นี่ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดี เมื่อทีมที่อยู่เบื้องหลังเบราเซอร์หลักของโลกนี้อย่าง Google Chrome , Apple Safari , Mozilla Firefox และ Microsoft Edge รวมตัวกัน เพื่อปรังปรุงส่วนขยาย (extension) และส่วนเสริม (add-on) ให้อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน ทำงานได้ดีขึ้น และมีพื้นฐานความปลอดภัยที่ดีขึ้น เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากมัลแวร์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทีมงานได้เปิดเผยการอภิปรายและฟอรัมการพัฒนาที่งาน World Wide Web Consortium หรือ W3C ที่ครั้งนี้เน้นไปที่การพัฒนามาตรฐานสำหรับ ส่วนขยาย โดยมีการตั้งกลุ่ม WebExtensions Community Group เพื่อให้บรรดาวิศวกรและนักพัฒนาระบบ ได้สร้างรากฐานหลักที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยมอบความปลอดภัยที่มากขึ้น และให้สามารถเขียน ส่วนขยายออก มาได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียว
การตั้งกลุ่ม WebExtensions Community Group ขึ้นมานั้น หวังให้การตั้งค่าอินเทอร์เฟสการเขียนโปรแกรมส่วนขยาย สามารถนำไปใช้งานได้กับทุกเบราเซอร์ (ความเข้ากันได้กับทุกเบราเซอร์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง) โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพของการเข้าถึงเว็บไซต์นั้นช้า/ลดลง ไม่ทำลายเรื่องความเป็นส่วนตัว และเสริมความปลอดภัย ลดอันตรายที่ส่วนขยายเบราเซอร์จะถูกบุกรุกหรืออันตรายจากทางอื่นให้ได้มากที่สุด
เราตั้งเป้าหมายให้ทุกเบราเซอร์มีจุดร่วมเดียวกัน นำเบราเซอร์ต่างๆ ไปในแนวทางเดียวกัน และจัดทำแผนสำหรับการพัฒนาในอนาคต
WebExtensions Community Group พูดถึงเป้าหมายของกลุ่มที่ตั้งใจเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังไม่มีกำหนดการสำหรับการเผยแพร่มาตรฐานการสร้างส่วนเสริมสำหรับเบราเซอร์
ส่วนขยาย และ ส่วนเสริม มีความสำคัญต่อเบราเซอร์มากๆ มันเป็นเหมือนเครื่องมือหนึ่งที่มีประโยชน์ เช่น สามารถใช้บล็อกโฆษณา , เป็นเครื่องมือในการจัดการรหัสผ่าน , ค้นหาคูปองส่วนลดเมื่อเราเลือกสินค้าลงตะกร้า หรือแม้แต่แทนที่รูปภาพของนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยรูปแมว เป็นต้น
เบราเวอร์ Google Chrome นั้นปรับปรุง Extension ให้ทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีอย่าง JavaScript และ Cascading Style Sheets มาใช้เพื่อนำเสนอบนหน้าเว็บ อีกไม่นาน Firefox และ Safari ก็น่าจะต้องปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกับ Chrome ส่วน Edge นั้นใช้งานส่วนขยายของ Chrome เพราะ Microsoft ใช้เทคโนโลยี Chromium ที่เป็นโอเพ่นซอร์สของ Chrome
ก่อนหน้านี้ Apple เคยประกาศเอาไว้ในงาน WWDC 2020 ว่าจะนำส่วนขยายของ Chrome มาใช้งานใน Safari ในงาน WWDC 2021 ที่จะมีขึ้นวันที่ 7-11 มิถุนายน เราคงได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
ที่มา : CNET
รูปจาก : Productivity Hub
