Marie Bee Bloom แบรนด์สัญชาติดัตช์ ได้ฝังเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงใน หน้ากากอนามัย แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ที่ทำจากกระดาษสา เพื่อลดมลภาวะจากขยะพลาสติกและให้เมล็ดพันธุ์กลับสู่ธรรมชาติเมื่อทิ้งหน้ากาก
เมื่อนำไปปลูกในดินแล้วทำการรดน้ำ เมล็ดจะเริ่มงอกในเวลา 3 วันและเติบโตเป็นดอกไม้ป่าผืนเล็กๆ ในที่สุด
หน้ากากอนามัยดังกล่าว ผลิตขึ้นในกิจกรรมเวิร์คช็อปในชุมชนเล็กๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมันสามารถย่อยสลายได้เองไม่ว่าจะวางไว้ในสวนเฉยๆ หรือฝังกลบในดิน
ดีไซเนอร์ได้คิดและผลิตแมสแบบนี้ขึ้นมา เพื่อทดแทนชุด PPE แบบใช้แล้วทิ้งที่ทำจากพลาสติก ซึ่งใช้เวลาถึง 450 ปีในการย่อยสลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นการลดมลพิษและขยะจากพลาสติก Marianne de Groot-Pons ผู้ก่อตั้งแบรนด์จึงหวังที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติขึ้นมาใหม่ด้วยการปลูกเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ใน หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง มันประกอบไปด้วยเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ป่าของดัตช์ 7 ชนิด อย่างเช่น ดอกเดซี่ , พิทูเนีย , คอร์นฟลาวเวอร์ และ เบบี้ บรีท เป็นต้น โดยเมล็ดพันธุ์จะติดอยู่กับหน้ากากด้วยการใช้แป้งมันฝรั่งแบบโฮมเมดคั่นด้วยกระดาษข้าว 2 แผ่น
เมื่อพูดถึงคุณสมบัติการป้องกัน หน้ากากอนามัยของ de Groot-Pons ที่ผลิตจากกระดาษและใส่เมล็ดเมล็ดพันธุ์ดอกไม้เอาไว้ สามารถปกป้องได้ดีมากพอๆ กับหน้ากากอนามัยแบบทำมือแบบอื่นๆ เช่นกัน
วัสดุที่นำมาใช้นั้น บอกเลยว่าคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในทุกรายละเอียด อย่างหมึกที่นำมาพิมพ์โลโก้ด้านนอกของหน้ากากเป็นหมึกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ไม่มีสารเคมีอันตราย ส่วนสายคล้องหูก็ทำมาจากขนแกะปั่น
Marianne de Groot-Pons ต้องการที่จะขยายแบรนด์ไปสู่ระดับสากลด้วยเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ของแต่ละท้องถิ่น
ที่มา : de zeen
