ตอนนี้ปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ตทั่วโลก เริ่มส่งผลกระทบต่อกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และแม้กระทั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเองก็เริ่มมีราคาสูงขึ้นแล้วเช่นกัน
ตามรายงานของ ChinaDaily เผยว่ าตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้เริ่มมีการปรับราคาสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รายงานจาก Business Herald ระบุว่า ราคาการจัดส่งแล็ปท็อปโดยเฉลี่ยในประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึง 6.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
Liu Jun ประธาน Lenovo สาขาประเทศจีน กล่าวในการบรรยายสรุปทางการเงินว่า “คาดว่าอุตสาหกรรม PC จะยังคงมีราคาสูงขึ้นตลอดทั้งปี” และ Jitesh Ubrani นักวิจัยของ IDC ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงต่อสู้กับการขาดแคลนชิปเซ็ตและปัญหาด้านลอจิสติกส์ ที่มีส่วนทำให้ราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุปกรณ์ประเภท คอมพิวเตอร์พีซี และ แล็ปท็อป บางรุ่น ในประเทศจีน อาทิ Huawei MateBook รุ่นต่าง ๆ เริ่มมีราคาเพิ่มขึ้นระหว่าง 300-600 หยวน (ประมาณ 1,490-2,950 บาท) ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แบรนด์ผู้ผลิตพีซีอย่าง Acer, ASUS และ Lenovo ต่างก็ต้องขึ้นราคาแล็ปท็อปเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ตในปัจจุบัน
รายงานสถิติเปิดเผยว่าตอนนี้กว่า 30 บริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้ทำการปรับราคาสินค้าตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยมีการปรับขึ้นราคาให้สูงขึ้นกว่าเดิม 10-30% จากราคาเดิมของสินค้า
Ryan Reith รองประธานโครงการ IDC กล่าวว่า “การขาดแคลนชิปเซ็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตต้องเติมสินค้าคงคลังและดำเนินการตามคำสั่งซื้อให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น” แต่น่าแปลกที่ถึงแม้จะมีปัญหาขาดแคลนชิป แต่รายรับจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 464 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว
ที่มา gizmochina