ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ก็สามารถเก็บสีสันได้ระดับพันล้านสี ในหลากหลายมุมมอง และเปิดโลกกล้อง Microlens ครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน ให้คุณถ่ายภาพในระยะใกล้ เหมือนมองผ่านด้วยกล้องจุลทรรศ์ ด้วยกำลังขยายสูงสุดถึง 60 เท่า และถ่ายวิดีโอขนาดเล็กได้ความละเอียดสูงสุด 1080p

เปี่ยมล้นทรงพลัง อัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยรวมไว้ในเครื่องเดียว

เรื่องของสเปคนั้น เรียกว่าจัดเต็ม มาพร้อมขุมพลังระดับแฟล็กชิพตัวจริงอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ที่ทรงพลัง ผลิตบนเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร จัด RAM มาให้มากถึง 12GB และหน่วยความจำภายใน 256GB รองรับการเล่นเกมกราฟฟิคคุณภาพสูงได้อย่างเต็มที่ โดยมีการประหยัดพลังงานและควบคุมอุณหภูมิของเครื่องได้อย่างดี

ตัวเครื่องรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ Dual mode ให้ความเร็วที่เสถียรในทุกสถานที่ รวมถึงใช้งานโรมมิ่งได้ทั่วโลก ด้วยการรองรับคลื่นความถี่ 5G ได้มากถึง 13 แบบ

OPPO Find X3 Pro ออกแบบ

พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4500mAh และระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 40% ได้ในเวลาเพียง 10 นาที และพบกับครั้งแรกกับเทคโนโลยี ชาร์จไวแบบไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge ชาร์จไร้สายเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียงแค่ 80 นาที พร้อมรับรองความปลอดภัยจาก TÜV Rheinland Certified ให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจ

OPPO Find X3 Pro ออกแบบ

OPPO Find X3 Pro 5G สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพที่สุดแห่งพันล้านสี พร้อวางจำหน่ายแล้วในราคา 33,990 บาท ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน