ในระยะหลัง เราเริ่มเห็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ใช้พอร์ตแบบ USB-C กันมากขึ้น ล่าสุด USB-C มีการเปิดตัว Revision 2.1 ซึ่งเป็นเอกสารอัปเดตข้อมูลสเปคจำนวน 415 หน้า โดยเราได้สังเกตเห็นการอัปเดตที่สำคัญบางอย่าง
สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดของ USB-C 2.1 นั้นเป็นการปูทางสำหรับอุปกรณ์ USB4 และมีการปรับปรุง Powe Delivery ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะมาพร้อมการชาร์จ 240W ผ่านข้อกำหนดย่อยของ Extended Power Range หรือ EPR ใหม่
ทั้งนี้ USB-IF (USB Implementers Forum) จะแก้ไข Power Delivery ในเร็วๆ นี้ เพื่อนำเสนอข้อกำหนดสเปคใหม่เพื่อให้สามารถชาร์จได้อย่างปลอดภัยด้วยความเร็วสูงสุดกว่าขีดจำกัดในปัจจุบันที่ 100W
ส่วนหนึ่งของการเตรียมการ คือ เตรียม USB Type C ให้พร้อมสำหรับ EPR ใหม่ รวมถึงข้อจำกัดของสายเคเบิ้ล/ตัวเชื่อมต่อใหม่ และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้นมาก เช่น มีโอกาสเกิดประกายไฟสูงขึ้นในขณะในขณะถอดปลั๊กสายเคเบิ้ลที่ใช้งานอยู่
นอกจากนี้ การเปิดตัว EPR ใหม่ จะทำให้สายเคเบิ้ล SPR ความเร็วสูงสุด (top-speed Standard Power Range) ในปัจจุบันจะถูกเลิกใช้งาน และสายทั้งหมดที่ถ่ายโอนกำลังไฟฟ้าสูงกว่า 3 แอมป์จะต้องมีการทำเครื่องหมาย e และผู้ใช้งานอาจไม่จำเป็นต้องซื้อสาย USB-C ใหม่ในอนาคตก็ได้
เราน่าจะกำลังได้เห็นสายเคเบิ้ล Type-C รุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกับ EPR ใหม่ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 อย่างน้อยที่สุดสายเคเบิ้ลระดับต่อไปจะมีความปลอดภัยยิ่งขึ้นเนื่องจาก USB-IF ยังมีการปรับแต่งข้อกำหนดสำหรับส่วนประกอบและโครงสร้าง
USB-IF ได้อัปเดต Power Delivery และเผยแพร่ USB-C 2.1 ในเช้าวันถัดมาภายหลังการอัปเดตเรื่อง USB Type C นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ USB Power Delivery 3.1 เพื่อนำ EPR ใหม่มาเป็นข้อมูลสเปคและปูทางไปสู่การเปิดตัวแล็ปท็อปหรือเวิร์คสเตชันที่ใช้ไฟผ่านสาย USB-C หรือแท่นวาง docking station
ต่อไป ไม่ว่าจะเกมมิ่งแล็ปท็อป , Chromebox และเดสก์ท็อป Windows อาจใช้พลังงานไฟจาก USB-C แทนที่จะใช้ปลั๊กบาร์เรล หรืออะแดปเตอร์ A/C แบบสามขาแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการประมวลผลแบบ high-end และประโยชน์กับผู้ใช้งานทุกคน
คาดว่าปลายปีนี้และต้นปีต่อไป เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้
ที่มา : Android Central | USB
รูปจาก : TECHSPOT | EASY BRANCHES